หมีคิด

  • Home
  • หมีคิด

หมีคิด ความคิดของหมี

 #หมีคิด  #หมีโควต“กูเนี่ย โดนสงสัยว่าเป็นแอดมินเพจมิตรสหายท่านหนึ่งเรื่อย ก็แอดมินมึงทำงานเร็วเหลือเกิน โพสต์แป๊บๆ มึงโ...
29/08/2020

#หมีคิด #หมีโควต

“กูเนี่ย โดนสงสัยว่าเป็นแอดมินเพจมิตรสหายท่านหนึ่งเรื่อย ก็แอดมินมึงทำงานเร็วเหลือเกิน โพสต์แป๊บๆ มึงโควต

ก็บอกเลยว่าไม่ได้เป็น (ไม่ได้เงินนะ จะทำทำไม) และประเด็นสำคัญคือ 1. เทียบกับเพื่อนๆ แล้วเนี่ย สเตตัสผมโดนโควตไปน้อยจัดๆ แล้ว 2. ถ้าคุณจะยังทันกัน เพจมิตรสหายฯ มันเกิดมาสมัยการเมืองแรงๆ หลังรัฐประหาร 2549 และเฟซบุ๊กเริ่มมีพื้นที่ ซึ่งแน่นอนว่ามาพร้อมการล่าแม่มดครั้งใหญ่

เวรี่พอยต์ของเพจมิตรสหายฯ ในสภาพแวดล้อมการล่าแบบนั้น คือ เผยแพร่ความคิดเห็นของใครก็ตามที่แอดมินคิดว่าเข้าท่าออกไปในแบบนิรนาม เพราะช่วงนั้นแม่งล่าแม่มดกันฉิบหายมาก และการเผยแพร่นี้เป็นไปในแบบไปเอาของคนอื่นมา ไม่ใช่แอดมินโพสต์ความคิดตัวเอง

นอกจากที่อธิบายไป โดยส่วนตัวแล้วผมมีความประสาทแดกแบบนึงคือ สมมติถ้าผมเป็นแอดมินเพจมิตรสหายฯ ผมคงไม่โควตเอาสิ่งที่ตัวเองโพสต์ในสเตตัสส่วนตัวไปขึ้นเพจ เพราะมันน่าจะขัดกับเจตนารมณ์ของเพจ ที่ไม่ใช่ทำมาเพื่อเผยแพร่ความเห็นแอดมิน แต่ทำมาเพื่อให้เจ้าของความคิดที่แอดมินเห็นว่าควรได้รับการเผยแพร่ออกไปได้รับความปลอดภัย

และมันก็คงรู้สึกแปลกๆ คือเคยมีเพจที่เพื่อนๆ ทำกันขๆำ คือโควตสเตตัสผมไปประกอบรูปหมีในอิริยาบถต่างๆ ตอนแรกผมก็ได้เป็นแอดมินด้วย แต่ก็ขอออก เพราะมันน่าอายยังไงไม่รู้ว่ะที่จะเอาสิ่งที่ตัวเองโพสต์ไปลง”

จริงๆ เวลามีคนมาบอกว่าโรคซึมเศร้าไม่เกี่ยวกับสารเคมี เป็นเรื่องของจิตใจ ผมว่าไม่ต้องเกรี้ยวกราดใส่นะ ก็ไอ้จิตใจและอารมณ์...
13/11/2019

จริงๆ เวลามีคนมาบอกว่าโรคซึมเศร้าไม่เกี่ยวกับสารเคมี เป็นเรื่องของจิตใจ ผมว่าไม่ต้องเกรี้ยวกราดใส่นะ ก็ไอ้จิตใจและอารมณ์ต่างๆ มันก็มาจากการทำงานของไฟฟ้าและเคมีในสมองอะ เพราะงั้นเค้าก็พูดเรื่องเดียวกับเรานั่นแหละ แต่เค้าไม่รู้ว่าจิตใจและอารมณ์มันมีที่มาแบบนั้น ซึ่งสุดท้าย เวลาบอกว่าจัดการจิตใจมันก็คือจัดการไฟฟ้าและเคมีในสมองนั่นแหละ

แต่ก็นะ ย้ำอีกที ไอ้เวลาเขาพูดเขาไม่ได้คิดถึงมันในแง่นี้

คือมันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้จริงๆ ที่คนเราจะไม่รู้ว่าอารมณ์จิตใจมันมาจากการทำงานของเคมีและไฟฟ้าในสมอง ก็ด้วยหลักสูตรการเรียนการสอนของเราแล้ว (จริงๆ ก็น่าจะทั้งโลก) เรื่องพวกนี้มันเฉพาะทางมากๆ จะเจอเรื่องพวกนี้ก็ต้องเรียนชีววิทยาหรือกระทั่งประสาทวิทยา ใครมันจะไปเรียนเหมือนวิชาทั่วไปล่ะ

ซึ่งแง่นึงมันน่าเศร้าอยู่ การเรียนการสอนมากมายที่เรารู้สึกว่าไม่จำเป็นถูกบรรจุไว้ในฐานะการพัฒนาสมอง แต่กลไกการทำงานของสมองแท้ๆ กลับไปไม่ได้รับการปลูกฝังให้ได้รู้กัน แล้วเราก็โตมาเพ้อๆ แบบมองอารมณ์มองจิตใจเป็นเรื่องนามธรรมกันวรรคเวร ทั้งที่จริงๆ มันโคตรจับต้องได้แบบวิทยาศาสตร์

เออ กลายเป็นว่าการศึกษาทำให้เราไม่รู้จักตัวเองกันถึงระดับนั้น

คำถามสำคัญของการใช้ยารักษาโรคซึมเศร้าก็คือ ถ้าโรคซึมเศร้าเกิดจากความผิดปรกติของสารเคมีในสมองจริง พอได้ยาที่ปรับสมดุลของส...
13/11/2019

คำถามสำคัญของการใช้ยารักษาโรคซึมเศร้าก็คือ ถ้าโรคซึมเศร้าเกิดจากความผิดปรกติของสารเคมีในสมองจริง พอได้ยาที่ปรับสมดุลของสารเคมีพวกนี้แล้วควรดีขึ้นทันที หรือดีขึ้นในเวลาไม่นาน ไม่ใช่ต้องรอสักพัก หรือรอนานแสนนานในหลายราย

แต่ล่าสุดที่คุ้ยๆ มาคือ ตอนนี้เขาสนใจว่าหรือจริงๆ ที่มันดีขึ้นเนี่ยไม่ใช่เพราะปรับเคมี แต่ยาต้านเศร้ามันมีผลในการทำให้เกิดเซลล์ประสาทเซลล์ใหม่ๆ ขึ้นมาด้วย และถ้าเป็นเช่นนั้น การรักษาด้วยยาควรเน้นไปที่การสร้างเซลล์ประสาทใหม่ๆ ขึ้นมา ซึ่งมันมีการทดลองในหนูแล้วก็ได้ผลแบบนั้นจริง

จากทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็ทำให้รู้สึกว่า ถ้าสุดท้ายข้อสรุปมันออกมาที่เซลล์ประสาทเป็นหลัก มันจะตอบอะไรได้หลายอย่างมาก คือ การที่มนุษย์ต้องเผชิญกับปัจจัยภายนอกแย่ๆ (รวมทั้งพันธุกรรม) เป็นเวลานานได้ทำลายเซลล์ประสาทที่มีอยู่อย่างรวดเร็วจนการเกิดใหม่ประมาณวันละ 700 เซลล์นี่มันไม่เพียงพอ (ความรู้ปัจจุบันคือเซลล์ประสาทมันสร้างตัวเองใหม่ได้ทุกวันนะ) การลดน้อยถอยลงของเซลล์ประสาทรวมทั้งการทำงานที่แย่ลงอันเป็นผลจากปัจจัยภายนอกทั้งหลายเหล่านี้ทำให้การสื่อสารกันด้วยสารสื่อประสาทหรือก็คือสารเคมีในสมองผิดปรกติ และนั่นทำให้เกิดความผิดปรกติทางอารมณ์จนให้ผลเป็นโรคเหล่านี้ขึ้นมา

ยาต้านเศร้าอาจ "มีส่วน-ให้ผล" ในการช่วยให้เซลล์ประสาทเกิดใหม่ได้ แต่แน่นอนว่าต้องใช้เวลาเพราะหน้าที่หลักของมันไม่ใช่การทำให้เซลล์ประสาทเกิดใหม่โดยตรง นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ยาไม่ได้ผลทันทีแต่ต้องใช้เวลา และแน่นอนว่า ในระหว่าการออนยานั้น หากเรายังคงอยู่กับปัจจัยภายนอกเดิมๆ ที่ส่งผลลบต่อสุขภาพของเซลล์ประสาท เราก็จะยิ่งหายช้าหรือไม่มีทางหาย เพราะเซลล์ประสาทเดิมก็พังและตายลงเรื่อยๆ ในขณะที่เซลล์ประสาทใหม่ก็เกิดไม่ทัน

ซึ่งความฟักอัปแม่งจะงอกมาตรงนี้นี่แหละ...

ก็ไอ้ปัจจัยลบๆ จากภายนอกที่ทำให้เซลล์ประสาทเราพินาศจนระบบรวนได้ มันต้องอยู่กับเรามายาวนานมากจนยากจะหนีพ้น ครอบครัว สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ มีผลหมดอะ แล้วยิ่งถ้าปัจจัยเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ภายใต้เงื่อนไขชีวิตเราแล้วหนีไปจากมันได้ยากมากๆ โอกาสรอดจากความป่วยนี้เราต่ำทันที เพราะโอกาสจะหนีจากสองปัจจัยนั้นๆ เพื่อไปฟื้นฟูเซลล์ประสาทให้ตัวเองนี่มันยากเย็นแสนเข็ญจนแค่จะสะกดคำว่าเป็ไปม่ได้ยังไม่ถูกเลย

การที่ในฟีดมีเพื่อนคอยบอกว่าวันไหนวันโกนนี่ดีมากเลยนะ คร่าวๆ คือวันโกนเป็นวันก่อนวันพระ ภูตผีปีศาจจากนรกจะออกมาขอส่วนบุญ...
12/10/2019

การที่ในฟีดมีเพื่อนคอยบอกว่าวันไหนวันโกนนี่ดีมากเลยนะ คร่าวๆ คือวันโกนเป็นวันก่อนวันพระ ภูตผีปีศาจจากนรกจะออกมาขอส่วนบุญ แล้วจิตแย่ๆ ของภูตผีพวกนี้ดึงให้ใจเราแย่ตามไปด้วย

ฟังดูงมงายอย่างนี้แล้วดียังไง

สำหรับผมแม่งโคตรเวิร์ก เพราะถ้าคำเตือนนี้มาในวันที่เราย่ำแย่มากๆ (ซึ่งส่วนใหญ่ก็วันโกนนี่แหละ) มันทำให้รู้ว่า เออ จริงๆ กูไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก กูอาจแย่เพราะเรื่องนี้ก็ได้ ซึ่งตรงนี้อาจเพราะผมเทคเรื่องพวกนี้แบบ "อาจจะมีก็ได้" ด้วย มันเลยเวิร์ก เพราะผมยังเปิดพื้นที่ให้มัน ผมก็เอามันมาเป็นคำตอบให้เรื่องที่ตัวเองนึกเหตุผลไม่ออกได้

มันเหมือนเวลาคนเป็นโรคซึมเศร้าสับสนว่าตกลงที่ตัวเองรู้สึกนั่นนี่นี่คือตัวเองเป็นแบบนั้นจริงๆ หรือเป็นเพราะป่วย ผมก็จะบอกว่ามันทั้งสองอย่างนั่นแหละ มึงรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ แต่อาการป่วยมันมาขยายความรู้สึกนั้นให้ใหญ่โตจนมึงควบคุมไม่ได้ แต่ในภาวะปรกติมึงย่อมควบคุมได้ และนั่นคือเหตุผลที่ถ้าเป็นงั้นแม่งทุกวันมึงควรกินยา

มึงก็คือมึง อาการซึมเศร้าคือวันโกน ถ้าชีวิตเป็นวันโกนระดับอัลติเมตทุกวัน มึงควรแดกยา หรืออย่างน้อยก็หาหมอหรือผู้เชี่ยวชาญใดๆ เสีย (หรือจะตายก็ได้ แล้วแต่มึงเลย)

ผมว่าบางทีเราก็มีปัญหากับการวิ่งหาตัวตนที่แท้ของตัวเองมากเกินไป ทั้งที่จริงๆ แล้วเราคือความไม่หยุดนิ่ง คือความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คือความไม่จีรังที่ก่อตัวเป็นรูปร่าง ตัวตนที่แท้คงมี แต่มันก็ปรากฏได้ในหลายสภาวะนี่ เทียบยังไงดี เหมือนมึงเหงื่อออก ตัวมึงก็ตัวมึงนี่แหละ แต่พอเหงื่อออกแล้วมึงไม่ใช่มึงเหรอ ไม่หรอก มึงก็ยังเป็นมึง แต่คือมึงกำลังเหงื่อออก

ตัวตนคนเรามันก็แบบนั้นแหละ มันก็มีหลายภาวะของมัน การตามหาว่าจริงๆ ตัวเองเป็นยังไงมันไม่สำคัญเท่าการติดตามดูและทำความเข้าใจว่าตัวเองกำลังเป็นยังไงหรอกมั้ง และบางที มึงอาจเจอตัวตนที่แท้จากการติดตามดูสภาวะต่างๆ ของตัวเองนี่แหละ

คือ ตัวตนที่แท้มันน่าจะออกมาตอนชีวิตมึงวิกฤติแล้วต้องคิดเอาตัวรอดน่ะ เพราะงั้น ไอ้การดูว่าตัวเองกำลังเป็นไง แล้วทำไงกับไอ้ที่กำลังเป็น มันน่าจะสะท้อนให้เห็นว่าจริงๆ แล้วเราเป็นคนยังไง เราน่าจะเห็นมันได้ผ่านการรับมือกับชีวิตในช่วงวิกฤติสุดๆ นั่นแหละ

แล้ว...จากวันโกนนี่มันมาจบเรื่องนี้ได้ไงวะ 🤔🤔🤔

Address


Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when หมีคิด posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Shortcuts

  • Address
  • Alerts
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Pet Store/pet Service?

Share