FIP Heal : FIP รักษาได้

  • Home
  • FIP Heal : FIP รักษาได้

FIP Heal : FIP รักษาได้ GS-441252 คือความหวังใหม่ในการรักษาโรค FIP

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปรักษา FIP หายแล้ว เจ้าแมวนิสัยเปลี่ยนรักษา FIP หายแล้ว เจ้าเหมียวหวาดผวาทุกครั้งที่พ่อแม่เข้าใกล้รัก...
21/12/2022

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป

รักษา FIP หายแล้ว เจ้าแมวนิสัยเปลี่ยน

รักษา FIP หายแล้ว เจ้าเหมียวหวาดผวาทุกครั้งที่พ่อแม่เข้าใกล้

รักษา FIP หายแล้ว ยังต้องมารักษาแผลที่เกิดจากยา

เพียงเลือกใช้ FIP Heal

08/11/2022

🙀 รู้หรือไม่? น้องแมวเป็นสัตว์ที่เครียดง่าย และความเครียดที่เกิดขึ้นกับน้องนั้นก็น่ากลัวมากกว่าที่เราคิด
แล้วเจ้าของจะรู้ได้อย่างไรว่าน้องแมวของเรากำลังเครียดอยู่!
⚠️ ความเครียดในน้องแมวอาจมีอาการไม่แน่ชัด แต่สามารถสังเกตเบื้องต้นได้ดังนี้
- ไม่กินอาหาร กินอาหารน้อย หรือมากกว่าปกติ
- ทำความสะอาดตัวเองน้อยลง หรือมากกว่าปกติ
- หลบซ่อน แยกตัวอยู่คนเดียว
- ก้าวร้าวมากขึ้นหรือไม่ยอมให้จับตัว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้สามารถจับได้ปกติ
- เงียบซึม หรือส่งเสียงร้องมากผิดปกติ
- ฉี่นอกกระบะทราย หรือฉี่ไม่เป็นที่
😿 ซึ่งสาเหตุที่ทำให้น้องแมวเครียดนั้นมีหลากหลาย เช่น
1. การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อม เช่น ฝนตก ฟ้าร้อง การย้ายที่อยู่ เปลี่ยนกระบะทราย หรือเปลี่ยนอาหาร
2. การเปลี่ยนเจ้าของ เจ้าของคนเดิมไม่อยู่ หรือแมวในบ้านตัวอื่นเสียชีวิต
3. การไม่สบาย หรือภาวะป่วยทางกาย เช่น การติดพยาธิ ซึ่งทำให้น้องแมวไม่สบายตัว มีอาการป่วย และมีความเครียดตามมา
ทั้งนี้การดูแลเอาใจใส่น้องแมวอย่างใกล้ชิด สามารถช่วยให้ทราบได้ว่าน้องแมวมีความเครียดเกิดขึ้นหรือไม่ และสามารถช่วยป้องกันผลที่ตามมาจากความเครียดได้
⚠️ หากพบน้องแมวมีความเครียดจากภาวะป่วยทางร่างกาย แนะนำให้รีบพาน้องไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจรักษาอย่างทันท่วงที แต่หากพบน้องแมวไม่สบายตัวจากการมีพยาธิ หรือปรสิตต่าง ๆ แนะนำให้ดูแลน้องแมวด้วย LOVE Solution Cat PLUS โปรแกรมดูแลปกป้องปรสิตสำหรับคนรักแมว สบายตัว แห้งไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ 😻
👉 ติดตามความรู้ คำแนะนำ และสิทธิพิเศษดี ๆ ได้ที่ : https://bit.ly/LOVESolutionCatPLUS_29
#รักและห่วงใยปลอดภัยจากปรสิต

23/09/2022

โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบในแมว หรือ Feline Infectious Peritonitis (FIP) เป็นโรคที่คุณหมอหลายคนคุ้นเคย และอาจเคยต้องทำการรักษามาบ้างทั้งมากและน้อย คาดการณ์ว่าแมวที่เป็นโรคนี้จะติดเชื้อ Feline Corona Virus (FCoV) ซึ่งเป็นเชื้อที่ติดต่อผ่านทาง fecal-oral route โดยส่วนมากมักพบว่ารับเชื้อมาจากการสัมผัสกับตัวกลางหรือ fomite และสามารถพบได้ตามสิ่งแวดล้อม
ส่วนใหญ่แล้วการติดเชื้อ FCoV จะไม่ทำอันตรายต่อตัวสัตว์มากนัก อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้เล็กน้อย แต่ถ้าหากเชื้อไวรัสมีการติดเข้าไปในเซลล์ monocyte และเกิดการกลายพันธุ์ภายในร่างกายของแมวแต่ละตัว ก็อาจพัฒนาเป็นโรค FIP ในที่สุด อาการหลัก ๆ ที่สามารถพบได้ก็คือการมีน้ำในช่องของร่างกาย เช่น ช่องอก ช่องท้อง ซึ่งมักพบในแมวที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี
การตรวจวินิจฉัย
การตรวจเพื่อวินิจฉัยว่าเป็นโรค FIP หรือไม่เป็นหนึ่งในกำแพงใหญ่ ๆ ของสัตวแพทย์เลยก็ว่าได้ การตรวจยืนยัน FIP ที่เป็น gold standard คือการดูการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องทาง histopathology ร่วมกับการย้อมสี FCoV antigen immunostaining ซึ่งดูจะห่างไกลกับ in-house lab ของสถานพยาบาลสัตว์ส่วนใหญ่ รวมถึงยังมีความ invasive ต่อตัวสัตว์ป่วยอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม European Advisory Board on Cat Diseases (ABCD) ได้ทำ FIP diagnostic tree ให้คุณหมอสามารถนำไปใช้เป็น guideline ในการวินิจฉัยได้ โดยสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ในลิ้งค์ในคอมเมนต์
ยาต้านไวรัสในแมวป่วยเป็น FIP
การดูแลจัดการที่คุณหมอต้องจัดการสำหรับกรณี FIP ที่สำคัญก็คือ supportive care ทั้งการให้ยาลดอักเสบและการเจาะระบายของเหลวออก และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญก็คือการให้ยาต้านไวรัส สำหรับ FIP มียาต้านไวรัสที่น่าสนใจก็คือยาในกลุ่ม nucleoside analogue ซึ่งก็คือ GS-441524 และ remdesivir นั่นเอง
GS-441524 ความหวังท่ามกลางความคลุมเครือ
GS-441524 ที่มี remdesivir เป็น prodrug มีการพูดถึงอย่างกว้างขวาง มีการใช้เพื่อรักษาโรค FIP มาสักระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ดูเหมือนจะให้ผลการรักษาที่อาจเป็นความหวังใหม่ในการรักษาโรค FIP เลยก็ว่าได้ แต่กลับเป็นยาที่ไม่ได้มีการขึ้นทะเบียน ทำให้การใช้ยานี้ในปัจจุบันอาจไม่เป็นที่ยอมรับในหลาย ๆ ที่ทั่วโลก ทำให้หากสัตวแพทย์ตัดสินใจใช้ GS-441524 ในการรักษาแมว FIP จำเป็นต้องมีการพูดคุยกับเจ้าของให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ รวมถึงต้องแบกรับความเสี่ยงว่ามีโอกาสจะถูกฟ้องเมื่อไหร่ก็ได้
รายงานการใช้ GS-441524 ที่รวบรวมโดย European Advisory Board on Cat Diseases (ABCD)
European Advisory Board on Cat Diseases หรือ ABCD ได้จัดทำ guideline สำหรับการรักษาโรคแมวต่าง ๆ โดยอ้างอิงการศึกษา และได้มีการอัปเดตเนื้อหาสำหรับโรค FIP ไว้ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รวบรวมรายงานการใช้ GS-441524 ที่ผ่านไว้ด้วย คุณหมอที่สนใจสามารถไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.abcdcatsvets.org/feline-infectious-peritonitis/
ผลการรักษา FIP ด้วยการใช้ GS-441524 ในทุกการศึกษาที่นำมากล่าวถึงใน guideline นี้ให้ผลไปในแนวทางเดียวกันว่า แมวส่วนใหญ่อาการดีขึ้นหลังใช้ GS-441524 รักษา ไม่ว่าจะได้รับยาทางการฉีดหรือการกิน อย่างไรก็ตามก็แมวส่วนหนึ่งที่เสียชีวิตในขณะที่ทำการรักษา รวมถึงยังสามารถพบแมวบางตัวกลับมาเป็นซ้ำภายหลังจากการหยุดยาได้อีกด้วย
อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่าการตรวจที่เป็น gold standard สำหรับ FIP นั้นทำได้ยาก ทำให้มีแมวเพียงไม่กี่ตัวในการศึกษาที่ยืนยันได้จริง ๆ ว่าเป็นโรค FIP ทำให้อาจจะกล่าวว่า GS-441524 สามารถใช้รักษา FIP ได้ไม่เต็มปากมากนัก นอกจากนี้ตัว GS-441524 ยังมีข้อจำกัดที่สำคัญอีกอย่างก็คือทำให้แสบบริเวณที่ฉีด ทำให้เจ้าของฉีดยาเองลำบากยิ่งขึ้นไปอีก
สิ่งที่น่าสนใจคือ มีงานวิจัยที่พบว่าค่า alpha-1-acid glycoprotein (AGP) สามารถใช้เพื่อติดตามอาการได้ดีกว่าค่า lymphocyte count และ serum globulin และแนะนำให้ใช้ค่านี้เพื่อพิจารณาการหยุดใช้ยาเมื่อค่าต่ำกว่า 5 mg/ml
สรุปการใช้ GS-441524 เพื่อรักษา FIP โดย Niels C. Pedersen จาก UC DAVIS
Niels C. Pedersen ได้เขียนบทความ Summary of GS-441524 treatment for FIP สรุปการใช้ GS-441524 เพื่อรักษา FIP ไว้ โดยสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดตัวเต็มได้ในลิ้งค์ที่คอมเมนต์
ในบทความได้มีการแนะนำโดสสำหรับรักษาแมวที่ไม่พบอาการที่เกี่ยวข้องกับตาหรือระบบประสาท เริ่มให้ที่ 4-6 mg/kg sid ต่อเนื่อง 12 สัปดาห์ สำหรับแมวที่มีปัญหาเกี่ยวกับตาแต่ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทให้ใช้โดส 8 mg/kg ต่อเนื่องกัน 12 สัปดาห์ และถ้าแมวมีอาการทางระบบประสาทร่วมด้วยให้เริ่มที่ 10 mg/kg ต่อเนื่องกัน 12 สัปดาห์
เมื่อเริ่มต้นให้ยาแล้ว ควรพิจารณาปรับยาประมาณสัปดาห์ละครั้ง เพราะเมื่ออาการเริ่มดีขึ้น แมวอาจน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะลูกแมว รวมถึงช่วงก่อนรักษาแมวอาจจะโทรมไม่ยอมกินอาหารทำให้น้ำหนักน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่ไม่ควรพิจารณาเพิ่มโดสหากไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน เช่น ผลเลือดไม่ดีขึ้น น้ำหนักไม่เพิ่มขึ้น หรือเริ่มแสดงอาการที่เกี่ยวกับตาและระบบประสาท เป็นต้น
สำหรับการพิจารณาหยุดยา Dr. Pedersen มองว่าไม่ควรให้ยาต่อเนื่องน้อยกว่า 84 วัน จากนั้นให้พิจารณาอาการร่วมกับผลเลือดต่าง ๆ โดยแนะนำให้สนใจที่เป้าหมายการรักษา หากแมวมีระดับ activity เท่าปกติ เติบโตตามปกติ ผลเลือดปกติแล้ว ก็ควรจะสามารถหยุดยาได้
อย่างไรก็ตาม แมวอาจพบการกลับมาเป็นซ้ำได้หลังจากหยุดยา ซึ่งอาจเกิดจากการที่เชื้อหลบเข้าไปในระบบประสาทขณะที่ทำการรักษา หรือโดสที่ให้อาจไม่เพียงพอ และยังสามารถพบการดื้อยาได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังผลข้างเคียงของการใช้ GS-441524 ยังไม่น่ากังวลมากนัก มีรายงานว่าอาจสร้างความเสียหายต่อไตได้เล็กน้อย แต่เป็นความเสียหายที่สามารถรักษาได้ และมีข้อจำกัดสำคัญคือทำให้แสบบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาจทำให้กลายเป็นแผลตามมาได้ด้วยเหมือนกัน
Remdesivir
ยาอีกตัวที่น่าสนใจที่มีการกล่าวถึงทั้งใน guideline ของ ABCD และ summary ของ Pedersen ในกลุ่ม nucleoside analogue คือ remdesivir เป็นยามีทะเบียนสำหรับใช้รักษาการติดเชื้อ corona virus ทางทางเดินหายใจอย่าง SARS-CoV-2 ในบางประเทศ สามารถนำมาใช้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยจะมีแต่แบบฉีดและมีราคาสูงกว่า GS-441524 ให้ผลการรักษาที่น่าสนใจ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีรายงานการเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่าง remdesivir และ GS-441524 ในการรักษา FIP ออกมา
การเสาะหาให้ได้มาและการใช้
สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้ง GS-441524 และ remdesivir ยังไม่ได้รับการรับรองโดย US FDA ตามข้อมูลของ ABCD เล่าว่าเจ้าของส่วนใหญ่ค้นหาข้อมูลยาจากในอินเตอร์เน็ตและ Facebook รวมถึงหายามาฉีดให้แมวด้วยตัวเอง โดยมีสัตวแพทย์คอยดูแลเรื่อง supportive อื่น ๆ ให้
ในประเทศออสเตรเลียและสหราชอาณาจักร มีการอนุญาตให้ใช้ GS-441524 แบบควบคุมพิเศษเพื่อการรักษา FIP โดยเฉพาะ ตัวยาที่ได้รับอนุญาตเป็นรูปแบบการกิน มีการควบคุมการผลิตและความเข้มข้นของตัวยา รวมถึงต้องใช้ตาม protocol ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดอีกด้วย
ส่วนในประเทศไทย การใช้ยาที่ไม่มีทะเบียนกับสัตว์ป่วยนั้น อาจทำให้สัตวแพทย์เสี่ยงในการโดนฟ้องร้องได้ สัตวแพทย์จำเป็นต้องสื่อสารและตกลงกับเจ้าของให้ชัดเจนก่อนเริ่มต้นการรักษาเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมา
เชื้อ FCoV เป็นเชื้อที่มีอยู่ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม มักไม่ได้ทำให้แมวเจ็บป่วยรุนแรง หากไวรัสไม่เกิดการกลายพันธุ์และพัฒนาเป็น FIP แม้ว่าการตรวจวินิจฉัยที่เป็น gold standard ณ ปัจจุบันสำหรับ FIP ยังคงทำได้ไม่ง่ายนัก แต่การรักษาโดยใช้ GS-441524 ช่วยให้แมวหลายตัวหายป่วยจนกลับมามีชีวิตปกติได้อีกครั้ง การใช้ยาตัวนี้มีข้อจำกัดสำคัญคือเป็นยาที่ไม่มีทะเบียน ทำให้อาจเกิดข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายกับสัตวแพทย์ที่ใช้ยานี้รักษาแมวป่วยได้ ในบางประเทศมีการอนุญาตให้ใช้แบบพิเศษภายใต้การควบคุมทั้งการผลิตและการใช้งานซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้แมวป่วยได้เข้าถึงการรักษาได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
แม้ว่ายาจะไม่มีทะเบียน แต่ก็มีผลการศึกษาที่เป็นประโยชน์สำหรับตัวสัตว์ป่วยอยู่ไม่น้อย รวมถึงมีตัวอย่างการอนุญาตแบบควบคุมพิเศษในบางประเทศ คงจะดีหากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเห็นความสำคัญ หารือและร่วมกันหาแนวทางปฏิบัติเพื่อปกป้องผู้ปฏิบัติงาน ยกระดับการรักษาและคุณภาพชีวิตของสัตว์ป่วยในประเทศไทยต่อไป
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบทความเท่านั้น อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ : https://www.readvpn.com/Topic/Info/d5496614-e308-4eaf-8618-3ed8474d647e
บทความโดย : สพ.ญ. วรรณิตา จิระสถิตย์วรกุล
สำหรับคุณหมอสัตวแพทย์ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก
ตอนนี้ทาง VPN มีโปรโมชั่นน่าสนใจอยู่นะ
💙 อ่านออนไลน์ จ่ายถูกกว่า -
สำหรับสัตวแพทย์ท่านที่สมัครสมาชิกแบบอ่านออนไลน์ (ไม่รับหนังสือ) จ่ายเพียง 1,000 บาท/ปี เท่านั้น และยังสามารถทำ CE online ในเว็ปไซต์ได้ตามปกติ
💙 อ่านจากเล่ม เน้นสะสม -
สำหรับท่านที่สมัคร/ต่ออายุสมาชิกแบบรับหนังสือ (สามารถใช้งานเว็ปไซต์และทำ CE online ได้ด้วย)
📍 ได้ทำ CE online มากกว่า 40 คะแนน/ปี
📍 ดาวโหลด E-book ไปอ่านได้
📍 ใช้งานเว็ปไซต์ได้เต็มรูปแบบ
📍 E-learning online course
ดูรายละเอียดแพคเกจ
และสมัครออนไลน์ด้วยตัวเองได้ที่ https://www.readvpn.com/VPN/Subscription
หรือสอบถามเพิ่มเติม
add Line : https://lin.ee/v8Ldcyu

น้อง Good ครบคอร์ส 84 แล้วคร้าบบบบตลอดการรักษาไม่มีปัญหาตับ,ไต หรือแผลบริเวณที่ฉีดค่า A:G เกิน 0.7 ตั้งแต่เข็มที่ 44 จบค...
17/12/2021

น้อง Good ครบคอร์ส 84 แล้วคร้าบบบบ

ตลอดการรักษาไม่มีปัญหาตับ,ไต หรือแผลบริเวณที่ฉีด

ค่า A:G เกิน 0.7 ตั้งแต่เข็มที่ 44

จบคอร์ส A:G ทะลุไปถึง 0.94 เลยทีเดียว

น้องโชยุ ฉีด GS ไป 58 เข็มค่า A:G กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ(0.83)แล้วคร้าบบบ จากก่อนฉีดอยู่ที่ 0.25เหลืออีก 26 เข็ม สู้ๆ นะค...
21/11/2021

น้องโชยุ ฉีด GS ไป 58 เข็มค่า A:G กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ(0.83)แล้วคร้าบบบ
จากก่อนฉีดอยู่ที่ 0.25
เหลืออีก 26 เข็ม สู้ๆ นะคร้าบ
#ยาไม่แพงก็แรงได้

14/10/2021

ไวรัสโคโรนาในแมว (feline coronavirus หรือ FCoV) เป็นหนึ่งในไวรัสที่มีความรุนแรงสูง ทำให้เกิดโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อ (feline infectious peritonitis; FIP)
ไวรัสนี้พบได้ในลำไส้ของแมวและก่อให้เกิดโรคทางเดินอาหาร ติดต่อผ่านทางการปนเปื้อนเชื้อผ่านทางอุจจาระ (fecal-oral transmission) ดังนั้นสภาพการเลี้ยงที่หนาแน่น จึงเสี่ยงต่อการติดต่อ อีกทั้งยังโน้มนำทำให้แมวเกิดความเครียดและเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อมากขึ้น
โรคนี้มักเกิดกับแมวเด็ก (อายุน้อยกว่า 2 ปี) หรือแมวที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน พบมากในแมวเพศผู้ที่ยังไม่ทำหมัน และในแมวพันธุ์แท้
---
อาการเป็นผลจากระบบภูมิคุ้มกัน อาการแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ แบบเปียก (effusive form) และแบบแห้ง (non-effusive form) ซึ่งทั้งสองแบบนี้ เราจะพบการพัฒนาของโรคอย่างเงียบ ๆ โดยแมวอาจแสดงอาการแบบใดแบบหนึ่ง หรือบางตัวอาจพบอาการทั้งสองรูปแบบพร้อมกันก็ได้
อาการแบบเปียก แมวมักมาด้วยการมีของเหลวสะสมในช่องท้อง โดยจะสังเกตเห็นว่าช่องท้องขยายใหญ่ หรือมีอาการหายใจลำบาก หายใจเร็ว หรือมีความผิดปกติของการเต้นของหัวใจ เนื่องจากการสะสมของเหลวในช่องอกหรือในเยื่อหุ้มหัวใจ อย่างไรก็ตามแมวบางตัวที่มีของเหลวในช่องอก และ/หรือช่องท้อง อาจไม่แสดงอาการทางคลินิกได้เช่นกัน สำหรับอาการแบบแห้งนั้น อาจพบก้อนผิดปกติในช่องท้อง หรือ pyogranulomatous lesions อาการส่วนใหญ่มักจะไม่จำเพาะ
---
การวินิจฉัย
1. CBC and blood chemistry
- Chronic non-regenerative anemia
- Leukocytosis ร่วมกับการเพิ่มขึ้นของ neutrophils และการลดลงของ lymphocytes
- Hyperproteinemia โดยมากพบเป็น hyperglobulinemia และ hypoalbuminemia
- Albumin:Globulin ratio (A:G) < 0.45
-Hyperbilirubinemia และ hyperbilirubinuria
2. Fluid analysis
- clear to moderately cloudy, viscous
- ค่าความถ่วงจำเพาะ 0.17 - 1.047
- ค่าโปรตีนสูง
- สีเหลืองใสถึงเหลืองเข้ม (บางครั้งอาจพบเป็นสีเขียว หากสารประกอบภายในนั้นเป็น biliverdin)
- เซลล์ที่พบ มักพบเป็น macrophages neutrophils และ lymphocytes
3.Rivalta test
เป็นการตรวจที่ประหยัดค่าใช้จ่ายและได้ผลง่าย แต่ไม่สามารถใช้ในการยืนยันและสรุปผลการเป็นโรคได้ เป็นเพียงแค่วิธีการแยก exudate และ transudate ออกจากกันอย่างรวดเร็ว
4. รังสีวินิจฉัย
วิธีนี้จะพบของเหลวในช่องอกหรือช่องท้อง การเพิ่มขึ้นของ opacities ในปอด แต่อาจไม่พบความผิดปกติเป็นลักษณะจำเพาะ
5. RT-PCR
วิธีนี้สามารถตรวจการติดเชื้อ active coronavirus ในตัวอย่างซีรั่ม อุจจาระ น้ำในช่องท้อง ตัวอย่างจากการ biopsy หรือ FNA แต่อย่างไรก็ตามวิธีนี้ไม่สามารถแยกเชื้อที่ก่อโรคหรือไม่ก่อโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อในแมวได้ อีกทั้งยังมีโอกาสให้ผลทั้ง false negative และ false positive ดังนั้นจึงควรวินิจฉัยร่วมกับข้อมูลสัตว์ป่วยและผลการตรวจอื่น ๆ ด้วย
6. AB titer of coronavirus
อาจไม่สามารถวินิจฉัยโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อในแมวได้แม่นยำนัก เพราะเนื่องจากเป็นการตรวจทดสอบการสัมผัสเชื้อ FCoV เท่านั้น
7. Histopathology
ถือเป็นวิธีการวินิจฉัยที่มีความแม่นยำสูง และจัดเป็น gold standard ในการวินิจฉัยโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อในแมว โดยรอยโรคที่พบได้ คือ perivascular granulomatous inflammation และ vasculitis อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ไม่สามารถแยกระหว่าง virulent และ avirulent coronavirus ออกจากกันได้
8. CSF Examination
สามารถใช้ยืนยันผลโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อในแมวที่แสดงอาการทางระบบประสาทได้
---
การรักษา
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคนี้ให้หายขาด และหลาย ๆ ตัวยา ยังไม่ได้มีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพแน่ชัด ดังนั้นการรักษาจึงเน้นพยุงอาการเป็นหลัก ตัวอย่างแนวทางการรักษา เช่น
1. การรักษาแบบพยุงอาการ
ยกตัวอย่างเช่น การให้สารน้ำทดแทนกรณีที่พบภาวะแห้งน้ำร่วมด้วย การเจาะดูดของเหลวออกกรณีที่เป็นโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อแบบเปียก การให้ยาปฏิชีวนะหากมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน และการให้สารอาหารหรือวิตามินบำรุงที่เหมาะส
2. Anti-inflammatory และ immunosuppressive drugs
เช่น Prednisolone และ alkylating drugs เช่น cyclophosphamide โดยหวังผลกดการอักเสบและการตอบสนองจากภูมิคุ้มกัน และลดอาการทางคลินิก
3. Antiviral drugs
เช่น chloroquine ที่ใช้ในการรักษาโรคมาลาเรีย พบว่ามีผลในการยับยั้งการจำลองตัวของเชื้อแบบ in vitro และมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบอีกด้วย
4. Immune modulator
ยกตัวอย่างเช่น feline interferon omega และ human interferon alpha เป็นยาที่ใช้เพื่อหวังผลช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
ในปัจจุบันยังคงมีการคิดค้นและพัฒนายาต่าง ๆ เพื่อรักษาโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อในแมวโดยตรง แต่ยาบางตัวยังไม่ได้รับการรับรองจาก FDA ดังนั้นการเลือกใช้ยาอะไรก็ตาม จึงจำเป็นต้องอาศัยความระมัดระวังสูง และควรมีการติดตามอาการอย่างใกล้ชิดภายหลังจากการใช้
---
เนื่องจากปัจจุบันเรายังไม่ทราบกลไกการติดต่อแบบแน่ชัดของเชื้อ FIPV เชื่อกันว่าไวรัสนี้กลายพันธุ์มาจากเชื้อ FECV ดังนั้นแนวทางการป้องกันที่ดีที่สุดคือ การรักษาความสะอาดภายในบ้าน หมั่นทำความสะอาดกระบะทรายให้สะอาดอยู่เสมอ วางแยกจากชามอาหารของแมวที่ป่วยและแมวสุขภาพดีออกจากกัน ลดความเครียดของแมว เช่น ไม่เลี้ยงรวมกันอย่างหนาแน่น
ปัจจุบันมีการคิดค้นและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อในแมว ซึ่งเป็นวัคซีนเชื้อเป็น (modified live non - adjuvant) และให้โดยการหยอดจมูก (intranasal) แต่ยังคงถกเถียงกันในเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าว สมาคมแพทย์รักษาแมวอเมริกัน (American association of feline practitioners) จึงยังไม่แนะนำให้ใช้วัคซีนดังกล่าวในแมวที่มีผลบวกของแอนติบอดีต่อ FECV หรือแมวปกติที่อยู่ร่วมกับแมวที่เป็นหรือสงสัยโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อในแมว
---
อ่านบทความฉบับเต็มพร้อมตารางและภาพประกอบได้ที่:
https://www.readvpn.com/CECredit/Info/3d8c6485-027c-48ca-9413-c61bbedeeadd
เรายังมีบทความและ CE ให้คุณหมอได้อ่านและทำอีกมากมาย
เพียงแค่สมัครสมาชิก แถมช่วงนี้เรายังมีโปรโมชั่นพิเศษอีกด้วย ดังนี้
💚 อ่านออนไลน์ จ่ายถูกกว่า -
สำหรับสัตวแพทย์ท่านที่สมัครสมาชิกแบบอ่านออนไลน์ (ไม่รับหนังสือ) จ่ายเพียง 1,000 บาท/ปี เท่านั้น และยังสามารถทำ CE online ในเว็ปไซต์ได้ตามปกติ
💚 อ่านจากเล่ม - เติมเต็มความรู้ทุกช่องทาง
สำหรับท่านที่สมัคร/ต่ออายุสมาชิกแบบรับหนังสือ (สามารถใช้งานเว็ปไซต์และทำ CE online ได้ด้วย)
📍 ได้ทำ CE online มากกว่า 40 คะแนน/ปี
📍 ดาวโหลด E-book ไปอ่านได้
📍 ใช้งานเว็ปไซต์ได้เต็มรูปแบบ
📍 E-learning online course
ดูรายละเอียดแพคเกจ
และสมัครออนไลน์ด้วยตัวเองได้ที่ https://www.readvpn.com/VPN/Subscription
หรือสอบถามเพิ่มเติม
add Line : https://lin.ee/v8Ldcyu

รีวิวประสบการณ์จากคุณหมอ    แมวเป็น FIP ชนิดเปียก(wet form) ตัดสินใจใช้ FIP Heal แล้วพบว่า ให้ผลตอบสนองการรักษาอย่างรวดเ...
24/08/2021

รีวิวประสบการณ์จากคุณหมอ

แมวเป็น FIP ชนิดเปียก(wet form) ตัดสินใจใช้ FIP Heal แล้วพบว่า ให้ผลตอบสนองการรักษาอย่างรวดเร็ว โดยรูปเป็นหลักฐานที่ชัดเขนมากว่าน้ำในช่องท้องลดลงอย่างมาก ภายใน 5 วัน
ทำให้น้องไม่ต้องมาทรมานจากการเจาะช่องท้องเอาน้ำออกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

ทำงานเสร็จแล้วพี่ขอขนมนะนุด
17/08/2021

ทำงานเสร็จแล้วพี่ขอขนมนะนุด

เมื่อแมวเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีกว่าที่คุณคิด
ในปัจจุบันมีการพูดเรื่อง Producitvity หรือการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอยู่หลากหลายวิธีมาก ทั้งบทความในเว็บไซต์และหนังสือมากมายต่างพูดถึงเรื่องแทบจะทุกแง่มุม แต่เชื่อหรือไม่ว่าอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้และฟังดูไม่ค่อยน่าจะเกี่ยวเลยคือการให้มีแมวอยู่ข้างๆ นั่นเอง
เชื่อว่าหลายท่านอ่านแล้วก็คงรู้สึกว่า เอ๊ะ...ขึ้นมา เพราะแมวถือว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยรบกวนสมาธิไม่น้อย แถมยังคอยรบกวนเราให้เสียสมาธิอยู่เสมอ แล้วแบบนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างไร
มีงานวิจัยหลายชิ้นพบว่าการให้มีแมวหรือสุนัขในที่ทำงานจะช่วยลดระดับฮอร์โมน Cortisol หรือฮอร์โมนที่หลั่งออกมาเมื่อเราเกิดความเครียดได้ อีกทั้งการมีแมวอยู่ใกล้ๆ ยังช่วยให้เราหลั่งฮอร์โมน Oxytocin หรือฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์และความอบอุ่นไว้ใจ อีกทั้งยังมีโอกาสเพิ่มฮอร์โมน Serotonin ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวกับระดับความสุขอีกด้วย
ในเวลาปกติ การทำงานในออฟฟิศเป็นการทำงานแบบทีมเวิร์ก การเพิ่มฮอร์โมน Oxytocin จะช่วยให้เราทำงานเป็นทีมได้ดียิ่งขึ้นและมีความเชื่อใจกันมากขึ้น อีกทั้งการมีแมวก็ยังช่วยลดกำแพงระหว่างแผนกหรือแต่ละฝ่ายได้ เพราะมีเรื่องคุยเกี่ยวกับแมวร่วมกัน รวมไปถึงการมีแมวเดินไปเดินมายังทำให้บรรยากาศโดยรวมในออฟฟิศเคร่งเครียดน้อยลงอีกด้วย
ส่วนในช่วงนี้ที่ใครหลายคน Work from Home กันอยู่ การมีแมวอยู่ข้างๆ ก็ช่วยให้เราลดความเครียดได้เช่นกัน อย่าแรกเลยคือแมวพูดไม่ได้ ทำให้เราต้องสื่อสารกันโดยไม่ต้องใช้ภาษาพูดซึ่งก่อให้เกิดกระบวนการครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งและเป็นทางหนึ่งที่ทำให้จิตใจสงบมากขึ้น หลายคนที่เลี้ยงแมวบอกว่าการได้เห็นแมวนั่งอยู่เฉยๆ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข แน่นอนว่าการลูบขนแมวเองก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ลดความเครียดได้ดีมากๆ เช่นกัน มีงานวิจัยหลายชิ้นบอกตรงกันว่าการได้ลูบขนสุนัขและแมววันละไม่กี่นาทีช่วยลดระดับความเครียดและความกังวลได้มากเลยทีเดียว
สำหรับใครที่เป็นคนรักน้องแมว การมีแมวอยู่ข้างๆ น่าจะเป็นกำลังใจในการทำงานได้ดีและส่งผลที่ทำให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพียงแต่ต้องรู้วิธีการโฟกัสกับงานอย่างเหมาะร่วมด้วย เพราะถ้าเราเสียสมาธิเพราะแมวมากวนบ่อยๆ ก็คงไม่ดีเหมือนกัน และสุดท้ายเราคิดว่าการมีแมวอยู่ข้างๆ เวลาทำงานนั้นยิ่งเป็นสิ่งที่ช่วยย้ำเตือนว่าเราทำงานไปเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เพราะต้องเลี้ยงดูแมว
รีบๆ ทำงานเข้า เจ้าพวกมนุษย์ เดี๋ยวปลายเดือนไม่มีเงินซื้อขนมแมวเลียมาให้ล่ะน่าดู !
อ้างอิงข้อมูล

https://www.businessinsider.com/office-cats-and-dogs-reduce-stress-levels-and-boost-productivity-2018-12
ในตอนนี้ทีมงาน howl ได้จับมือกับทาง FutureSkill เลยมีโปรโมชั่นน่าสนใจมาฝากกัน บอกเลยว่าใครที่ชอบเรียนคอร์สออนไลน์ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะส่วนลดเยอะถึง 50%
สมัครเรียนกับ FutureSkill ตอนนี้ลดทันที 50% สำหรับแฟนเพจ Howl เท่านั้น
จากราคา 7908 บาท เหลือเพียง 3954 บาท
โดยสามารถเรียนได้ไม่จำกัดทุกคอร์สเรียน รวมคอร์สเรียนมากกว่า 100+ คอร์ส
เรียนได้ไม่อั้น 1 ปีเต็ม เรียนจบได้รับใบรับรอง Certificate
แถมคอร์สเรียนยังอัปเดตใหม่ทุกเดือน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://page.futureskill.co/fsxhl
โค้ดลด 50% : FSXHL50 (หมดเขต 30 กันยายน 2021 *ไม่จำกัดจำนวน)
วิธีการชำระเงิน
1. ลงทะเบียนกับทางระบบ Future skill
2. เลือกแพ็คเกจที่ต้องการสมัคร ( 1 ปี )
3. เลือกวิธีการชำระเงิน
- ชำระผ่านบัตรเครดิต
- ผ่อน 0% 4 เดือน
- ชำระผ่านทางธนาคาร iBanking (สแกน Qrcode)
หากต้องการความช่วยเหลือหรือมีข้อสงสัยใดสามารถสอบถามทางเจ้าหน้าที่โดยตรงได้ที่
http://m.me/futureskill.co

ความหวังใหม่ และเป็นความหวังเดียว ณ ขณะนี้ ที่สามารถรักษาโรค FIP (Feline Infectious Peritonitis) ได้ จากงานวิจัยและประสบ...
15/07/2021

ความหวังใหม่ และเป็นความหวังเดียว ณ ขณะนี้ ที่สามารถรักษาโรค FIP (Feline Infectious Peritonitis) ได้
จากงานวิจัยและประสบการณ์จากผู้ใช้ พบว่าให้ประสิทธิภาพการรักษาสูงถึง 90 %

GS-441524 ยาต้านไวรัสใหม่ที่น่าจับตามอง

Address


Telephone

+66818238520

Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when FIP Heal : FIP รักษาได้ posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Business

Send a message to FIP Heal : FIP รักษาได้:

Shortcuts

  • Address
  • Telephone
  • Alerts
  • Contact The Business
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Pet Store/pet Service?

Share