Thai Wila Cattery : Thai Cats : Korat KhaoManee Suphalak Wichienmaat Konja

13/04/2023

Happy SongKran Festival 🥰

14/02/2023

❤️ Happy Valentine Day ❤️

26/01/2023

หมดกันไปเท่าไหร่กะของแมวๆ🤣

รักเหมือนลูกแท้ๆ! 🐶🐱🐦🐍

วิทยาลัยการจัดการ ม.มหิดล ได้สำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1,146 คน ส่วนมากถึง 77.3% เป็นกลุ่มคนเจเนอเรชันวาย (อายุ 24 – 41 ปี) พบว่ากลุ่มตัวอย่าง...

• 49% เลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นลูก

• 34% เลี้ยงสัตว์เพื่อสถานะทางสังคม

• 18% เลี้ยงสัตว์เพื่อช่วยเหลือและบำบัดรักษา

ค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนลูก เฉลี่ยอยู่ที่ 14,200 บาท/ตัว/ปี

สอดคล้องกับอัตราการขึ้นทะเบียนเลี้ยงสัตว์ในไทยว่า “มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากในทุกปี”

สวนทางกับอัตราการเกิดของเด็กในไทยตั้งแต่ปี 2560 ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

https://workpointtoday.com/thai-people-pet-parent/

22/01/2023

Happy Lunar New Year 2023

13/01/2023

ทาสขอลาไปเที่ยวบ้างได้ม๊าย

24/12/2022

Merry Christmas 🥰🥰🥰
น้องสบายมาส่งความสุขให้เพื่อนๆทุกคนฮ๊าฟ

28/11/2022

นึกว่ามีแค่เราที่เวลาหยุมหัวจุ๊บเหม่งเด็กๆที่บ้านแล้วรู้สึกอยากกินข้าว😆😆😆

ขอฟื้นพลังด้วยการดมน้องแมวซักฟื้ดดด
เวลาทำงานมาเหนื่อยๆ ได้เอาหน้าซุกน้องแมวนี่มันช่างแสนชื่นใจจริงๆ แถมหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน้องแมวตัวหอม โดยได้มีการสำรวจความเห็นจากคนหลากหลายประเทศพบว่าน้องแมวนั้นมีกลิ่นเหมือนคาราเมลป๊อบคอร์น กลิ่นผ้าตากแดด กลิ่นเนยอบ กลิ่นผลไม้ หรือกลิ่นถั่ว ว่าแต่ว่าทำไมแมวกลิ่นหอมจริงไหม หรือว่าเป็นสิ่งที่เจ้าของแมวคิดกันไปเอง และกลิ่นของแมวมาจากไหนกันแน่
ก่อนอื่นเราต้องเล่าก่อนว่าน้องแมวนั้นมีต่อมกลิ่นทั้งหมด 9 ต่อมในร่างกาย โดย 7 ต่อมนั้นสร้างกลิ่นแบบปกติ ในขณะที่อีก 2 ต่อม คือต่อมข้างก้นนั้นจะส่งกลิ่นฉุนหรือเหม็นแต่ส่วนใหญ่ถ้าไม่เข้าไปใกล้จริงๆ ก็จะไมได้กลิ่น จึงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนอีก 7 ต่อมนั้น จะสร้างกลิ่นที่มีองค์ประกอบเคมีคือ 4-thio-4-methylpentan-2-1 ซึ่งเป็นองค์ประกอบของกลิ่นที่ผสมผสานระหว่างกลิ่นผลไม้ในเขตร้อนและกลิ่นแสงแดด ส่วนที่บริเวณหน้าผากแมวจะพิเศษหน่อย เพราะจะมีกลิ่นจะมีกลิ่นคล้ายกลิ่นถั่วหรือกลิ่นข้าวหอมมะลิ ดังนั้นอย่าแปลกใจถ้าเราลูบหัวน้องแมวแล้วรู้สึกหิวข้าวขึ้นมา
มีการพบว่าน้องแมวตัวเมียจะมีกลิ่นหอมมากกว่าน้องแมวตัวผู้ และน้องแมวตัวผู้ที่ทำหมันแล้วก็มีกลิ่นหอมมากกว่าแมวตัวผู้ที่ยังไม่ได้ทำหมัน และการลูบตามตัวน้องแมวจะทำให้กลิ่นแผ่กระจายออกมามากขึ้น ซึ่งถ้าลูบถูกที่ เช่น หน้าผาก หลัง คางหรือแก้ม ก็จะทำให้น้องแมวรู้สึกฟินและเจ้าของก็จะฟินไปกับกลิ่นของน้องแมวด้วยเช่นกัน
จริงๆ แล้วยังพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัดว่ากลิ่นน้องแมวนั้นส่งผลกระทบอย่างไรกับมนุษย์กันแน่ แต่เป็นที่น่าสนใจว่าผลสำรวจส่วนใหญ่ยืนยันตรงกันว่าน้องแมวมีกลิ่นหอม และมนุษย์หลายคนก็หลงใหลในกลิ่นแมวๆ นี้ ดังนั้นจึงอาจเป็นไปได้ว่ามนุษย์เลี้ยงแมวที่มีกลิ่นที่ทำให้เรารู้สึกดีโดยไม่รู้ตัว และน้องแมวกลุ่มนี้ได้สืบทอดสายเลือดมาเรื่อยๆ จนน้องแมวมีกลิ่นที่ถูกใจมนุษย์มากขึ้นด้วยเช่นกัน
อีกสาเหตุที่เป็นไปได้ว่าทำไมเราถึงหลงใหลกลิ่นแมวนัก นั่นเป็นเพราะ “ความรัก” นั่นเอง ว่ากันว่าความรักมีกลิ่นหอมหวานเสมอ โดยเราอาจจะรักน้องแมวและเมื่อได้กลิ่นน้องแมวก็ชวนให้นึกถึงความทรงจำดีๆ และเรื่องราวน่ารักระหว่างเรากับแมวทำให้เรารู้สึกว่านั่นเป็นกลิ่นที่หอมหรือกลิ่นดีๆ ที่ชวนให้ชื่นใจได้เหมือนกัน
สุดท้ายแล้วการดมแมวไม่ได้อันตรายอะไร แต่ถ้าจะดมน้องแมวควรจะทำความสะอาดและแปรงขนพวกเขาบ่อยๆ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วคุณอาจจะเผลอสูดเอาสิ่งสกปรกเข้าไปได้ อย่าสูดมากไปเพราะน้องแมวอาจจะอึดอัด และอย่าฟัดพุงแมวถ้าไม่สนิทกันจริงๆ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วแทนที่จะได้สูดกลิ่นหอมๆ ของน้องแมว
คุณอาจจะได้กลิ่นเลือดจากแผลที่หน้าของเราแทนซะงั้น
อ้างอิงข้อมูล

https://catcheckup.com/why-cats-smell-good
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ : www.readhowl.com
ช่องทางติดตามอื่นๆ
Instagram : https://www.instagram.com/readhowl
Youtube : https://bit.ly/3EiWwRL
Blockdit : https://www.blockdit.com/readhowl
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/102783

11/11/2022

เป็นที่มาว่าทำไมทาสทั้งหลายถึงใช้เสียงสอง😆

คุยกับแมวแต่แมวไม่คุยด้วยทำไงดี
คุยกับแมวทีไรก็โดนน้องแมวเมินอยู่เสมอจนกลายเป็นเรื่องชวนปวดใจของเจ้าของแมวหลายท่านที่หลายคนบอกได้แค่ว่าได้แต่เจ็บและชินไปเอง แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งรีบถอดใจไปเพราะงานวิจัยชิ้นล่าสุดนี้พบว่าน้องแมวแยกเสียงได้ว่าเจ้าของกำลังพูดกับตัวเองอยู่แถมถ้าเจ้าของใช้เสียงสอง มีโอกาสที่น้องแมวจะตอบสนองมากขึ้นอีกด้วยนะ
นี่เป็นงานวิจัยจาก Charlotte de Mouzon และทีมงาน จากมหาวิทยาลัย Paris Nanterre University ประเทศฝรั่งเศส โดยได้นำแมวที่มีเจ้าของ 16 ตัว มาอยู่ในห้องทีละตัว จากนั้นเปิดเสียงของเจ้าของพูดและเสียงของคนแปลกหน้าพูด แล้วทางทีมงานทดลองจะดูปฏิกิริยาตอบสนองของแมว เช่น การขยับหาง การขยับหู และการขยายม่านตา
ผลพบว่าแมว 10 ตัวจาก 16 ตัว ตอบสนองต่อเสียงของเจ้าของ แล้วจากนั้นทางทีมงานก็ลองเปลี่ยนไปให้เจ้าของใช้เสียงสองและคนแปกหน้าใช้เสียงสอง ผลการทดลองก็ยิ่งน่าสนใจขึ้นอีกเมื่อน้องแมวแสดงท่าทางสนใจและตอบสนองต่อเสียงสองของเจ้าของ ในขณะที่ไม่สนใจคนแปลกหน้าใช้เสียงสองเลย
ทางทีมงานทดลองนี้ได้สรุปว่าน้องแมวนั้นมีการปรับตัวอยู่ร่วมกับมนุษย์ที่น่าทึ่ง โดยเหล่าแมวให้ความสนใจกับสิ่งที่มีความสำคัญในชีวิตประจำวัน และหากเจ้าของอยากสานสัมพันธ์กับน้องแมวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นให้ลองใช้เสียงสองคุยกับน้องแมวดู เพราะนั่นเป็นเคล็ดลับที่ทำให้น้องแมวสนใจมนุษย์มากขึ้นนั่นเอง
ทีนี้ก็ถึงตาเจ้าของแมวชาวไทยอย่างเราๆ ลองใช้เทคนิคดูกันมั่ง แต่ถ้าเรียกแล้ว น้องแมวก็ยังเมิน ทีนี้ก็ชัดเลยว่าน้องแมวไม่ได้ฟังเราไม่รู้เรื่อง แต่ตั้งใจเมินจริงๆ ถ้าเสียงสอง เสียงสาม เสียงสี่ แล้วก็ยังไม่ได้ผล เราขอแนะนำใช้เสียงสุดท้ายคือ “เสียงแกะห่อขนมแมวเลีย”
บอกเลยว่าน้องแมวต้องสนใจเราอย่างแน่นอน
อ้างอิงข้อมูล

https://www.theguardian.com/lifeandstyle/2022/oct/25/communi-cat-ive-cats-attentive-to-owners-voice-research-finds
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ : www.readhowl.com
ช่องทางติดตามอื่นๆ
Instagram : https://www.instagram.com/readhowl
Youtube : https://bit.ly/3EiWwRL
Blockdit : https://www.blockdit.com/readhowl
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/102783

01/11/2022

นาฬิกาปลุกที่ดีที่สุดนั้นคือแมว
เหล่าเจ้าของน้องแมวที่ถูกแมวปลุกทุกวันคงพูดเป็นเสียงเดียวกันแบบนี้แน่ๆ เพราะว่าตีสามตีสี่อยู่ดีๆ น้องแมวก็มาปลุกแบบที่ว่ามนุษย์กำลังหลับฝันดีอยู่แท้ๆ ต้องลุกมาเทข้าวให้แล้วนอนต่อไม่หลับอีกต่างหาก ที่สำคัญคือปลุกทุกวันจนทำเอามนุษย์อย่างเราๆ นี่ปวดหัวกันไปเลย
แน่นอนว่านี่เป็นปัญหาสากลของคนเลี้ยงแมวทั่วโลก ทำให้ผู้เชี่ยวชาญได้มีการออกคำแนะนำออกมาว่าถ้าคุณเบื่อกับการที่น้องแมวมาปลุกตอนตีสามตีสี่แล้วล่ะก็ ลองใช้วิธีแก้จากผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ดูสิ
1. ถ้าแมวปลุกเพราะหิว ถ้าแบบนั้นก็ให้น้องอิ่มสิ : หลักๆ แล้วน้องแมวปลุกเราเป็นเพราะว่าอยากกินข้าวนั่นเอง ดังนั้นทางเลือกแรกที่น่าลองทำคือให้น้องแมวกินมื้อเล็กๆ ก่อนเรานอนเพื่อให้น้องแมวไม่หิวเร็วเกินไป อีกทั้งเจ้าของเมื่อตื่นแล้วอย่าเพิ่งให้เทข้าวให้แมวทันที ควรทิ้งเวลาซัก 30 นาที เพื่อไม่ให้น้องแมวเข้าใจว่าถ้าเราตื่นแล้วจะได้กินข้าว ไม่เช่นนั้นน้องแมวจะปลุกเราเรื่อยๆ ควรให้น้องแมวเชื่อมโยงการกินข้าวกับสัญญาณอื่นๆ แทน เช่น คำพูดว่า “กินข้าวเช้ากัน” หรือการสั่นกระดิ่ง
2. น้องแมวปลุกเพราะปรับตารางชีวิตเข้ากับมนุษย์ไม่ถูก : ว่ากันว่าน้องแมวนั้นชอบอะไรแบบเดิมๆ การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งของในบ้านอาจจะทำให้น้องแมวเกิดภาวะเครียดและมีการเปลี่ยนแปลงตารางชีวิตตัวเองได้ ดังนั้นอย่าแปลกใจถ้าคุณซื้อของใหม่ๆ เข้ามาในบ้านหรือพาน้องแมวไปค้างข้างนอก 2-3 วันแล้วพากลับบ้าน น้องแมวจะมาปลุกเราในเวลาแปลกๆ เพราะว่าน้องยังปรับตัวไม่ได้ อาจจะต้องรอเวลาซักพักน้องแมวถึงจะปรับตารางชีวิตตัวเองลงตัว
3. น้องแมวปลุกเพราะพลังงานเหลือล้น : น้องแมวเป็นสัตว์นักล่า และจำเป็นต้องปลดปล่อยพลังงานออกมาอยู่เสมอ ดังนั้นถ้าพบว่าน้องแมววิ่งกันโครมครามตอนตีสามตีสี่นั่นเป็นการปลดปล่อยพลังงานในตัวของพวกเขานั่นเอง และถ้าไม่อยากให้น้องแมววิ่งรบกวนการนอนของเราก็ควรเล่นกับน้องแมวในช่วงกลางวันเพื่อให้พวกเขาปลดปล่อยพลังงานออกมาและนอนหลังปุ๋ยทั้งคนทั้งแมวในตอนกลางคืนนั่นเอง
4. ท่าไม้ตายถ้าทำทั้งหมดที่ว่ามาแล้วยังไม่ได้ผล : ถ้าทำทุกวิธีที่ว่ามาแล้วไม่ได้ผล เป็นไปได้ว่าน้องแมวแค่เรียกร้องความสนใจเฉยๆ ให้ลองแกล้งเมินดู แล้วน้องแมวจะเข้าใจเองว่าทำแบบนี้ไม่ได้ผลแล้วเลิกทำ แต่ถ้าน้องแมวร้องเสียงดังผิดปกติต่อเนื่องก็อาจจะเกิดจากความเจ็บปวดหรือความผิดปกติของร่างกายได้ ในกรณีแบบนี้ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุต่อไป
ทั้ง 4 วิธีนี้ก็เป็นวิธีง่ายๆ เบื้องต้นที่เจ้าของน้องแมวที่มีปัญหาแมวมาปลุกตีสามตีสี่น่าจะลองไปปรับใช้ดูกัน ได้ผลหรือไม่ได้ผลอย่างไรอย่าลืมมาเล่าให้ฟังกันได้ แต่ถ้าไม่ได้ผลก็คงได้แต่ตื่นเช้า (มืด) กันต่อไป แล้วมนุษย์เราก็แก้แค้นด้วยการปลุกแมวที่นอนตอนกลางวันแทนละกัน
อ้างอิงข้อมูล
https://www.sciencealert.com/does-your-cat-keep-waking-you-up-stupidly-early-these-expert-tips-could-help?utm_source=pocket_mylist
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ : www.readhowl.com
ช่องทางติดตามอื่นๆ
Instagram : https://www.instagram.com/readhowl
Youtube : https://bit.ly/3EiWwRL
Blockdit : https://www.blockdit.com/readhowl
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/102783

21/08/2022

เห็นรูปจากเพจเราถูกเซฟไปใช้พร้อมกับข้อมูลที่บิดเบือนแล้วรู้สึกไม่ค่อยโอเคเลย🙄

ทั้งรูปทั้งข้อมูลถูกนำไปใช้เละเทะมั่วซั่วจนอยากจะแจ้งให้ทุกคนทราบว่าโปรดใช้วิจารณญาณในการรับสารด้วยนะคะ

ในฐานะเจ้าของที่ทุ่มเทพาน้องลงงานประกวด เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมากับน้องมินตราหลายต่อหลายสนาม รู้สึกแย่มากๆกับเหตุการณ์นี้ แต่ก็คงต้องกล่าวขอบคุณด้วยเพราะมันเป็นการชี้วัดถึงผลงานที่ผ่านมาของเราว่ามันดีมากพอที่คนอื่นให้ค่าและเอาไปกล่าวถึง (ถึงแม้ว่ามันจะผิดๆถูกๆไปบ้างก็ตาม) 😬🙏

28/03/2022

ทำอะไรซ้ำๆ นี่แหละ สบายใจดี
ปัญหาเรื่องความเครียดของน้องแมวนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย ใครที่เลี้ยงแมวคงรู้กันดี โดยเฉพาะน้องแมวที่อ่อนไหวง่ายบางตัวอาจจะเกิดความเครียดได้ถ้าพบว่ากิจวัตรประจำวันตัวเองถูกรบกวน เช่น เปลี่ยนเวลากินข้าว มีคนแปลกหน้าเข้ามา หรือย้ายบ้าน เป็นต้น ซึ่งในงานวิจัยก็พบว่าการเปลี่ยนแปลงกิจวัตประจำวันต่างๆ ส่งผลเสียต่อแมวมากกว่าที่คิดและอาจทำให้แมวสุขภาพดีถึงขั้นป่วยได้เลย
งานวิจัยนี้เป็นของ Judi L. Stella และคณะ ตีพิมพ์ใน Journal of the American Veterinary Medical Association ปี 2011 ทางคณะวิจัยได้แบ่งแมวออกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่สุขภาพดี 12 ตัว และกลุ่มที่ป่วยเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Interstitial Cystits; IC) 20 ตัว ซึ่งในแมวกลุ่มที่ป่วยมีการอาเจียนและขับถ่ายนอกกระบะทรายอยู่ก่อนแล้ว
โดยในช่วงแรกได้เลี้ยงแมวทั้งสองกลุ่มในสภาพแวดล้อมที่มีความเครียดน้อยที่สุด มีทั้งของเล่นให้ มีตารางการให้อาหารเป็นเวลาแน่นอน มีกระบะทรายแมวพอเพียง สภาพแวดล้อมที่เลี้ยงมีการทำความสะอาดเป็นประจำ ผลปรากฏว่าแมวกลุ่มที่ป่วยนั้นมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งไม่มีการอาเจียนและขับถ่ายนอกกระบะทรายให้เห็นเลย ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าการลดความเครียดในแมวด้วยการจัดการสภาพแวดล้อมสามารถลดอาการของโรค IC ได้ลดลกว่า 75-80% เลยทีเดียว
ทางทีมได้ให้แมวอยู่ในสภาวะแบบนี้ไปอีก 77 สัปดาห์ ก่อนที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมอีกครั้ง โดยมีทั้งการเปลี่ยนคนดูแล และเปลี่ยนตารางการให้อาหาร ลดเวลาการได้เล่นของเล่นและนำของเล่นแมวออกไปบางส่วน ผลปรากฏว่าในแมวทั้ง 2 กลุ่มได้แสดงภาวะอาการป่วยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือ มีทั้งการอาเจียน ไม่กินอาหาร และการขับถ่ายนอกกระบะทราย เฉลี่ยแล้วเพิ่มขึ้น 3.2 เท่า โดยกลุ่มแมวที่ร่างกายแข็งแรงกลับแสดงอาการป่วยมากกว่าในกลุ่มแมวที่เป็น IC เสียอีก
จากการทดลองนี้จะเห็นได้ว่าแมวค่อนข้างเซนซิทีฟกับการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมค่อนข้างมาก โดยตัวแปรสำคัญเลยคือมนุษย์ที่แมวอยู่ด้วย เวลาการให้อาหาร และของเล่นที่แมวชอบ ทางทีมนักวิจัยได้ให้คำแนะนำว่าในแมวที่เครียดง่ายควรมีตารางเวลาการให้อาหารที่แน่นอนเพื่อให้แมวรู้สึกควบคุมสถานการณ์ได้และรู้สึกมั่นคง อีกทั้งไม่ควรเปลี่ยนคนดูแลหรือมีคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านบ่อยๆ เพราะจะทำให้แมวเครียดได้
หรือพูดง่ายๆ คือ ปล่อยให้น้องแมวได้อยู่ตัวเดียวเงียบๆ ทำอะไรที่เขาอยากทำบ้าง มนุษย์อย่างเราก็แค่ให้อาหารเป็นเวลา
แค่นี้น้องแมวก็แฮปปี้แล้วนั่นเอง
อ้างอิงข้อมูล

https://www.sciencedaily.com/releases/2011/01/110103110357.htm
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ : www.readhowl.com
ช่องทางติดตามอื่นๆ
Instagram : https://www.instagram.com/readhowl
Youtube : https://bit.ly/3EiWwRL
Blockdit : https://www.blockdit.com/readhowl
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/102783

25/12/2021

Merry Christmas!!!

19/12/2021

ง่วงก็ง่วง...
มานุดยังมาวอแวให้หนูตื่นไปวิ่งอยู่ได้🤣

10/08/2021

ใครเป็นแบบนี้เหมือนแอดมินบ้างคะ?

เป็นโสดก็ไม่เหงา เพราะเรามีหมาและแมวเป็นลูก
ในยุคปัจจุบันนั้นหลายสิ่งหลายอย่างกำลังเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ในสมัยก่อนนั้นการแต่งงานถือว่าเป็นหมุดหมายสำคัญของชีวิต แต่ในปัจจุบันนั้นไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ส่วนกลับมองข้ามเรื่องของการแต่งงาน แต่ก็ใช่ว่าจะอยู่กันแบบคนโสดอย่างเหงาๆ เพราะว่าพวกเขาได้เติมเต็มความต้องการในชีวิตด้วยการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมวแทน
แนวโน้มนี้ไม่ได้มีแค่ในประเทศไทยเพียงที่เดียวหากแต่เป็นกันทั้งโลก มีรายงานการสำรวจโดยสถาบันวิจัย Mintel พบว่าคนอเมริกาอายุ 30 ปี กว่า 3 ใน 4 มีสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยง และอีกเกือบครึ่งมีแมวเป็นสัตว์เลี้ยง โดยมีการสำรวจต่อพบว่าคนที่เกิดในช่วงยุคปี 1980 – 2000 มีแนวโน้มที่จะแต่งงานลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับเมื่อ 50 ปีที่แล้ว และเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น
นักจิตวิทยา Jean Twenge จากมหาวิทยาลัยชิคาโก้ ให้ความเห็นว่าคนช่วงเจน Y และเจน Z นั้นมักเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในลักษณะที่เป็นตัวแทนของลูก ด้วยเหตุผลที่ว่ายุ่งยากน้อยกว่าการมีลูกจริงๆ ใช้งบประมาณน้อยกว่า และเหล่าสัตว์เลี้ยงนั้นก็ช่วยเติมเต็มหัวใจของพวกเขาได้ไม่ต่างจากการมีลูกจริงๆ
ในประเทศไทยเองก็ไม่ต่างกัน ผลการสำรวจพบว่าคนเป็นโสดกันมากขึ้น ข้อมูลจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าจำนวนคนจดทะเบียนสมรส ปี 2550 มี 3.13 แสนคู่ และลดลงมา 2.98 แสนคู่ ในปี 2560 และไม่ใช่แค่แต่งงานลดลง ผลการสำรวจยังพบอีกว่าคนไทยมีลูกกันน้อยลง จากอัตราการเกิดของคนไทยในสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ที่พบว่าในปี 2551 มีทั้งสิ้น 797,356 คน ขณะที่อัตราการเกิดของคนไทย ในปี 2561 ลดลงอยู่ที่ 666,109 คน และมีอัตราการลดลงเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
สาเหตุที่คนไทยทั้งแต่งงานและมีลูกกันน้อยลงเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย แต่ส่วนหนึ่งที่สำคัญคือไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปและสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ช่วยเอื้อต่อการมีลูกมากนัก รวมไปถึงสวัสดิการที่รองรับการมีลูกในประเทศก็ไม่ช่วยสนับสนุนให้เรามีเลี้ยงลูกได้ง่ายซักเท่าไหร่ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนรุ่นใหม่จึงเลี้ยงสัตว์เป็นลูกมากยิ่งขึ้น เพราะยุ่งยากน้อยกว่ามากและเราก็ต้องยอมรับว่าสัตว์เลี้ยงนั้นมีทั้งความน่ารัก มีเสน่ห์ และมอบความรักให้กับเราอย่างจริงใจ (โอเค คนเลี้ยงแมวอาจจะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ แต่ก็มีงานวิจัยหลายชิ้นบอกว่าถึงแมวจะดูซึนๆ แต่ก็รักเจ้าของเหมือนกันนะ)
เราเชื่อว่าไลฟ์สไตล์ต่างๆ ล้วนเปลี่ยนไปตามยุคสมัย การเลือกไม่แต่งงานและเลี้ยงสัตว์เป็นลูกก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมสำหรับคนเจนนี้ ซึ่งนับว่าน่าสนใจ รวมไปถึงความพร้อมที่จะทุ่มเงินในการซื้อของดีๆ ให้กับสัตว์เลี้ยงก็นับว่าเป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่หลายคนจับตามอง
ส่วนความรักที่เจ้าของมีให้กับสัตว์เลี้ยงนั้นตอนนี้แทบจะไม่ต่างอะไรกับการมีลูกจริงๆ เลย เชื่อว่าในมือถือของใครหลายคนก็คงมีแต่รูปแมวไม่ก็รูปหมาอยู่เต็มเครื่องไปหมด (บางทีแทบจะไม่มีรูปตัวเองเลยด้วยซ้ำ) รวมไปถึงโพสรูปน้องๆ ของเราเพื่ออวดคนอื่นในโซเชียลมีเดียก็ไม่น้อย ซึ่งก็เป็นเรื่องเข้าใจได้...
ก็เพราะว่าลูกของเราน่ารักที่สุดนี่นา....
อ้างอิงข้อมูล

https://www.washingtonpost.com/news/business/wp/2016/09/13/millennials-are-picking-pets-over-people/

https://www.millennialmarketing.com/2017/10/what-you-need-to-know-about-the-millennial-trend-of-pets-as-starter-children/

https://bottomlineis.co/Business_Bizlife_Animal_Market_Thailand_Single
ในตอนนี้ทีมงาน howl ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับทาง FutureSkill เลยมีโปรโมชั่นน่าสนใจมาฝากกันตามนี้เลย
สมัครเรียนกับ FutureSkill ตอนนี้ลดทันที 50% สำหรับแฟนเพจ Howl เท่านั้น
จากราคา 7908 บาท เหลือเพียง 3954 บาท
โดยสามารถเรียนได้ไม่จำกัดทุกคอร์สเรียน รวมคอร์สเรียนมากกว่า 100+ คอร์ส
เรียนได้ไม่อั้น 1 ปีเต็ม เรียนจบได้รับใบรับรอง Certificate
แถมคอร์สเรียนยังอัปเดตใหม่ทุกเดือน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://page.futureskill.co/fsxhl
โค้ดลด 50% : FSXHL50 (หมดเขต 30 กันยายน 2021 *ไม่จำกัดจำนวน)
วิธีการชำระเงิน
1. ลงทะเบียนกับทางระบบ Future skill
2. เลือกแพ็คเกจที่ต้องการสมัคร ( 1 ปี )
3. เลือกวิธีการชำระเงิน
- ชำระผ่านบัตรเครดิต
- ผ่อน 0% 4 เดือน
- ชำระผ่านทางธนาคาร iBanking (สแกน Qrcode)
หากต้องการความช่วยเหลือหรือมีข้อสงสัยใดสามารถสอบถามทางเจ้าหน้าที่โดยตรงได้ที่
http://m.me/futureskill.co

29/04/2021

หน้าตาโคตรร้าย....
สายตาแบบนี้ แววตาแบบนี้ มันน่าแกล้งนัก🥰