My name is Ray

19/02/2024

ฉคบกธรย..😃💕จะได้เจอกันละ..😃และก็จะมีเพลงใหม่..มาร้องด้วยกันดังๆจ้าา..💕😃ฉรธ.. เย

03/01/2024

คุณหญิงคุณนายหลายคนได้เข้าไปนมัสการหลวงปู่ พรรณาถึงทุกข์โศกที่กำลังได้รับอยู่
ทั้งบารมียศถาบรรดาศักดิ์ของสามีที่จืดจางลง ทั้งธุรกิจที่เสียหายไป
เพื่อให้หลวงปู่แนะนำให้

หลวงปู่กล่าวสั้นๆดังนี้

“บุคคลไม่ควรเศร้าโศกอาลัยอาวรณ์ถึงสิ่งนอกกายทั้งหลายที่มันผ่านพ้นไปแล้ว
เพราะสิ่งเหล่านั้นมันได้ทำหน้าที่ของมันอย่างถูกต้องโดยสมบูรณ์ที่สุดแล้ว”

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
วัดบูรพาราม สุรินทร์

02/01/2024

ไทยในสายธารการเมืองโลก
ตอนที่ 1 ยุคล่าอาณานิคม

โดย ต.ตุลยากร

“The strong do what they can and the weak suffer what they must.” Thucydides

ธรรมชาติดั้งเดิมของโลกนั้น ผู้เข้มแข็งย่อมกลืนกินผู้อ่อนแอ แม้ในเวลาต่อมา สังคมวิวัฒนาการซับซ้อนขึ้นกลายเป็นรัฐ-ชาติ สัจธรรมข้อนี้ก็ยังคงอยู่ ประเทศที่เข้มแข็งก็ต้องการกลืนกินประเทศที่อ่อนแอ

ในยุคล่าอาณานิคม ประเทศที่เข้มแข็งใช้ “อำนาจของรัฐ (State’s Power)” ที่มี เพื่อให้ได้มาและรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติ (National Interests) ของตน แม้ว่าการใช้อำนาจนั้นจะเป็นการกดขี่ข่มเหงชาติอื่นๆ ที่อ่อนแอก็ตาม
ในการใช้อำนาจของรัฐเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์แห่งชาตินั้นอาศัยเครื่องมือ (Instrument) ที่สำคัญ 4 ชนิดได้แก่

• เครื่องมือทางการเมือง (Political Instrument)
• เครื่องมือทางเศรษฐกิจ (Economic Instrument)
• เครื่องมือทางสังคมจิตวิทยา (Psycho-social Instrument)
• เครื่องมือทางการทหาร (Military Instrument)

ในอดีตนั้น เครื่องมืออย่างแรกที่ถูกนำมาใช้ในการบีบบังคับชาติอื่นเพื่อบรรลุผลประโยชน์แห่งชาติของตน มักจะเป็นเครื่องมือทางการทหาร

ดังเช่น เหตุการณ์ “วิกฤติการณ์ ร.ศ.112” ที่ฝรั่งเศสได้นำเรือรบมาจอดเทียบเเละเล็งปืนไปที่พระบรมมหาราชวัง จนสุดท้ายฝ่ายสยามต้องยอมเสียดินเเดนฝั่งขวาของลำน้ำโขงให้กับฝรั่งเศส สิ่งนี้ก็คือตัวอย่างการใช้เครื่องมือทางทหารเข้าบีบบังคับอีกฝ่ายให้ยอมจำนนและปฏิบัติตามสิ่งที่ตนต้องการ

การที่ชาติเล็กๆ จะใช้เครื่องมือทางทหารเพียงอย่างเดียวต่อกรกับชาติมหาอำนาจ ย่อมไม่ต่างจากการเอาไข่กระทบหิน ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนจากเพื่อนบ้านของเราก็เช่น พม่ารบกับอังกฤษจนกระทั่งสุดท้ายพ่ายแพ้ต้องกลายเป็นอาณานิคมของอังกฤษ

แล้วชาติเล็กๆอย่างสยามรอดจากการเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตกได้อย่างไร เพราะหากเปรียบเทียบเครื่องมือทางทหารแล้ว สยามเป็นรองฝรั่งเศสอย่างสุดกู่

การที่สยามเรารอดพ้นจากการล่าอาณานิคมได้ นั่นก็เป็นเพราะสายพระเนตรอันยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการส่งพระราชโอรสของพระองค์ไปศึกษายังทวีปยุโรป ทำให้ทรงเข้าใจในสภาพการเมืองระหว่างประเทศของยุโรปในขณะนั้นโดยกระจ่าง
ในช่วงนั้น

เป็นเหตุการณ์หลังจากที่ปรัสเซียรวมชาติเยอรมันได้สำเร็จ (สงครามฟรังโก-ปรัสเซีย ค.ศ1870-1871) ต่อมาในปี ค.ศ.1873/พ.ศ.2416 บิสมาร์ก อัครมหาเสนาบดีผู้สถาปนาจักรวรรดิเยอรมัน ได้มีนโยบายโดดเดี่ยวฝรั่งเศส จึงได้จัดตั้งสันนิบาตสามจักรวรรดิ (League of the Three Emperors) ประกอบด้วย จักรวรรดิเยอรมัน, จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี และจักรวรรดิรัสเซีย ก่อตัวเป็นกลุ่มมหาอำนาจกลาง (Central Powers)

แต่จากความขัดแย้งของผลประโยชน์ระหว่างออสเตรีย-ฮังการีและรัสเซียในบอลข่าน ทำให้สันนิบาตนี้ยุติลงในปี1887 และรัสเซียหันไปเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศส โดยที่ฝรั่งเศสเองก็จำเป็นต้องเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย เพื่อคานอิทธิพลของเยอรมัน-ออสเตรีย

ดังนั้นเพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งชาติสำคัญยิ่ง (Vital Interests) ซึ่งก็คือความอยู่รอดของประเทศชาติ สยามจึงเลือกใช้เครื่องมือทางการเมืองเพื่อให้รอดพ้นภัยคุกคามจากการล่าอาณานิคม

จากครั้งที่พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ ๒ เมื่อครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็น เจ้าชายนิโคลัส มกุฎราชกุมารของรัสเซีย ได้เสด็จเยือนไทยเมื่อปี ค.ศ.1891/พ.ศ.2434 (ร.ศ.110 – 2 ปีก่อนเหตุการณ์วิกฤติการณ์ ร.ศ.112) ราชอาณาจักรสยามได้ถวายการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่

จนเกิดเป็นมิตรภาพที่ดียิ่งระหว่าง เจ้าชายนิโคลัส มกุฎราชกุมารของรัสเซีย กับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในเวลาต่อมาเจ้าชายนิโคลัสได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็น พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย

หลังจากวิกฤติการณ์ ร.ศ.112 (ค.ศ.1893/พ.ศ.2436) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงตระหนักว่าฝรั่งเศสมีเจตนารมณ์แน่แน่วที่จะยึดสยามเป็นอาณานิคม พระองค์จึงเสด็จประพาสยุโรปเมื่อ ค.ศ.1897/พ.ศ.2440 เพื่อแสดงให้เห็นว่าราชอาณาจักรสยามนั้นไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนแต่ประการใด

ซึ่งผลจากการเสด็จครั้งนั้นคือ มีพระบรมฉายาลักษณ์พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประทับนั่งคู่กันปรากฏที่หนังสือพิมพ์หลายฉบับทั่วยุโรป โดยพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ทรงเขียนคำอธิบายภาพด้วยพระองค์เองว่า

“สยามเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา หาใช่ประเทศล้าหลังซึ่งมหาประเทศจะอาศัยเป็นมูลเหตุเข้ายึดครองมิได้”

ทำให้ฝรั่งเศสซึ่งกำลังถูกคุกคามจากเยอรมัน-ออสเตรียอยู่นั้น ไม่กล้าฉีกหน้ารัสเซียด้วยการยึดสยามเป็นอาณานิคมของตน

ต่อมาความขัดแย้งที่คุกรุ่นระหว่างฝรั่งเศสและกลุ่มมหาอำนาจกลางได้ระเบิดกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้ทรงประกาศสงครามกับเยอรมันและส่งกองทหารอาสาเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรฝรั่งเศส-อังกฤษ

เมื่อสงครามยุติ นอกจากสยามจะได้แก้สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมแล้ว ฝรั่งเศสและอังกฤษย่อมไม่สามารถยึดสยามซึ่งเป็นพันธมิตรของตนในมหาสงครามเข้ามาเป็นอาณานิคมได้ มิเช่นนั้นก็จะถูกติเตียนจากนานาอารยประเทศเป็นแน่แท้

สยามจึงรอดพ้นจากภัยคุกคามจากการล่าอาณานิคม หาไม่แล้วเราคงต้องสังเวยไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนชีวิตเพื่อแลกกับเอกราชและอิสรภาพดังเช่นสงครามกู้ชาติของชาติต่างๆที่เคยตกอยู่ใต้อาณานิคมของชาติตะวันตก

แต่เป็นที่น่าเสียใจยิ่งนัก เมื่อมหามิตรอย่างพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ถูกเลนินโค่นล้ม ในค.ศ.1917/พ.ศ.2460 กำเนิดแนวคิดมาร์กซิสต์-เลนินนิสต์ เหตุการณ์นี้ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก ต่อมาแม้สงครามโลกครั้งที่สองจะสงบลง แต่ก็เกิดสงครามในรูปแบบใหม่ เป็นสงครามระหว่างอุดมการณ์ที่เรียกว่า สงครามเย็น

โปรดติดตามตอนต่อไป

ไทยในสายธารการเมืองโลก
ตอนที่ 2 ยุคสงครามเย็น | สหรัฐอเมริกาคือผู้สร้างให้คนไทยรักและศรัทธาสถาบันฯ จริงหรือ ?

www.facebook.com/share/p/oQTFiXgjsvre2LTG/?mibextid=WC7FNe

02/01/2024

ไม่มีอาวุธใดทำร้ายเราได้เท่า“ความคิด”
ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดคุ้มครองเราได้เท่า“สติ”

หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ

02/01/2024

18/04/2023

วันหนึ่งในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 1995 ฌอง-โดมินิค โบบี ลองขับรถคันใหม่กับลูกชาย ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองไม่ตอบสนองต่อความคิด ประสาทสัมผัสของเขาคล้ายถูกลบหายไปเหมือนเส้นดินสอที่ถูกยางลบปาดผ่าน โบบีพบตัวเองบนเตียงที่ระเกะระกะด้วยเครื่องช่วยชีวิต ท่ออากาศ และสายยาง อาการสโตรคของเขาเป็นสัญญาณของโรคร้ายที่พบน้อยมากคือ Lock-In Syndrome โรคที่ไม่มีทางรักษา

ในชั่วพริบตา เขาก็กลายเป็นอัมพาตไปโดยสิ้นเชิง ช่วยตัวเองไม่ได้ เป็นฝันร้ายในโลกจริง

โบบีอายุสี่สิบสาม พ่อของลูกเล็กสองคน เป็นบรรณาธิการนิตยสารที่มีชื่อเสียงฉบับหนึ่ง เขารักการกินอาหารอร่อย แต่บัดนี้เขาต้องรับอาหารผ่านสายยาง ชอบสนทนากับคนที่รัก แต่ตอนนี้เขาฟังโทรศัพท์จากคนรักโดยไม่สามารถตอบกลับได้

ใจรับรู้ ความคิดยังทำงาน แต่สมองไม่อาจสั่งการร่างกายได้ เขาสามารถทำได้เพียงขยับตาข้างซ้ายและกะพริบตาเท่านั้น

แต่เพียงการกะพริบตาก็ถือว่าเป็นของมีค่าอย่างเดียวที่เหลืออยู่

ในสถานการณ์ที่หากเกิดขึ้นกับใครก็ตาม น้อยคนคงอยากมีชีวิตต่อไป โบบีเริ่มกะพริบตา และกระทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

เขาเขียนหนังสือ!

เขาเขียนหนังสือโดยการกะพริบตาสื่อสารกับคนอื่น และถ่ายทอดลงบนกระดาษ แต่ละครั้งที่กะพริบตาเป็นรหัสสำหรับแต่ละอักษร ใช้แต่ละอักษรเรียงร้อยเป็นคำ และต่อเนื่องเป็นวลี ประโยค ข้อความ และหนังสือหนึ่งเล่ม

โบบีไม่เอ่ยถึงความท้อแท้สิ้นหวัง หรือสงสารตัวเอง เขาเขียนอย่างสง่างาม อย่างมนุษย์ที่ไม่ก้มหัวให้ชะตากรรม สูญสิ้นแต่ไม่สิ้นหวัง มีอารมณ์ขันแม้ในห้วงยามที่แย่ที่สุด แม้รับอาหารผ่านสายยาง แต่เขาก็ยังเล่าถึงความสุขของการปรุงอาหาร การกินอาหารในภัตตาคาร กลิ่นหอมของเฟรนช์ฟรายส์ที่ชายหาด และวันพ่อในปีนั้น

ในวันพ่อปีนั้น ครอบครัวของโบบีพาเขาไปที่ชายหาด ลูกชายช่วยเช็ดน้ำลายที่ไหลออกมาจากปากของพ่อด้วยกระดาษทิชชู ลูกสาวคนเล็กจูบเขาและเอ่ยว่า "พ่อเป็นพ่อของหนูค่ะ" เขามองลูกเล่นขณะที่ภรรยากุมมือของเขา ความคิดของเขาลอยล่องออกไปไกลแสนไกล

โบบีเขียนในหน้าหนึ่งของหนังสือว่า แต่ก่อนเขาไม่เคยสนใจวันพ่อที่คนเราประดิษฐ์ขึ้นมานี้เลย แต่ในวันที่เขาอยู่กับครอบครัววันนั้น เขานึกในใจว่า ถึงเขาจะพิการ แต่ก็ยังเป็นพ่อของลูก

เขาตั้งชื่อหนังสือว่า The Diving Bell and the Butterfly หนังสือที่บอกโลกว่า ชีวิตที่ไม่ยอมแพ้ คือชีวิตที่ยังมีความรัก คือชีวิตที่เป็นชีวิต

วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ปี ค.ศ. 1997 The Diving Bell and the Butterfly ออกวางบนแผงหนังสือ เป็นใบไม้สีเขียวเล็ก ๆ ที่ผลิออกมาจากหัวใจที่อ่อนโยนดุจผีเสื้อ กับกำลังใจเข้มแข็งกว่าเหล็กไหล

ฌอง-โดมินิค โบบี จากโลกไปสองวันหลังจากหนังสือเล่มนี้ออกวางแผง

ชีวิตสั้นแสนสั้น และบางครั้งขรุขระยากลำเค็ญ แต่หากสามารถใช้ช่วงสั้น ๆ นั้นอย่างไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมอันเลวร้าย มันก็เป็นชีวิตที่ดี

จากเรื่อง ความฝันโง่ ๆ / วินทร์ เลียววาริณ

25/03/2023

เราต้องการ ความแตกต่างแต่ก็ไม่ได้ต้องขนาดนี้นะ

มื้อเช้าสำคัญนะครับ ถ้าไม่ค่อยมีเวลาก็น้ำเต้าหู้ กับ "ปาท่องโก๋" เลือกร้านที่ไม่ใช้น้ำมันทอดซ้ำนะ ..

น่ากินจัง 😁

10/11/2021

เพื่อนเร

28/10/2021

ลูกเร มั้งตัวจิ๋วเลย น่าร้าก ยังไม่ลอกคราบเลย

25/09/2021

ญาติฝั่งพ่อของเร มาทวงบัลลังก์

09/09/2021

ไปเจอบรรพบุรุษของเรเข้า
น่าจะเป็นทวดนะ
หน้าดุมาก🥸🥸

05/09/2021

Ray’s day out

วันนี้เรว่อนไปทั่ว

ไปเดินมองหาที่กอฤาษีผสมไม่เห็นเร
กวาดตามองรอบๆ
อ้าวไปโผล่อยู่ตรงคุณนายตื่นสายมีวิดีโอขำๆมาให้ดูค่ะ
นางแปลงกายซะเกือบหาไม่เจอ

04/09/2021

04/09/2021

ตอนเรโชว์กินแมลง

เรกินแมลงอยากเป็นข่าว
อิแม่มัวแต่งกๆเงิ่นๆ
ไม่ได้ภาพตอนเรตวัดแมลงเข้าปาก
😰😰😰

04/09/2021

มาแล้วจ้า บอกเลยวันนี้เด็ด มาเป็นวิดิโอ

02/09/2021

ระหว่างรอเจ้าเรกะเจ้าไร แม่ก็ส่องหาสัตว์นู่นนี่โพสต์ไปเรื่อย วันนี้ไปเจอเจ้าตัวนี้ อยู่นิ่งๆ ให้ถ่ายแต่โดยดี

02/09/2021

เรกะไรหายหน้าไปหลังทำเพจให้😡😡
แม่เลยตั้งใจจะเอารูปสัตว์อื่นๆในบ้านมาโพสต์เป็นเพื่อนเร

29/08/2021

วันนี้แม่มาซุ่มแอบดูหนูอีกละ
คงจะหาเรื่องไปเขียนในเพจ
ขยันหาเรื่องแท้จริงๆ
แม่บอกว่าแม่ไม่ได้ขยันปานนั้นเดินมาเจอหนูด้วยความบังเอิญทุกครั้ง

วันนี้โป๊ะแตก
แม่มาเจอแฝดหนู
หนูเรียกมันเจ้าไรละกัน
เดี๋ยวถ้าเจอตัวที่สามจะชื่ออะไรค่อยว่ากัน
จะบอกว่าเป็นเมียหรือน้องก็ยังไม่แน่ชัด
ในเผ่าพันธุ์หนูเค้าไม่ได้ห้ามสืบสายโลหิตในครอบครัวน่ะ
เพื่อนแม่ถามแม่ว่าแม่จะขยันเขียน Page อย่างนี้ไปได้สักกี่น้ำ
อีกอย่างเรก็ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า
แม่บอกแล้วแต่บุญแต่กรรม
แต่เรรู้ว่าจริงๆไม่ใช่บุญกรรมหรอก
เป็นเรื่องความเบื่อของแม่มากกว่า อีกไม่กี่วันก็คงไปเจอของเล่นใหม่😜😜😜