Nature's Golden Farm

  • Home
  • Nature's Golden Farm

Nature's Golden Farm ลูกสุนัขโกลเด้นสายเลือดแชมป์

เด็กๆปล่อยเข้าคอกวิ่งตอนเย็น
28/02/2024

เด็กๆปล่อยเข้าคอกวิ่งตอนเย็น

สาวหล่อ ^_^
17/11/2023

สาวหล่อ ^_^

เตรียมผสมคู่นี้ โจอี้+ธัญญ่า
10/11/2023

เตรียมผสมคู่นี้ โจอี้+ธัญญ่า

Lisa  สาวน้อยวัย 5 เดือน
10/11/2023

Lisa สาวน้อยวัย 5 เดือน

สาวๆ เริ่มจะเป็นฮีทกันแล้ว
16/09/2023

สาวๆ เริ่มจะเป็นฮีทกันแล้ว

อนาคตแม่พันธุ์ทางเราอีกตัว
05/08/2023

อนาคตแม่พันธุ์ทางเราอีกตัว

หนูลิซ่า รายงานตัวคร่าาาา
29/07/2023

หนูลิซ่า รายงานตัวคร่าาาา

เด็กๆอาบน้ำหวีขน
28/06/2023

เด็กๆอาบน้ำหวีขน

ธัญญ่ารายงายตัวคร่าาาาา
27/06/2023

ธัญญ่ารายงายตัวคร่าาาาา

06/02/2022

หลังจากที่ไม่ได้โพสนาน เพราะน้องหมาชุดเก่าๆอายุเยอะและจากไป ทางเพจจึงนำน้องหมามาเลี้ยงใหม่ ฝากติดตามกันด้วยน่ะครับ
วันนี้เอาน้อง ธัญญ่า มาให้ชมกันน่ะครับ

**หน้าร้อนโกลเด้นขนยาวระวังกันด้วยน่ะครับ**โรคฮีตสโตรก โรคร้ายในหน้าร้อนที่เจ้าของสุนัขควรศึกษาวิธีสังเกตอาการ ดูแลรักษา...
21/05/2021

**หน้าร้อนโกลเด้นขนยาวระวังกันด้วยน่ะครับ**

โรคฮีตสโตรก
โรคร้ายในหน้าร้อนที่เจ้าของสุนัขควรศึกษาวิธีสังเกตอาการ ดูแลรักษา และป้องกันเอาไว้ ก่อนที่หน้าร้อนอันแสนสนุกของคุณกับสุนัข จะกลายเป็นความเศร้า

ถึงแม้หน้าร้อนจะเป็นช่วงที่สุนัขสามารถออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องฝน แต่ด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นทุกขณะ บางครั้งความร้อนก็กลับกลายเป็นอาวุธที่ทำให้สุนัขตายได้เนื่องจากโรคฮีตสโตรก (Heatstroke) หรือโรคลมแดด ดังนั้นก่อนที่น้องหมาจะเป็นอะไรไป กระปุกดอทคอมได้รวบรวมข้อมูลทั้ง สาเหตุ อาการ วิธีการดูแลรักษา และป้องกันโรคฮีตสโตรกในน้องหมามาฝากกัน

ที่มาของโรคฮีตสโตรกในสุนัข

โรคฮีตสโตรกจะเกิดขึ้นกับสุนัขที่สูญเสียการควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย เนื่องจากสุนัขไม่ได้ขับเหงื่อทางร่างกายเหมือนกับคน แต่จะระบายความร้อนผ่านการหายใจ ซึ่งถ้าหากสุนัขอยู่ในบริเวณที่มีการถ่ายเทความร้อนได้ไม่รวดเร็วพอ ก็จะทำให้เป็นโรคฮีตสโตรกได้ เพราะโดยปกติแล้วอุณหภูมิร่างกายของสุนัขจะอยู่ที่ประมาณ 38-39 องศาเซลเซียส ซึ่งถ้าอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียสเมื่อไร ก็จะแสดงอาการของโรคฮีตสโตรกให้เห็น และจะเริ่มเป็นอันตรายกับตับ ไต หัวใจ รวมไปถึงสมอง เมื่อร่างกายของสุนัขมีอุณหภูมิสูงถึง 41-42 องศาเซลเซียส นอกจากนี้จริง ๆ แล้วโรคฮีตสโตรกสามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลาและทุกฤดู เพียงแต่ว่าช่วงหน้าร้อนเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมากที่สุดเท่านั้น

อาการโรคฮีตสโตรกในสุนัข

อาการโรคฮีตสโตรกสามารถสังเกตได้จากการที่สุนัขแลบลิ้นออกมามากจนผิดปกติ มีอาการเหนื่อย หอบ หายใจลำบาก กระหายน้ำรุนแรง น้ำลายเหนียวหรือยืด เหงือกมีสีแดงเข้มแล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินหรือม่วง เหงือกหรือจมูกแห้ง มีอาการเซ สับสนมึนงง ชัก อาเจียนบ่อย ท้องเสียเฉียบพลัน นอนนิ่งเกร็งขาทั้ง 4 ข้าง ตามตัวมีอุณหภูมิสูง อีกทั้งอาจจะเลือดกำเดาไหลหรือชักร่วมด้วย หากอาการรุนแรงก็อาจถึงขั้นตายได้

ทั้งนี้ความรุนแรงของโรคฮีตสโตรกในสุนัขมีความแตกต่างกันไปตามขนาดรูปร่างของสุนัขและระยะเวลาที่อยู่ในที่ร้อนจัด ยิ่งอยู่ในพื้นที่นานและร้อนจัดมาก ๆ ก็ยิ่งเป็นอันตรายกับสุนัขมากขึ้น

วิธีดูแลและรักษาเมื่อมีอาการฮีตสโตรก

1. นำสุนัขออกจากบริเวณที่มีความร้อนสูง
หากเป็นไปได้ควรพาสุนัขมาอยู่ในที่ร่มที่มีลมโกรก หรือบริเวณที่มีไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ควรห้ามไม่ให้สุนัขออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง และวิ่งเล่นกลางแดดในช่วงเวลาดังกล่าว จนกว่าจะตรวจเช็กจนมั่นใจว่า สุนัขหายเป็นปกติแล้ว

2. ให้สุนัขกินน้ำเย็น
ในระหว่างนี้ควรให้สุนัขกินน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้องทีละน้อย เพราะถ้าปล่อยให้สุนัขกินน้ำมากเกินไปในเวลาอันรวดเร็ว อาจทำให้สุนัขอาเจียนได้ ส่วนในกรณีที่สุนัขไม่สนใจให้ใช้น้ำซุปไก่หรือน้ำซุปเนื้อแทนได้ แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรบังคับให้สุนัขกินน้ำ หากสุนัขไม่ยอมกินด้วยตัวเอง

3. หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเย็นเช็ดตัว
เจ้าของสุนัขสามารถใช้ผ้าเย็นเช็ดตัวสุนัขเพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกายได้ โดยเฉพาะบริเวณใต้อุ้งเท้าและใต้ท้อง แต่ไม่ควรใช้ผ้าเย็นห่มตัวสุนัขทิ้งไว้ เพราะนอกจากจะเป็นการลดการระบายอากาศแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความร้อนให้กับร่างกายของสุนัขด้วย อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงสถานที่ปิด เช่น กรงสุนัข แต่ให้พาสุนัขไปอยู่ในที่มีการถ่ายเทอากาศดี ก็ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายได้

3. รดน้ำบนตัวสุนัข
ควรใช้น้ำที่มาจากก๊อกน้ำหรือสายยางรดน้ำลงบนตัวสุนัขด้วยระดับความดันน้ำที่ไม่แรงจนเกินไป และพยายามหลีกเลี่ยงการพาสุนัขไปแช่น้ำโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นอ่างอาบน้ำหรือสระว่ายน้ำ เพราะการแช่น้ำจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายของสุนัขลดลงเร็วเกินไป ก็จะทำให้มีอาการอื่น ๆ ตามมา เช่น หัวใจวายเฉียบพลัน หรือท้องอืด

4. พาไปพบสัตวแพทย์
ถึงแม้จะดูแลเป็นอย่างดีแต่ก็ไม่ควรวางใจเสียทีเดียว หากเป็นไปได้ควรพาไปพบสัตวแพทย์ด้วย เพราะแม้ภายนอกจะดูเป็นปกติดี แต่อวัยวะภายในร่างกายของสุนัขอาจมีบางส่วนที่เกิดความเสียหายจากโรคฮีตสโตรกได้ และถ้าหากไม่วินิจฉัยให้ละเอียดก็อาจทำให้สุนัขถึงตายได้

5. ใช้แอลกอฮอล์ลูบใต้ฝ่าเท้า
เนื่องจากสุนัขระบายความร้อนที่ผ่านผิวหนังใต้อุ้งเท้า ฉะนั้นการใช้แอลกอฮอล์ลูบที่บริเวณดังกล่าวก็ช่วยให้การระบายความร้อนในร่างกายดีขึ้น ส่วนปริมาณของแอลกอฮอล์ไม่ควรใช้มากเกินไป เพราะจะเป็นอันตรายหากสุนัขเผลอเลียอุ้งเท้า

วิธีป้องกันการเกิดโรคฮีตสโตรก

1. เลี่ยงต้นเหตุของโรคหรือทำให้อาการกำเริบ
สุนัขที่มีอายุมาก เป็นโรคอ้วน และเคยมีประวัติโรคฮีตสโตรก หรือโรคชักมาก่อน มีโอกาสที่เป็นโรคฮีตสโตรกได้ง่าย จึงทำให้มีความเสี่ยงมากกว่าสุนัขทั่วไปโดยเฉพาะสุนัขจมูกสั้น เช่น ปั๊ก หรือบูลด็อก ส่วนสุนัขพันธุ์อื่น ๆ ก็มีโอกาสเป็นได้เช่นกัน ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีสภาพอากาศร้อนจัดไว้ก่อนจะดีกว่า

2. ไม่ควรปล่อยให้สุนัขอยู่ในรถ
หากไม่จำเป็นจริง ๆ ในช่วงฤดูร้อนไม่ควรให้สุนัขอยู่ในรถ ถึงแม้ว่าอากาศภายในรถจะไม่ร้อน หรือเปิดหน้าต่างรถทิ้งไว้ก็ตาม เพราะอุณหภูมิในรถช่วงฤดูร้อนแบบนี้สามารถเพิ่มสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาที ซึ่งถือเป็นเรื่องที่อันตรายกับสุนัขมากทีเดียว

3. ตัดแต่งขนสุนัข
ในหน้าร้อนแบบนี้เจ้าของควรพาสุนัขไปโกนหรือตัดขนให้สั้นลงด้วย โดยเฉพาะสุนัขที่มีขนทั้งหนาและยาว เพื่อลดความสะสมความร้อน ที่สำคัญหากเป็นไปได้ควรพาสุนัขไปตัดขนกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อจะได้ออกแบบขนไปในตัวด้วย

4. นำสุนัขมาเลี้ยงไว้ในบ้านในวันที่มีแดดร้อนจัด
หากอากาศร้อนจัดควรพาสุนัขมาอยู่ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ ระหว่างวันที่มีแดดร้อนมาก ๆ หากไม่สามารถทำได้ก็ควรพาสุนัขไปอยู่ในที่ที่มีร่มเงา และมั่นใจว่าปลอดภัยกับสุนัขแทน

5. จัดหาน้ำและที่ร่มให้
สำหรับบ้านที่เลี้ยงสุนัขไว้นอกบ้านควรเตรียมน้ำ และหาที่พักที่มีร่มเงาไว้ให้กับสุนัขด้วย นอกจากนี้ยังมีบางคนเทน้ำแข็งลงบนพื้นเอาไว้ให้สุนัขนอนกลิ้งในวันที่มีอากาศร้อนอีกต่างหาก

6. พาสุนัขไปเล่นน้ำ
หากบ้านอยู่ใกล้กับแม่น้ำ หรือมีสระน้ำอยู่ในบ้าน ก็ควรหาโอกาสพาสุนัขไปเล่นน้ำ หรือไม่ก็ใช้น้ำลูบตัวสุนัขบ้าง ก็จะช่วยป้องกันโรคฮีตสโตรกได้ทางหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรให้สุนัขลงเล่นน้ำลึกจนเกินไปนัก หากสุนัขมีทักษะการว่ายน้ำไม่ดีพอ

และนี่คือโรคร้ายที่ก่ออันตรายให้กับสุนัขซึ่งเจ้าของควรระวัง ถึงแม้ไม่เคยมีประวัติก็อาจเป็นได้ อีกทั้งยังเป็นอันตรายถึงชีวิต ฉะนั้นเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้ก่อนกันดีกว่านะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก wikihow, thesprucepets, โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ และ

โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หนองโพ

Address


Telephone

+66645032687

Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when Nature's Golden Farm posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Business

Send a message to Nature's Golden Farm:

Videos

Shortcuts

  • Address
  • Telephone
  • Alerts
  • Contact The Business
  • Videos
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Pet Store/pet Service?

Share