31/08/2022
ปัญหาการฉีดยาคุมกำเนิดในสุนัขและแมว (ตอนที่ 1)
เมื่อสุนัขและแมว อยู่ในช่วงอาการติดสัดมักจะสร้างความวุ่นวายใจให้กับเจ้าของไม่น้อย หลาย ๆ คนคงยังตัดสินใจพาสัตว์เลี้ยงไปทำหมันและหลายคนก็ยังต้องการแค่ฉีดยาคมกำเนิด
จากกระแสที่เกิดขึ้นมากมายในสังคม เมื่อสัตว์เกิดอาการมดลูกอักเสบ (pyometra) สืบเนื่องมาจากการฉีดยาคุมกำเนิดนั้นทำให้หลาย ๆ หน่วยงาน หันมารณรงค์ ห้ามฉีดยาคุมกำเนิดให้กับสัตว์เลี้ยง และหันมาใช้วิธีการผ่าตัดทำหมันแทน
การฉีดยาคุมกำเนิด โดยใช้ฮอร์โมนในแมวและสุนัขนั้น นอกจากจะก่อให้เกิดอันตรายกับตัวสัตว์ที่ได้รับการฉีดโดยตรงแล้ว ยังอาจส่งผลต่อเนื่องอีกหลายอย่างที่คิดไม่ถึง
ฮอร์โมนคุมกำเนิด ที่ใช้ในสุนัขและแมว มีหลากหลาย ส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบ โพรเจสโตเจน หรือ โพรเจสติน (progestogens or progestins; PGs) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ (synthetic analogues) ของ progesterone เช่น medroxyprogesterone acetate (MPA-Depoâ), megestrol acetate (MA), proligestone (PR-Covinan), chlormadinone acetate (CMA), delmadinone acetate (DMA), norethisterone acetate (NTA) และ melengestrol acetate (MGA)
มีการใช้มากในการควบคุมการเป็นสัดของในสัตว์หลาย ๆ ชนิด เช่น ในสุนัขและแมว โดยขึ้นอยู่ช่วงที่ใช้
1.ใช้คุมกำเนิดแบบชั่วคราว (เริ่มใช้ในช่วงก่อนการเกิดระยะ proestrus หรือก่อนเป็นสัดระยะแรก)
2.ใช้คุมกำเนิดแบบระยะเวลานาน (เริ่มในช่วง anestrus คือช่วงที่ไม่เป็นสัด )
3.ใช้เลื่อนการเป็นสัดออกไป หรือใช้เพื่อกดการเป็นสัด (เริ่มใช้เมื่อเริ่มเป็นสัดไปแล้วในระยะต้น - ใช้ได้บางชนิดเท่านั้น)
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไปหยุดการสร้าง การหลั่งของฮอร์โมนปกติจากสมอง โดยแต่ละตัวก็จะมีผลต่อระบบสืบพันธุ์และระบบฮอร์โมนต่าง กัน เช่น
- เกิดถุงน้ำที่รังไข่
- เกิดพัฒนาตัวอ่อนผิดปกติ คลอดยาก ลูกตายในท้อง หรือกลายเป็นเนื้องอก
- ลดการสร้างหรือเพิ่มการหลั่งของฮอร์โมนบางชนิด เกี่ยวเนื่องกับภาวะเบาหวาน
- แม่สัตว์บางตัวเป็นมดลูกอักเสบ
เมื่อถูกยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนจากสมอง ทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุลและทำให้เกิดผลข้างเคียง อาจมีผลต่อพฤติกรรม เช่น หากใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง เนื่องจากมีการกดการทำงานของไขกระดูกได้
ผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดจากการใช้ยาชนิดนี้สามารถป้องกันได้ ถ้ามีการใช้ในขนาดที่ถูกต้องและไม่ใช้ติดต่อนานจนเกิดไป การเลือกใช้ในสัตว์แต่ละตัวควรคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ คือ
1. ต้องรู้วงรอบการเป็นสัดของสุนัขและแมวอย่างชัดเจน โดยสัตวแพทย์ต้องทำการตรวจทุกครั้งก่อนคิดให้ฮอร์โมนคุมกำเนิด
2. อย่าเลือกผลิตภัณฑ์ในรูปแบบที่ออกฤทธิ์ได้นาน ในการเป็นสัดครั้งแรกในแมว เพราะจะทำให้เกิดการกระต้นการขยายของเซลล์เต้านมอย่างยาวนานได้
3. ห้ามใช้ในสัตว์ที่ตั้งท้องอยู่ เนื่องจากอาจทำให้เกิดความผิดปกติในการพัฒนาตัวอ่อนในครรภ์ หรืออาจทำให้เกิดการคลอดช้ากว่ากำหนด เกิดการตายของตัวอ่อนได้
4. ห้ามใช้ในสุนัขที่มีการเกิดเลือดออกจากมดลูก ห้ามใช้ในสัตว์ที่เกิดการเป็นสัดยาวนาน เนื่องจากอาจเกิดความผิดปกติ คือ ถุงน้ำ หรือเนื้องอกรังไข่
5. ห้ามใช้ในสัตว์ป่วยโรคเบาหวาน ควรทำการตรวจสอบค่าระดับน้ำตาลในเลือด blood glucose ในรายที่มีการให้ยามาเป็นเวลานานเพื่อตรวจสอบ glucose metabolism เสมอ
เจ้าของสัตว์หรือสัตวแพทย์สมัยใหม่ จะไม่นิยมฉีดยาคุมกำเนิดนี้แล้ว เพราะผลดีมีไม่มากเท่าผลเสีย ถ้าจำเป็นต้องฉีดจะต้องซักประวัติและตรวจร่างกายสัตว์อย่างละเอียดและไม่ทำการฉีดซ้ำหลายหน ...แต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้จะดีที่สุด...หยุด การฉีดยาคุม แล้วแนะนำให้เจ้าของทำหมันถาวรในสัตว์เลี้ยงกันเถอะค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.bec-vet.com/th/Blogs/Detail/30-ปัญหาการฉีดยาคุมกำเนิดในสุนัขและแมว
และภาพจาก https://www.osdco.net/communities/knowledge/468/dog-birth-control