![การดูแลแมวอายุมากจะต้องทำอย่างไรบ้าง?อันนี้คือ 6 ข้อ ที่ทางร้านจะแนะนำเจ้าของทุกท่าน สำหรับการดูแลน้องแมวที่มีอายุมากนะค...](https://img5.voofla.com/837/825/1428409338378256.jpg)
21/01/2025
การดูแลแมวอายุมากจะต้องทำอย่างไรบ้าง?
อันนี้คือ 6 ข้อ ที่ทางร้านจะแนะนำเจ้าของทุกท่าน สำหรับการดูแลน้องแมวที่มีอายุมากนะครับ
1.การตรวจสุขภาพโดยทั่วไปจะต้องมีความถี่มากขึ้น ถ้าแมวอายุ 10-15 ปี อาจจะต้องมีการตรวจสุขภาพทุกๆ 6 เดือน ถ้าเป็นแมวที่อายุมากกว่า 15 ปี อาจจะต้องมีการตรวจสุขภาพทุกๆ 4 เดือน
แมวเป็นสัตว์ที่เก็บอาการเจ็บป่วยเก่ง เพราะฉะนั้นถึงภายนอกดูปรกติ แต่ภายในร่างกายอาจจะมีปัญหาบางอย่างซ่อนอยู่ได้ เช่น โรคหัวใจ ซึ่งพบเจอได้บ่อยและเป็นอันตรายสูง และจะต้องทำการตรวจด้วยวิธีเอคโคหัวใจ หรือที่เรียกว่า Echocardiogram ถึงจะให้ผลยืนยันได้แน่ชัด สำหรับโรคหัวใจในแมว คาดว่ามีแมวประมาณ 15ตัว จาก 100 ตัว ที่เป็นโรคนี้ ซึ่งถือว่าสูงมาก และทำให้แมวเสียชีวิตฉับพลันได้
นอกจากนี้อาจจะมีการตรวจเลือดเพื่อเช็คการทำงานของไตของน้องแมวเป็นระยะๆ เพราะโรคไตก็เป็นโรคที่พบได้ในน้องแมวมาก
2.แมวที่มีอายุมาก อาจจะเกิดความเครียดง่าย การพาไปพบสัตวแพทย์แต่ละครั้งควรที่การเตรียมคำถามและข้อมูลที่ดี เพื่อให้สามารถทำการตรวจและพูดคุยกับสัตวแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว ให้เขียนเป็นข้อๆเลยว่า มีประเด็นไหนบ้างที่เราอยากจะถามหมอ และข้อมูลที่จะช่วยได้มากคือการถ่ายบันทึกวิดิโอคลิป เพราะจะเป็นข้อมูลสำคัญทำให้สัตวแพทย์สามารถวินิจฉัยหรือให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
3.แมวแก่มักจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจค่อนข้างชัดเจน อย่าพยายามไปคิดว่า แมวมันแก่แล้ว เลยมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป แต่ต้องคิดว่า มันอาจจะมีโรคบางอย่างเกิดขึ้นอยู่ และหากปล่อยไว้นานๆ อาจจะทำให้แมวมีความเจ็บป่วย ทรมาน และมีคุณภาพชีวิตไม่ดีได้ อย่าลืมว่าแมวเป็นสัตว์เก็บอาการเก่งมาก การที่แมวอยู่เฉยๆ ไม่ไปไหน ความจริงคือ แมวจะอาจจะกำลังเจ็บป่วยอยู่มาก ก็เป็นไปได้ จุดที่ควรสังเกตมีดังต่อไปนี้
3.1 แมวดื่มน้ำเยอะขึ้นหรือลดลงหรือไม่? ซึ่งข้อนี้อาจจะทำให้ทราบถึงแนวโน้มของการเป็นโรคไตหรือโรคเบาหวานได้
3.2 การตรวจปริมาณฉี่และตรวจลักษณะของอุจจาระในกระบะทราย รวมทั้งให้สังเกตพฤติกรรมตอนขับถ่ายด้วย มีถ่ายนอกกระบะทรายหรือไม่? มีอาการท้องผูกหรือไม่?
3.3 การกินลดลงหรือไม่? ความอยากอาหารลดลงหรือมั้ย? ผอมลงหรืออ้วนขึ้น? มีการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อหรือไม่? หากแมวน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ให้ระวังโรคต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไปหรือโรคเบาหวาน หรือโรคที่เกี่ยวกับลำไส้ได้
หากแมวค่อยๆทานน้อยลงเรื่อยๆ อาจจะมีโรคเรื้อรังบางอย่างที่อาการจะดำเนินไปแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือมีหินปูนและเหงือกอักเสบทำให้แมวเจ็บปากเวลาทานอาหาร และถ้าแมวแก่กินยากมากขึ้นหรือไม่ทานอาหารอย่างทันทีทันใด ถือว่าอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ ให้พาไปพบสัตวแพทย์โดยทันที
3.4 ลักษณะของขนและผิวหนังเปลี่ยนไปหรือไม่? แมวทำความสะอาดตนเอง ลดลงหรือมากขึ้น
3.5 แมวมีพฤติกรรมโดยรวมที่เปลี่ยนไปหรือไม่? เช่น ตื่นตระหนกกับสิ่งต่างๆง่ายขึ้น หรือเหนื่อยง่ายขึ้นหรือไม่? การเคลื่อนไหวลดลงมากน้อยแค่ไหน? หากแมวมีพฤติกรรมเคลื่อนไหวน้อยลง ไม่กระโดดหรือเดินมากกว่าแต่ก่อน และไม่ชอบให้สัมผัสขาหรือข้อต่อบางจุด ให้สงสัยว่ามีปัญหาโรคข้ออักเสบ ซึ่งสังเกตได้ยาก เพราะแมวมักเป็นสัตว์ที่เก็บอาการเก่ง ให้สังเกตการณ์ได้ยินเสียงและการมองเห็นด้วย เพราะแมวแก่ ประสิทธิภาพการมองเห็นและการได้ยินอาจจะลดลงได้
3.6 การหายใจของแมวขณะที่นอนพัก เป็นอย่างไร หากระหว่างที่แมวนอนพัก หากแมวหายใจเร็วเกินกว่า 30 ครั้งต่อนาที ถือว่าอาจจะไม่ปรกติ แนะนำให้รีบตรวจสุขภาพ โดยเฉพาะโรคหัวใจและโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ
3.7 ตามตัวมีแผลที่หายช้าหรือไม่หายหรือไม่ มีก้อนหรือตุ่มนูนตามตัวหรือไม่? มีการบวมตามจุดต่างๆหรือไม่? ให้ระวังก้อนหรือตุ่มใดๆ ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะลักษณะแบบนี้อาจจะเป็นเนื้อร้ายได้
ซึ่งการสังเกตทั้ง 7 ข้อนี้ จะเป็นข้อมูลสำคัญที่เราต้องสังเกตดูอยู่ตลอดเวลา แล้วนำไปปรึกษากับสัตวแพทย์ผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ
4.ควรจะสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความเครียดต่ำสำหรับแมวแก่ เช่น มีชามน้ำ ชามอาหารอยู่หลายๆจุด และต้องมีน้ำดื่มสะอาดที่เปลี่ยนใหม่อยู่ตลอดและมีเพียงพอ เพราะแมวแก่หากได้รับน้ำไม่พอ จะเสี่ยงต่อโรคไตและท้องผูกได้ง่าย และอาจจะพิจารณาให้อาหารเปียก เพื่อให้น้องแมวได้รับน้ำที่มากขึ้น และอาจจะเตรียมชามน้ำ ชามอาหารที่ไม่ได้อยู่ต่ำมากนัก เพื่อที่แมวจะได้ไม่ต้องก้มมากเวลาดื่มน้ำและทานอาหาร เพราะแมวบางตัวอาจจะปัญหาไขข้อได้เวลาก้มต่ำ
แมวส่วนใหญ่จะไม่ชอบให้หนวดถูกขอบชามเวลาดื่มน้ำหรือกินอาหาร เพราะฉะนั้นควรเลือกชามที่มีขนาดกว้างซักเล็กน้อย
หากมีแมวหลายๆตัวอยู่ในบ้าน การแยกชามน้ำ ชามอาหาร และกระบายทรายขับถ่าย กระจายไว้หลายๆจุด อาจจะเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะหากใช้ของร่วมกันทุกอย่าง และมีอยู่จุดเดียว แมวอาจจะเครียดได้ โดยทั่วไป จำนวนกระบายทรายในบ้าน ควรจะมีเท่ากับ จำนวนแมวในบ้าน บวกหนึ่ง เป็นต้นว่า มีแมวในบ้าน 3 ตัว ก็ควรมี กระบะทราย สี่ชุด วางแยกกัน เป็นต้น
นอกจากนี้แมวแก่อาจจะชอบที่นอนนุ่มๆและอบอุ่นมากกว่าเดิม เพราะฉะนั้นควรที่จะต้องมีการจัดเตรียมในเรื่องนี้เอาไว้ด้วย
5.ควรจะมีการช่วยแมวหวีและแปรงขนตลอด เพราะแมวแก่อาจจะไม่ค่อยได้ทำความสะอาดตนเองมากเหมือนสมัยยังหนุ่มยังสาว เจ้าของตรวจที่จะตรวจตราเรื่องของก้อนขนหรือสังกะตังตลอดเวลา และควรที่จะมีการตัดเล็บอยู่เป็นประจำ เพื่อไม่ให้เล็บยาวมากจนเกินไปจนม้วนกลับไปไปแทงอุ้งมือของแมวได้ เพราะแมวแก่นั้นอาจจะไม่ได้มีแรงไปลับเล็บเหมือนแต่ก่อน
6.ที่สำคัญที่สุดคือ การให้เวลาและให้ความรักกับน้องแมวแก่ เราไม่ควรปล่อยน้องแมวแก่ให้อยู่เพียงลำพังนานเกินกว่า 12 ชั่วโมง เพราะน้องแมวอาจจะเครียด และชามน้ำ ชามอาหาร ตลอดจนกระบะทรายก็จะอาจจะไม่สะอาด
และที่สำคัญหากต้องมีการให้ยาด้วย ก็ไม่ควรจะให้น้องแมวแก่ขาดยา เพราะการขาดยาอาจจะทำให้การรักษามีปัญหาได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเจ้าของจะต้องออกไปไหนนานๆ แนะนำให้หาคนมาดูแล หรือนำน้องแมวไปฝากสถานที่ที่ไว้ใจได้จะดีที่สุด
นอกจากนี้ถึงน้องแมวจะอายุมาก แต่ก็อาจจะมีความอยากที่จะเล่นของเล่น หรือ เล่นกับเรา และยังคงสนใจอะไรหลายๆอย่างรอบตัว ซึ่งเจ้าของแมวควรที่จะเล่นกับน้องและสานสัมพันธ์กับน้องอยู่ตลอด ทำให้สภาพจิตใจของน้องดีขึ้น ได้มีการสานสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตด้วยกันอย่างมีคุณค่ามากที่สุด
ทั้งหมดนี้คือ 6 ข้อแนะนำที่อยากจะฝากเจ้าของแมวทุกๆท่านนะครับ จริงๆบางหัวข้อสามารถแตกรายละเอียดออกไปมากกว่านี้ได้อีก แต่เนื้อหามันจะยาวเกินไป ทางร้านก็จะค่อยๆลงเนื้อหาความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับสุนัขและแมวเรื่อยๆนะครับ
น้องในภาพคือ น้องปอเปี๊ยะ น้องก็มีอายุมากแล้วนะครับ มาอาบน้ำตัดขนกับทางร้านประจำครับ
ทุกท่านที่สนใจเนื้อหาที่เกี่ยวกับสุนัขและแมว ก็สามารถกดติดตาม กดไลค์ กดแชร์ โพสต์ของทางร้านได้นะครับ
ตัวร้านเองเป็นร้านอาบน้ำตัดขนสุนัขและแมว ขายอาหารบาร์ฟ และเป็นร้านขายยาสัตว์ เช่น ยากันเห็บหมัด เป็นต้น ตัวร้านอยู่ที่ซอยมโนรม ถนนพระราม 4 ติดกับเทสโก้ โลตัสพระราม 4 ครับ
(คำเตือนจากทางร้าน ในขณะนี้มีแมวจำนวนมากเป็นโรคหัวใจแบบไม่แสดงอาการ (อยู่ที่ประมาณ 15% ของประชากรแมว) ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรง และแมวสามารถเป็นได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ทางร้านแนะนำให้เจ้าของแมวทุกท่าน พาน้องแมวไปตรวจโรคหัวใจด้วยวิธีคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (Echocardiogram) ก่อนเข้ารับบริการและควรตรวจหัวใจอย่างน้อยปีละครั้งเพื่อความปลอดภัย)
#อาหารบาร์ฟ #ยาสัตว์ #ยากันเห็บหมัด #แมว #แมวแก่ #แมวอายุมาก #อาบน้ำตัดขน #อาบน้ำแมว #ตัดขนแมว #อาบน้ำตัดขนแมว #เลี้ยงแมว #พระราม4 #พระราม3 #สุขุมวิท #คลองเตย #พระขโนง