Thai Horsemanship มาร่วมแบ่งปันเพื่อคนรักม้า และเพื่ มาร่วมแบ่งปันเพื่อคนรักม้า และเพื่อม้าที่เรารักครับ
(7)

ม้าที่ดี คือ ม้าที่อยู่กับเราได้ทุกที่ พาเราไปได้ทุกที่ รักเรา ไม่จำเป็นต้องเป็นพันธุ์แท้ ไม่จำเป็นต้องสวย คนขี่ม้าหนึ่ง...
01/11/2024

ม้าที่ดี คือ ม้าที่อยู่กับเราได้ทุกที่ พาเราไปได้ทุกที่ รักเรา ไม่จำเป็นต้องเป็นพันธุ์แท้ ไม่จำเป็นต้องสวย คนขี่ม้าหนึ่งคน ขอแค่มีม้าแบบนี้ซักตัว ก็พอใจแล้ว

จากรูป 1,2 นี่คือ เหล็กปากม้า ที่เรียกว่า สแนฟเฟิล แบบ ทั่วไป (Ordinary snaffle bit.); เป็นเหล็กปากที่เมื่อเราดึงสายบังเ...
11/10/2024

จากรูป 1,2 นี่คือ เหล็กปากม้า ที่เรียกว่า สแนฟเฟิล แบบ ทั่วไป (Ordinary snaffle bit.)
; เป็นเหล็กปากที่เมื่อเราดึงสายบังเหียน แรงดึงจะมีแรงกระทำระหว่างเหล็กปาก กับปากม้าโดยตรงได้แก่ มุมปาก, ลิ้น, ช่องระหว่าฟันหน้ากับฟันกราม(bar), เพดานปาก....

ส่วนรูปที่ 4,5 คือเหล็กปากที่เรียกว่า curb bit (บ้านเราเรียก ปากแข็ง) นอกจากจะมีแรงกระทำที่ปากม้าโดยตรงแล้ว ยังมีแรงจากแรงกดที่ผมขอเรียกว่า คานงัด(leverage) โดยเมื่อผู้ขี่ ดึงสายบังเหียน แรงกดจะมีการเพิ่มจุดกด ไปยังบริเวณ กระหม่อม(pole) ด้วยตัวสายกะโหลก(crown piece), ใต้คาง(chin groove) ด้วยโซ่(curb chain) หรืออาจเป็นสายหนังแทนโซ่(chin strap) และด้วยการที่มีจุดควบคุมที่มากขึ้น ทำให้การคุมม้าทำได้ ง่ายและแม่นยำขึ้น(แต่ต้องฝ่านการฝึกฝน เรียนรู้ให้เข้าใจก่อนใช้ และเราจะไม่ใช้กับม้าใหม่เด็ดขาด(ม้าใหม่จะเริ่มต้นที่ snaffle bit ก่อนเสมอ!)

สำหรับรูปที่ 3. หลายคนเข้าใจว่าคือ curb bit แต่ที่จริงแล้วคือ snaffle bit แบบมีก้าน(shank) หรือเรียกว่า shank snaffle bit.

ส่วนรูปที่ 6. เป็นการรวมเอา bit ทั้ง 2 แบบ มาใช้ร่วมกัน เรียกว่า ดับเบิ้ล ไบรเดิ้ล( double bridles) ส่วนใหญ่จะใช้กับม้าที่ถูกฝึกขี่ในระดับสูง

ฝากกดไลค์กดแชร์เพจ ให้ด้วยนะครับ

การฝึกขี่ม้า หรือขี่ม้า ที่ไม่มีรั้วรอบขอบชิดนั้น อันตรายกว่าที่คิดครับควรฝึกหัดในบริเวณที่มีรั้วกั้นที่แข็งแรง เพราะเวล...
09/10/2024

การฝึกขี่ม้า หรือขี่ม้า ที่ไม่มีรั้วรอบขอบชิดนั้น อันตรายกว่าที่คิดครับ

ควรฝึกหัดในบริเวณที่มีรั้วกั้นที่แข็งแรง เพราะเวลาตกม้า อย่างน้อย ม้าจะไม่วิ่งเตลิด ถ้าขาติดโกลน ก็จะช่วยได้ทัน หรือไม่ถูกม้าลากไป กระแทกกับสิ่งอื่นภายนอก หรือ ม้าอาจวิ่งเตลิดไปชนกับรถราหรือล้ม ภายนอก ผลเสียตามมาเยอะมาก ส่งผลเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างคาดไม่ถึง

แต่หากเป็นแล้ว มั่นใจแล้ว จะขี่เองข้างนอก ก็จงมีอุปกรณ์เซฟตี้ เช่น หมวกขี่ม้าแบบแข็ง เสื้อเซฟตี้ โกลนเซฟตี้ หรือเสื้อสะท้อนแสงในเวลาเย็นย่ำ ค่ำคืน (ควรมีแถบคาดเรืองแสงให้ม้าด้วย) อย่าลืมอุปกรณ์ป้องกันขาม้าด้วยนะครับ ม้าคือสิ่งที่เรารักที่สุดเช่นกัน

ด้วยความห่วงใย ขี่ม้าให้ปลอดภัย สนุกสนานด้วยกันครับ

https://youtu.be/dwyLCMBCgmwถ้าคุณ เชื่อ ว่าคุณทำได้ คุณก็ทำได้
21/09/2024

https://youtu.be/dwyLCMBCgmw
ถ้าคุณ เชื่อ ว่าคุณทำได้ คุณก็ทำได้

The journey of champions begins now; don't miss a minute of the Longines FEI Jumping World Cup 2024/25 series! ▶▶...

ก่อนซื้อม้า หรือเคลื่อนย้ายม้า... อย่างน้อยต้องตรวจเลือด เพื่อให้มั่นใจว่า ไม่มีโรคติดต่อร้ายแรง เช่น EIA, SURRA,ทำไมไม่...
01/08/2024

ก่อนซื้อม้า หรือเคลื่อนย้ายม้า... อย่างน้อยต้องตรวจเลือด เพื่อให้มั่นใจว่า ไม่มีโรคติดต่อร้ายแรง เช่น EIA, SURRA,

ทำไมไม่พูดถึงโรค AHS. เพราะโรคนี้ถูกกำจัดไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังคงต้องเฝ้าระวัง อีกทั้งม้าที่ติดโรคนี้เกือบทั้งหมดจะตายภายในไม่กี่วัน.....

แต่โรค EIA, แม้แต่ เซออร่า มันไม่ได้ตายเลย มันยังอยู่ในตัวม้า และพร้อมแพร่เชื้อโรค ไปยังม้าตัวอื่น ฝูงอื่น(ผ่านทางเลือด จากยุง เหลือบ แมลงวัน) ได้ตลอดเวลา

ความเสียหายมหาศาล ประเมินค่าไม่ได้ วงการม้าทั้งระบบ จะฉิบหาย วอดวายบรรลัยกัลป์ ได้เลยนะ ไม่ใช่เล่นๆนะ

ถ้าพบการระบาดอีกจะเกิดอะไรขึ้น!
1. ม้ากีฬา งดการแข่งขัน พังยับ ตั้งแต่นักกีฬา ม้ากีฬา ผู้ปกครอง ครู สโมสรฯชมรม คนขายหญ้า คนขายอาหารม้า คนขายยาสัตว์ คนขายอุปกรณ์ม้า ช่างเกือก....

2. ม้าเลี้ยงทั่วไป ม้าที่คอกติดเชื้อ แพร่เชื้อ สูญเสียม้า เสียใจ เสียทรัพย์ เสียความรู้สึก เสียชื่อเสียง

3. คนขายม้า งดการซื้อขาย ราคาตก เศรษฐกิจครอบครัว มีปัญหา

4.เศรษฐีมือใหม่ที่พึ่งเข้าวงการ เสียเงิน เสียชื่อ เสียอารมณ์ เสียใจ ชอกช้ำ เข็ดหลาบ ออกจากวงการในที่สุด ทำให้วงการขาดคนที่มีกำลังในการเพิ่มศักยภาพวงการม้าในอนาคต วงการก็หยุดชะงัก และหยุดนิ่ง ไม่พัฒนาเท่าที่ควรจะเป็น

5. ประเทศถูก เพ่งเล็ง จำกัดสิทธิ์ในระดับสากล ไม่มีใครอยากมาแข่ง เราไปแข่งกับใครไม่ได้

เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า EP.12เอ่อ....ขอไม่ใส่หมวก(กันน๊อค)ขี่ม้าได้มั้ยครับ?เป็นคำถามที่พบได้บ้างนานๆทีผมว่าสโมสรฯ ชมรม ...
11/07/2024

เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า EP.12

เอ่อ....ขอไม่ใส่หมวก(กันน๊อค)ขี่ม้าได้มั้ยครับ?

เป็นคำถามที่พบได้บ้างนานๆที

ผมว่าสโมสรฯ ชมรม ที่เป็นมืออาชีพ ต่างเคยต้องตอบคำถาม และอาจจะเจอความอึดอัด อีหลักอีเหลื่อ สำหรับการต้องตอบคำถามที่ดูเหมือนแทบจะไม่ต้องใช้สมองคิดเลย ครูหลายคนถึงขั้น อารมณ์เสีย ไม่เข้าใจ ว่า มีคนถามคำถามแบบนี้ได้อย่างไร!?!? แต่อย่าพึ่งไปตัดสินใครครับ และผมมีข้อเท็จจริงที่อยากจะบอกเล่าอย่างนี้ครับ
+ ไม่ใช่ทุกคนที่จะรับรู้และเข้าใจเหมือนเรา โดยเฉพาะการรับรู้ถึงอันตรายจากอุบัติเหตุ ที่มีสาเหตุจากการขี่ม้า ดังนั้นเรารู้ แต่คนอื่นอาจไม่รู้
+ คนใหม่ๆ ไม่เคยมีประสบการณ์ พบเจออุบัติเหตุจากการขี่ม้า เลยนึกภาพไม่ออก
+ คนใหม่ๆ อาจยังไม่เคยมีประสบการณ์ได้รับอุบัติเหตุจากการขี่ม้าจริงๆ อาจแค่เคยขี่ หรืออาจะเคยมีประสบการณ์เพียงแค่เล็กน้อย ยังไม่เคยเจอแบบหนักๆ
+ คนที่ประมาท บ้าบิ่น

สำหรับคนทุกประเภทที่ว่ามานี้ คำตอบก็ยังเป็นคำตอบเดียว คือ "ผู้ขี่ม้า จะต้องสวมหมวกนิรภัย ตลอดเวลาที่อยู่บนหลังม้า"

เหตุผลคืออะไร?

1. ด้านความปลอดภัย ป้องกันการบาดเจ็บรุนแรงที่สมอง ในกรณีหัวกระแทก
2. ป้องกันปัญหาที่จะตามมา เช่น ทำไมคนนั้นใส่ คนนี้ไม่ใส่ หลายมาตรฐาน วุ่นวาย. ป้องกันสภาวะที่ดูไม่ปลอดภัย ไม่น่าดู ไม่เหมาะสม ไม่เป็นมืออาชีพ และอาจเกิดคำครหา ข่าวลบๆ ถึงความไม่ปลอดภัยจากการขี่ม้า. ป้องกันการฟ้องร้อง เกิดคดีความ เสื่อมเสียชื่อเสียง เสื่อมเสียเครดิต ความนิยม ที่สร้างกันมาอย่างยากลำบาก.....

อย่าลืมว่า สำหรับบางคน กีฬาขี่ม้าคืออาชีพเลี้ยงปากท้อง นั่นแปลความได้ว่า เขาทำเป็นอาชีพ! ไม่ได้ทำเล่นๆ ดังนั้น ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ มาตรฐาน จึงเป็นสิ่งที่เขาจะต้องช่วยกันรักษาไว้ยิ่งชีพ เพราะมันเป็น อาชีพ! แต่กับหลายๆคน การขี่ม้า หรือทำเกี่ยวกับม้า เป็นเพียงแค่ กิจกรรมสันทนาการ เป็นเพียงกีฬาสมัครเล่น ดังนั้นขอบเขตจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความรับผิดรับชอบจึงต่างกัน *เราต้องช่วยกันรับผิดชอบต่อสังคม รับผิดชอบต่อตนเอง และสำนึกรับผิดชอบต่อ ผู้ที่มาขี่ม้ากับเรา สำนึกรับผิดชอบต่อครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง เขาด้วย

จำไว้ว่า กีฬาขี่ม้าก็เหมือนกีฬาอื่นๆ คือผลิตผู้คนที่มี สุขภาพกายที่ดีขึ้น สุขภาพจิตที่ดีขึ้น ไม่ใช่ผลิต คนที่บาดเจ็บมากขึ้น สุขภาพจิตย่ำแย่มากขึ้น คนทำงานเกี่ยวกับม้า ยิ่งนานก็ควรยิ่งปลอดภัยมากขึ้น เพราะมีประสบการณ์มากขึ้น ไม่ใช่ ยิ่งนาน ยิ่งแย่ เห็นเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องปกติ

นี่ยังไม่พูดถึง สวัสดิภาพของม้าเลยนะครับ อันนี้ก็ต้องตระหนักไว้ ไม่ต่างกัน (EP ถัดไป ไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟัง)

สรุปรวมความ เขาไม่สะดวกใส่หมวกนิรภัย เราก็ไม่สะดวกให้ขี่ ด้วยเหตุผลยืดยาวที่ได้เล่าไปแล้ว จะพอใจหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่ วงการนี้ต้องการ มืออาชีพ เพราะมันเกี่ยวข้องกับ สิ่งมีชีวิต เกี่ยวข้องกับความเป็น ความตาย เรื่องเล็กๆน้อยๆ ถ้าไม่รู้ ประมาท ละเลย เรื่องเล็กน้อยอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่

เป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับ

ฝากกดติดตาม กดไลค์ กดแชร์ ให้ด้วยนะครับ

ทุกท่านสามารถคอมเม้นท์เข้ามาทักทาย หรือสอบถามข้อสงสัยได้นะครับ

ขอบคุณครับ
#เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า_EP12



#ขี่ม้าอุบล
#สโมสรขี่ม้าอุบลโพนี่คลับ

09/07/2024

The Rein(ing) is coming.!!!
มาขี่ม้าแบบ Real Western กันครับ.



#ขี่ม้าคาวบอย
#ขี่ม้าอุบล
#อุบลโพนี่คลับ

เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า EP.11กว่าจะได้ม้าดีๆ สักม้า ต้องผ่านอะไรมาบ้าง?แน่ละครับมันเป็นสิ่งที่ยากมากๆ กว่าเราจะได้ม้าชั้...
02/07/2024

เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า EP.11

กว่าจะได้ม้าดีๆ สักม้า ต้องผ่านอะไรมาบ้าง?
แน่ละครับมันเป็นสิ่งที่ยากมากๆ กว่าเราจะได้ม้าชั้นเรียน ม้ากีฬาดีๆ สักม้า

ก่อนจะไปรู้ว่า ทำอย่างไร? มารู้จักคำว่า ม้าดีๆ ที่ว่านั้น คืออะไร?
- นิสัยดี ไม่ก้าวร้าว ไม่กัด ไม่เตะ ไม่หวงตัว จิตใจดี เป็นมิตรกับคนที่อยู่รอบตัว
- ชอบทำงาน ร่าเริง ขี่ง่าย ทัศนคติดี อดทนสูง ไม่แกล้งคนขี่
- ฝึกง่าย รับคำสั่งง่าย ฉลาด สังเกตคนขี่แล้วช่วยคนขี่ให้สามารถสำเร็จลุล่วงได้
- รักการแข่งขัน ชอบแข่งขัน มักจะตั้งใจมากๆเวลาอยู่ในสนามแข่งขัน มีสมาธิ มุ่งมั่นที่จะวิ่งไปข้างหน้า หรือกระโดดข้ามเครื่องกระโดด
- เป็นม้าที่มีนิสัยสงบ นิ่ง ไม่ตื่นเต้นตกใจอะไรง่ายๆ สวามารถเดิน หรือวิ่งไปข้างหน้าได้เรื่อยๆ
- สุขภาพแข็งแรง อดทน ไม่เจ็บป่วยง่าย เลี้ยงง่าย ดูแลง่าย กินง่าย อยู่ง่าย เดินทางง่าย
- ฯลฯ

เล่ามาถึงตรงนี้ เราพอจะทราบแล้วว่า ม้าที่มีคุณสมบัติ ตรงกันข้าม จากสิ่งเหล่านี้ คือ ม้าที่อาจไม่เหมาะต่อการนำมาใช้งาน

ถ้าเราโชคดีมากพอ เราอาจได้ม้าที่คุณสมบัติทั้งหมดนี้มาไว้เป็นเพื่อนคู่กาย และผมอยากจะบอกว่า ชีวิตเราช่างแสนวิเศษ ถือเป็นของขวัญจากพระเจ้าเลยทีเดียว....

แต่แน่นอนว่า หากเป็นม้าทั่วไป ที่อาจไม่ได้มีอะไรโดดเด่น นอกจากความเป็นม้า การที่จะให้ม้ามีคุณสมบัติตามที่เราต้องการนั้น จะต้องผ่านการฝึกมาอย่างยาวนาน และกระบวนการฝึกต้องเป็นกระบวนการที่ดี

สำหรับข้อมูลพื้นฐานสำหรับระยะเวลาที่ใช้ในการฝึกม้าเพื่อเป็นม้าที่สามารถใช้งานได้ พอจะเล่าให้ฟังคร่าวๆ ดังนี้
- ม้าขี่เล่นทั่วไป สำหรับผู้ที่ขี่ม้าเป็นแล้ว ไม่ใช่สำหรับมือใหม่อย่างน้อย 60 วัน
- ม้าชั้นเรียนทั่วไปอย่างน้อย 4 เดือน - 1 ปี
- ม้ากีฬาเรนนิ่ง 1-2 ปี
- ม้ากระโดดข้ามสิ่งกีดขวางอย่างน้อย 1-2 ปี
- ม้ากีฬาเดรสสาจอย่างน้อย 1-2 ปี
***และม้าที่ว่ามาทั้งหมดนี้ จะต้องนำกลับมาฝึกใหม่(Re-schooling, Re-training) เพื่อรักษาความสามารถในการใช้งาน หรือคงสภาพให้เป็นม้าที่ดี อยู่เป็นประจำ สม่ำเสมอ ซึ่งหลายคนไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน คิดว่า ม้าที่ฝึกมาอย่างดีแล้ว จะสามารถใช้งานได้ดีตลอดกาลนาน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของมหากาพย์ ม้าเคยดี ตอนนี้ขี่ไม่ได้ ต้องวิ่งหาครูหรือคนที่เก่งกว่าตนเองมาขี่ ทำไปทำมาสักระยะ ก็ถึงคราวที่ต้องปล่อยมือ ปล่อยม้า เนื่องจากขี่ไม่ได้ มือไม่ถึง ถ้าได้ครูฝึกม้าเก่งๆมาช่วยขี่ให้ ฝึกให้ ก็ดีไป แต่ถ้าจัดการไม่ได้ ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละครับ
อย่าลืมนะครับว่าทั้งหมดนี้ฝึกโดยผู้เชี่ยวชาญ และฝึกอย่างถูกวิธี ส่วนคนที่เอาม้าไปฝึกอย่างผิดวิธี ก็คงไม่ต้องพูดอะไรให้มากความไปกว่านี้....

ถึงตรงนี้ทุกท่านคงทราบอย่างลึกซึ้งตรงกันแล้วว่า กว่าจะได้มาใช้งานที่ดีนั้น ช่างแสนยากเย็น ต้องใช้เวลายาวนาน แน่นอนใช้เงินมหาศาล และบางทีต้องใช้โชคช่วย แต่อยากบอกว่า กฏของความโชคดี มาจากความรู้ความเข้าใจสิ่งนั้นอย่างถ่องแท้ และลงมือทำจริง

สำหรับกระบวนการฝึกม้าที่ดีนั้น คงไม่สามารถเล่าให้ฟังใน EP. นี้ได้ ขอติดค้างไว้ก่อนนะครับ เรื่องมันยาวมากๆๆๆๆๆ อาจต้องเล่ากันหลาย EP. เลยทีเดียว

ขอบคุณทุกๆกำลังใจ ฝากกดติดตาม กดไลค์ กดแชร์ เพจ ด้วยนะครับ




#เรียนขี่ม้าอุบล

เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า EP. 10อยากมั๊ยรู้ว่าเมื่อไหร่ครูควรจะให้ขี่ต่อหรือควรหยุดขี่ ในการเรียนขี่ม้าแต่ละครั้ง!?!?แน่นอ...
29/06/2024

เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า EP. 10

อยากมั๊ยรู้ว่าเมื่อไหร่ครูควรจะให้ขี่ต่อหรือควรหยุดขี่ ในการเรียนขี่ม้าแต่ละครั้ง!?!?

แน่นอนว่าบางครั้งในชั้นเรียนขี่ม้าอาจจะมีบ้างที่ครูสอนเกินเวลาและอาจจะมีบ้างที่ครูให้ลงก่อนเวลาเรามาดูกันซิว่ามันมีเหตุผลซ่อนอยู่ข้างในอย่างไรบ้าง?

ก่อนอื่นขอพูดในหลักการของการสอนขี่ม้าสำหรับบุคคลทั่วไปไม่ได้เป็นนักกีฬาครับ...

สำหรับการฝึกสอนขี่ม้านอกจากม้าที่ดี อุปกรณ์ที่เหมาะสม สิ่งสำคัญที่สุดอีกหนึ่งอย่างก็คือท่าขี่ม้าที่ถูกต้อง!

ท่าขี่ม้าที่ถูกต้องส่วนใหญ่จะไม่ใช่ท่าที่ร่างกายเราคุ้นชิน ดังนั้นเมื่ออยู่ในสภาวะที่ไม่คุ้นชิน ไม่สามารถรักษาสมดุลได้ง่ายเหมือนการดำรงชีวิตปกติทั่วไป การที่จะต้องปรับเปลี่ยนท่วงท่าการนั่ง การวางเท้า การวางขา แม้กระทั่งการตั้งศีรษะเพื่อจะมองก็เป็นสิ่งที่แปลกใหม่!

การที่ครูถ่ายทอดบอกสอนท่าขี่ม้าที่ถูกต้อง และพยายามฝึกให้ผู้เรียนจัดท่าให้อยู่ในท่าที่ถูกต้องเหมาะสมได้อย่างดีตลอดเวลา ไม่ใช่เรื่องง่าย มันเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเวลาใช้ความคุ้นชินใหม่ทั้งร่างกายสติสมาธิและอารมณ์

ด้วยเหตุผลเช่นนี้แล้วการมาเรียนขี่ม้าในแต่ละครั้ง ครูจะพยายามให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะและจดจำท่าขี่ม้าที่ถูกต้องกลับไปเสมอ เพราะหากได้ท่าขี่ม้าที่ผิดหรือข้อมูลที่ผิดมันจะส่งผลให้การขี่ม้ามีพัฒนาการที่ช้าลงหรืออาจไม่พัฒนาเลย!

สิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างสำคัญมาก ที่ครูทุกคนจะต้องดูให้ออกและจะต้องตัดสินใจว่าลูกศิษย์ของตนเองในขณะนั้นมีความเหนื่อยล้า ขาดสมาธิ จนไม่สามารถรักษาท่าขี่มาที่ถูกต้องตลอดช่วงเวลาที่กำลังฝึกขี่ม้าได้

ยกตัวอย่างง่ายๆถ้าผู้ขี่ม้าเหนื่อยเกินไปการทรงตัว การออกแรงในกล้ามเนื้อมัดที่ถูกต้อง มันจะเริ่มไม่มีประสิทธิภาพจะเริ่มผิดเพี้ยน และนั่นเป็นเหตุผลที่เราควรจะให้ผู้เรียนหยุดเพื่อที่จะได้ไม่ให้กล้ามเนื้อจดจำสิ่งที่ผิด ไม่ให้เกิดความเคยชินกับท่วงท่าการจัดท่าที่ผิด

มาถึงตรงนี้แล้วหลายๆคนที่อ่านคงจะพอเข้าใจได้ว่าระยะเวลายาวนานในแต่ละครั้งสำหรับการขี่ม้าไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด หากแต่เป็นคุณภาพในการเรียนการสอนการจัดวางท่วงท่า แนวความคิดที่ถูกต้อง ทัศนคติที่ถูกต้องต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

ฝากติดตามกดไลค์กดแชร์ และเป็นกำลังใจให้เพจด้วยนะครับ

ขอบพระคุณทุกท่านครับ
#ขี่ม้าอุบล
#เรียนขี่ม้าอุบล
#สอนขี่ม้าอุบล
#สโมสรขี่ม้าอุบล
#อุบลโพนี่คลับ



มีสนามขี่ม้าในร่ม ก็ดีหลายอย่างนะตอนซ้อมไม่ต้องตากแดด ม้าไม่ร้อน คนไม่ร้อน ครูไม่ร้อนตอนแข่ง วอร์มในร่ม ไม่ร้อน ไม่เหนื่...
23/06/2024

มีสนามขี่ม้าในร่ม ก็ดีหลายอย่างนะ

ตอนซ้อมไม่ต้องตากแดด ม้าไม่ร้อน คนไม่ร้อน ครูไม่ร้อน

ตอนแข่ง วอร์มในร่ม ไม่ร้อน ไม่เหนื่อยมาก ดีทั้งม้าและคนขี่ และครู

ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย มีไฟส่องสว่าง กลางคืนก็ขี่ม้าได้

ข้อดีมีมากมาย บรรยายไม่หมด แต่มีข้อเสียอยู่ข้อเดียว คือ..........

ไม่มีก็ไม่เสียหายอะไร ก็ตามเหตุปัจจัย แต่ถ้ามีได้ ก็ดีกว่า

พูดมาถึงตรงนี้แล้ว แค่อยากจะบอกว่า เราทำเต็มที่ เพื่อคนรักม้า รักการขี่ม้า และเพื่อพัฒนาวงการขี่ม้า โดยเฉพาะการพัฒนากีฬากีฬาขี่ม้าในภูมิภาคตามตำแหน่งแห่งที่ ที่สมาคมฯให้เกียรติ เห็นความตั้งใจจริง เห็นฝีมือ เห็นความสำคัญของภูมิภาค

แต่ถึงอย่างไร คนอย่างผม อย่างพวกผม(อุบลโพนี่คลับ) ถึงจะไม่มีหัวโขน มีตำแหน่งแห่งที่ใดๆก็ตาม พวกเราก็ทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ อยู่ดี เพราะเรารักม้า รักการขี่ม้าที่สุด สุดหัวใจ

ขอบพระคุณทุกๆกำลังใจครับ

เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า EP.9มีโอกาสเกิดขึ้นได้บ่อย กับสภาวะที่ ผู้ปกครองเริ่ม "สอนช่วยครู" จะด้วยความหวังดี อยากช่วยให้ค...
22/06/2024

เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า EP.9

มีโอกาสเกิดขึ้นได้บ่อย กับสภาวะที่ ผู้ปกครองเริ่ม "สอนช่วยครู" จะด้วยความหวังดี อยากช่วยให้ครูทำงานง่ายขึ้น หรืออาจเลยเถิดไปถึงขั้นที่ว่าครูสอนไม่ได้ดั่งใจ ฯลฯ

จงระวังไว้เลยครับว่า สิ่งเหล่านั้นกำลังบ่งบอกถึงสัญญาณ "อันตราย"

ถูกต้องครับ การที่ใครสักคน เริ่มพูดแทรก ตะโกนสอดเข้ามาในสนามขี่ม้า นั่นไม่ใช่สิ่งที่เป็นอันตรายใดๆเลย แต่สิ่งที่จะตามมาต่างหากคือสิ่งที่สุดแสนจะอันตราย และพอจะอธิบายได้ดังนี้

1.คนที่กำลังพูดสอดแทรกขึ้นมา อาจรู้จักลูกหลานท่านดีมาก แต่นั่นคือ ที่บ้าน ไม่ใช่ที่สนามขี่ม้า
2.คนที่กำลังพูดสอดแทรกเข้ามา ไม่ได้รู้จักม้า
3.คนที่กำลังพยายามพูดสอดแทรกเข้ามา ไม่รู้วิธีการสอนขี่ม้า ถึงแม้คุณจะเป็นศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ พันเอกนายแพทย์....หรืออยู่ในตำแหน่งทางวิชาการการไหนก็ช่าง
4.คนที่กำลังพยายามพูดสอดแทรกเข้ามา เป็นห่วงว่าจะเกิดอันตรายกับบุตรหลานของเขา แต่เขาไม่รู้ว่า อะไรที่อันตราย อะไรที่ปลอดภัย อะไรที่มีความเสี่ยง อะไรที่เหมาะสมที่สุด สำหรับการเรียนขี่ม้า
5.คนที่กำลังพยายามพูดเชียร์ กดดันอยู่ข้างสนาม ไม่รู้ว่า ลูกหลานของตน ยังมีแรงกาย แรงใจ สติ สมาธิหลงเหลืออยู่เท่าไหร่
6.คนที่กำลังพยายามพูดสอดแทรกเข้ามา ไม่รู้ว่า ม้าที่ใช้อยู่ กำลังอยู่ในสภาวะไหนบ้าง เช่น ตื่นเต้น เหนื่อย สามารถไปต่อ หรือพอได้เเล้ว
7.คนที่กำลังพยายามพูดสอดแทรกเข้ามา ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนพูดนั้น กำลังตรงกันข้ามกับที่ครูพยายามบอกสอน และทำลายสมาธิของผู้เรียนและผู้สอน
8.คนที่กำลังพยายามพูดสอดแทรกเข้ามา ไม่รู้ว่า ตนไม่ควรกระทำในสิ่งที่ตนเองกำลังทำอยู่

จงปล่อยให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นตาม วิชาชีพประสบการณ์ของครู จงให้เกียรติและเคารพในความเป็นครู แต่หากเห็นว่าที่ครูกำลังปฏิบัติอยู่นั้น เป็นไปในทาง เสี่ยงเกินไป หวาดเสียวเกินไป ขัดต่อสามัญสำนึกพื้นฐานหรือจริยธรรมอันดี จงรีบนำบุตรหลานท่านไปฝึกที่อื่น(ควรพูดคุยสอบถามเหตุผลจากครูท่านนั้นก่อนเสมอ เพราะท่านอาจมีเหตุผลที่รับฟังได้) จงอย่าไปพยามแก้ไขในสิ่งที่ "ตนเห็นว่าควร" เลย เพราะท่าน กับครู ล้วนมีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ มีประสบการณ์เฉพาะด้านที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

จงอดทนและรอคอยความมีพัฒนาการด้านการขี่ม้า ด้วยความเชื่อมั่นเถิด ถ้าไม่ถูกใจหลังจากผ่านกาลเวลาที่ท่านมุ่งหมายไว้(ต้องตั้งเป้าหมายร่วมกันกับครู) ก็สุดแล้วแต่ท่านจะพิจารณา

ฝากกดไลค์กดแชร์ กดติดตาม ให้ด้วยนะครับ

ขอบคุณครับ

#เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้าEP9.


#เรียนขี่ม้าอุบล
#สอนขี่ม้าอุบล
#สโมสรขี่ม้า_อุบลโพนี่คลับ

เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า EP.8ทำอย่างไร ลูกถึงจะรักการขี่ม้า?คำถามนี้ก็พบบ่อยมากเช่นกันครับ และแน่นอนว่า คำตอบนั้นช่างตอบย...
19/06/2024

เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า EP.8

ทำอย่างไร ลูกถึงจะรักการขี่ม้า?

คำถามนี้ก็พบบ่อยมากเช่นกันครับ และแน่นอนว่า คำตอบนั้นช่างตอบยากซะเหลือเกิน....

กีฬาขี่ม้าเป็นกีฬา ประเภทกิจกรรมกลางแจ้ง(outdoor sport) และบางคนอาจจำแนกไปในแนว กีฬาสุดขีด(Extream sport) กันเลยทีเดียว

แน่นอนว่ามันไม่ง่าย ใช้ร่างกายและสติปัญญา สมาธิขั้นสุด สำหรับคนที่ผ่านการฝึกขี่ม้าน่าจะทราบกันดี แต่สำหรับใครที่ยังไม่อิน ขอให้หาโอกาสมาลองเรียนดูครับ

ถึงกระนั้น ด้วยระบบการเรียนการสอนที่เป็นมาตรฐานสากล เน้นความปลอดภัยและความสนุกตื่นเต้นเป็นหลัก จึงเป็นที่น่าสนใจและมีคนเข้ามาเรียนขี่ม้าเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบ จะรัก ในกีฬาชนิดนี้เสมอไป

ครูขอแบ่งประเภทของนักขี่ม้าออกเป็น 3 แบบ ดังนี้ครับ
1.ตั้งใจมา ตั้งใจเรียน อยากเรียน รักม้า ชอบม้า ม้าอยู่ในสายเลือด ประเภทนี้ บอกได้เลยว่า อาจเป็นนักกีฬาได้เลย หรืออาจไปได้ไม่ถึงไหนเลยก็ได้ ถ้าไม่ยอมแพ้ไปก่อน ก็ไปได้ครับ แต่ส่วนใหญ่ถึงไม่ได้เป็นนักกีฬาขี่ม้า ก็จะยังคงรักม้าอยู่กับม้า มาที่คอกม้าเป็นประจำทุกค่ำเช้า อันนี้ดีมาก เพราะรักม้า
2.แบบถูกบังคับมา เป็นคนที่ไม่เคยสนใจทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน อยู่บ้านว่างๆ เล่นเกมส์ อีเลื่อยเฉื่อยแฉะ การเรียนไม่สนใจ กิจกรรมยิ่งแล้วใหญ่ มาถึงคอกม้า หน้าเป็นตูด เพราะถูกบีบบังคับมา ประเภทนี้จะบอกว่า ไม่น่าจะรอด ก็หาใช่ ไม่แน่นะ ทำไปทำมา ดันคลิก รักม้า รักการขี่ม้า เป็นถึงนักกีฬาที่เก่งไปซะงั้น แต่ก็อย่างว่า ส่วนหนึ่งก็เลิกไปหลังจากอดทนมาได้สักระยะหนึ่ง อันนี้ก็ว่ากันไม่ได้ ทางใครทางมัน จะไปบังคับขู่เข็ญใจมาก ก็อาจไม่ใช่ที่ แต่บางเคส บังคับกันไปเรื่อยๆ เอาไปเอามา คลิก! อย่างที่บอกก็เป็นได้
3.แบบเรื่อยๆมาเรียงๆ แม่ให้มาตูก็มา ไม่ขัด ไม่เถียง ไม่ต่อต้าน ครูให้ทำอะไรก็ทำ ดีบ้างแย่บ้าง ใครจะว่าไร ไม่สนใจ ก็มาให้แล้ว จะเอาไรอีก
แต่ผ่านไปสักพัก ด้วยมนต์เสน่ห์ของม้า กีฬาขี่ม้า สายสัมพันธ์ที่มีต่อกันในทุกๆวัน ปาฏิหาริย์รักก็บังเกิด ไปๆมาๆ ก็สามารถพัฒนาเป็นนักกีฬาที่เก่งได้ ไม่แพ้กัน และถึงแม้จะไม่ไปต่อ ก็ไม่ได้มีสายสัมพันธ์ที่แย่กับการขี่ม้า แต่ขอให้มาสม่ำเสมอ อย่าขาดช่วงขาดตอน เพราะถ้าขาดความต่อเนื่อง ก็ง่ายมากที่จะตัดขาดไปเลย...

สรุปมาถึงบรรทัดนี้ ทุกอย่างล้วน อนิจจัง ไม่เที่ยง ไม่มีอะไรแน่นอน มีเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย แต่สิ่งแน่นอนที่ครูสามารถการันตีได้ 100 เปอร์เซ็นต์ นั่นคือ การถ่ายทอดบอกสอน ที่เป็นขั้นตอนมาตรฐานสากล ความเป็นมืออาชีพ การฝึกม้าเพื่อนำมาใช้สอน ทุกสิ่งเหล่านี้ คือ ความเป็นมืออาชีพของเรา และที่สำคัญ ครูที่ดี จะสามารถ ประคับประคองลูกศิษย์ ให้สามารถผ่านอุปสรรคนานาประการไปให้ได้ ครูที่ดี ต้องมี จิตวิญญาณของความเป็นครู สปิริตเกินร้อย และต้องรักม้า รักลูกศิษย์ เหมือนเป็นลูกของตนเอง

ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามเพจ ให้ด้วยนะครับ

ขอบคุณครับ

#เรื่อเล่าจากสนามขี่ม้าEP8



#เรียนขี่ม้าอุบล
#สอนขี่ม้าอุบล
#สโมสรขี่ม้าอุบลโพนี่คลับ

เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า EP.7จากประสบการณ์อันยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นครูฝึกม้า และครูสอนขี่ม้า มักจะมีเรื่องประหลาดใจที่เกิดขึ...
17/06/2024

เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า EP.7

จากประสบการณ์อันยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นครูฝึกม้า และครูสอนขี่ม้า มักจะมีเรื่องประหลาดใจที่เกิดขึ้นตามวงรอบซ้ำไปซ้ำมาเสมอ วงรอบนี้อาจใช้เวลา 3 เดือน 6เดือน หรือ 1 ปี และมักจะเกิดกับลูกศิษย์ไม่ซ้ำกัน....

เล่ามาถึงตรงนี้ หลายคนคงกำลัง งง อีกส่วนหนึ่งเริ่มยิ้มแล้วพูดกับตัวเองว่า เออ....ใช่หวะ

ขออธิบายเพิ่มเติมอย่างนี้ครับ

เมื่อเราสอนขี่ม้าในคลาสที่มีจำนวนนักกีฬาที่มาก หรือเรียนรวมกันเป็นกลุ่ม แน่นอนว่ามีความแตกต่างด้าน อายุ เพศ ประสบการณ์(แต่ครูต้องประเมินทักษะของผู้ขี่และม้าที่ขี่ว่า สามารถเรียนร่วมกันได้ โดยไม่เกิดความเสี่ยง หรือไปรบกวนผู้เรียนคนอื่นๆที่เขามีความเชี่ยวชาญแล้ว)
แม้กระนั้นครูก็จะเห็นว่า ใครคือคนที่มีทักษะดีที่สุด ใครอยู่ในลำดับรองลงมา จนกระทั่งใครอยู่ท้ายแถว และครูก็จะเริ่มทำการสอน การฝึกที่เหมาะสมกับแต่ละคน ในชั่วโมงนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่นคลาสกระโดด ครูอาจเซ็ตชุดกระโดดที่เหมาะแก่การ สคูลลิ่ง ไลน์กระโดดง่ายๆ จำนวนเครื่องกระโดดไม่มาก
สำหรับคนที่เก่งแล้ว ครูอาจให้โดดสูงที่สุดในคลาส และวางเครื่องต่ำลงมาเรื่อยๆตามความสามารถของผู้ขี่ เป็นต้น

จากการเรียนการสอนในแต่ละครั้ง ครูจะเห็นพัฒนาการของลูกศิษย์ตลอดเวลา และสามารถประเมินศักยภาพภายนอก/ภายในของลูกศิษย์ทุกคน

และบางครั้งเราอาจเห็นเด็กใหม่ที่พึงจะขึ้นมาขี่คลาสกระโดด อายุยังน้อย ประสบการณ์น้อย สามารถพัฒนาทักษะได้รวดเร็วมาก มากจนน่าประหลาดใจ

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ พอมองย้อนกลับไปว่าเขาได้ผ่านอะไรมาบ้าง? ก็พบว่ามาจากเหตุทั้งหลายเหล่านี้
1.ครูที่สอนเน้น เบสิค มากกว่าการปล่อยให้ขี่เอง....อธิบายว่า ครูบางคนเน้นเบสิคจนชำนาญ ทำซ้ำต่อเนื่อง ไม่เริ่งรีบ ไม่เอาใจผู้ปกครอง(มากนัก) ทำหน้าที่ของตนต่อเนื่อง มีวินัย ลูกศิษย์เลยมีพื้นฐานที่แน่นมาก แข็งแรงมากทั้งกายและใจ พอต่อยอดขึ้นมาเรียนในคลาสระดับสูงขึ้นหรือคลาสนักกีฬา เลยไปฉิว
แต่ครูบางเหล่า เน้นสนุก แฟนซี เน้นผลงานระยะสั้น ชอบโชว์ความคืบหน้า(ที่อาจไม่จำเป็น)ให้ผู้ปกครองดู พูดง่ายๆว่าเน้นเอาใจผู้ปกครองจนเกินไป ผลงานก็จะออกมาดีในตอนแรกๆ แต่พอถึงเวลาต้องมาต่อยอดในระดับที่สูงขึ้นหรือเป็นนักกีฬา กลับอ่อนด้อยและช้ากว่าที่ควรจะเป็น....

ในฐานะเป็นเจ้าของสโมสรฯ จตะต้องบริหารจัดการให้ครูทั้ง 2 แบบนี้ ปรับ- เพิ่ม-ลด วิธีการสอน ปรับทัศนคติในการสอน เพื่อให้การเรียนการสอนกลมกล่อม มีประสิทธิภาพที่สุด ตึงไป หย่อนไป ไม่ดีทั้งคู่
!!!แต่!!! ในกรณีที่ลูกศิษย์ก้าวเข้ามาในระดับ Serius Rider (นักกีฬา นักขี่ม้าที่เอาจริงเอาจัง) อันนั้นก็ว่าไปตามขั้นตอนที่เข้มข้น....

2. ม้าที่ใช้ขี่ คนบางคน แค่เปลี่ยนม้าที่ใช้ขี่ กลับมั่นใจ ผลงานออกมาดีเยี่ยม ในทางตรงข้าม บางคนพอเปลี่ยนม้าทีี่เคยขี่ดีๆออก กลับพบว่าผลงานไม่ดีเท่าที่ควร อันนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ประหลาดใจ และเห็นมานักต่อนักแล้ว

แต่ในฐานะที่เราเป็นครูฝึกม้า ครูสอนขี่ม้า เราจะต้องบริหารจัดการให้ลูกศิษย์ได้มีโอกาสขี่ม้าที่หลากหลาย และม้าทุกตัวในสโมสรฯจะต้องมีความสามารถและใช้งานได้ในระดับที่ใกล้เคียงกันมากทีี่สุด อันนี้เป็นหลักการและเป็นหน้าที่ของครูฝึกในสโมสรฯ ที่จะต้องจัดการให้ได้ (ครูเก่งไม่เก่ง/สโมสรดีไม่ดี หลักๆก็วัดกันที่ตรงนี้แหละ)

3. อันนี้ก็ เดอะเบสท์ คือความมุ่งมั่นเอาใจใส่ของตัวนักกีฬาเองและผู้ปกครอง(ภายใต้หลักการที่ไม่เครียดครัดจนเกินไป)
เห็นได้ชัดว่ากีฬาขี่ม้าเป็นทักษะที่ต้องอาศัยความแข็งแรงของร่างกาย จิตใจ ทำซ้ำ สม่ำเสมอ ดังนั้นสำหรับคนที่อาจเริ่มต้นช้า หัวช้า ร่างกายอาจไม่แข็งแรง แต่หากมาฝึกขี่บ่อยๆ พูดง่ายๆว่า ขยัน มุ่งมั่น อดทน ไม่นานเราจะพบกับความประหลาดใจ เพราะจะเก่งขึ้นแบบก้าวกระโดดได้อย่างแน่นอน

และนี่ก็เป็นอีกเรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า EP.7 ครับ เป็นกำลังใจให้กับลูกศิษย์ นักขี่ม้าทุกคนครับ

ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม ด้วยนะครับ

ขอบคุณครับ





#ขี่ม้าอุบล
#สอนขี่ม้าอุบล
#โรงเรียนสอนขี่ม้าอุบล

เรื่องเล่าจากข้างสนามขี่ม้า EP 6.ครูคะวันนี้หนูรู้สึกทำได้ไม่ดีเลยรู้สึกเสียดายเวลาของครูและของตัวเอง......เป็นอีกครั้งท...
16/06/2024

เรื่องเล่าจากข้างสนามขี่ม้า EP 6.

ครูคะวันนี้หนูรู้สึกทำได้ไม่ดีเลย
รู้สึกเสียดายเวลาของครูและของตัวเอง......

เป็นอีกครั้งที่เกือบทุกคนจะรู้สึกแบบนี้ ในวันที่ขี่ม้ามาสักระยะหนึ่ง และกำลังรู้สึก(ไปเอง)ว่า ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร.....

ครูมักจะถามกลับไปว่า แล้วอะไรคือความหมายของคำว่า "เท่าที่ควร"?!

ประมาณ 50% ตอบไม่ได้
อีก 25% ตอบว่ายังทำตามที่ครูสอนได้ไม่ดีอย่างที่คิด
อีก 25% ที่เหลือตอบว่า เห็นคนอื่นมีพัฒนาการที่ดีขึ้น หรือบางคนเริ่มแซงเราไปแล้ว

สำหรับกลุ่มแรก อธิบายว่า เราอาจกำลังตั้งใจไม่มาก แต่อาจคาดหวังสูง เพราะดูจากการที่ตนเองไม่สามารถอธิบายได้ว่า ที่ยังไม่ดีต่างๆนานานั้น ไม่ดีตรงไหน?....
ส่วนนี้สามารถจัดการได้ด้วยการ ตั้งใจฝึกฝนมากขึ้น มีเป้าหมายร่วมกับครู ว่าอยากจะเก่งขึ้นในระดับไหน โดยมีกรอบเวลาเป็นตัวกำหนดร่วมคร่าวๆ กับครูผู้สอน หรืออาจใช้ รายการสอบขี่ม้า รายการแข่งขันต่างๆ มาเป็นตัวกำหนดและเป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนได้

สำหรับกลุ่มที่2,3 นั้น ค่อนข้างจะเป็นนักขี่ม้าที่จริงจัง "serious rider" เพราะพอจะสามารถอธิบายได้ว่า อะไรที่ทำให้ตนเองรู้สึกว่าทำได้ไม่ดีพอ หรือที่ควรจะเป็น
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ใจเย็น..... และกลับไปโฟกัสที่บทเรียนมากขึ้น สนใจสิ่งที่ครูกำลังถ่ายทอดบอกสอน มองที่ลู่ของตน เป้าหมายของตน ไม่ใช่ไปมองคนอื่น ลู่คนอื่น จงหยุดเปรียบเทียบ เพราะมันส่งผลเสีย 2 ด้าน คือ ทำให้ตนเองเกิดอีโก้ หลงทะนงตนถ้าทำได้ดีกว่าคนอื่น และท้อแท้สิ้นหวัง หมดกำลังใจสู้ต่อ ถ้าตอนนั้นเรากำลังเป็นฝ่ายแพ้

จงพยามคิดบวก เขื่อมั่นในตน อย่าเปรียบเทียบ อย่าตัดสิน และจงก้มหน้าก้มตาฝึกฝน จกจ่อกับบทเรียนเท่านั้น และสุดท้ายแล้ว เราจะพบว่า เราสามารถพัฒนาได้เท่าที่เราต้องการ ไม่ช้าก็เร็ว ขอเพียงแค่ อย่าหยุดยั้ง เท่านั้นเอง

เป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับ

#เรื่องเล่าจากการสนามขี่ม้า_ep6
#สอนขี่ม้าอุบล
#เรียนขี่ม้าอุบล

เรื่องเล่าจากข้างสนามEP.5เรื่องราวในสนามแข่ง เมื่อเราต้องเจอกับความสมหวัง และความผิดหวัง จากการแข่งขัน..เมื่อ 5 ปี ที่แล...
15/06/2024

เรื่องเล่าจากข้างสนามEP.5

เรื่องราวในสนามแข่ง เมื่อเราต้องเจอกับความสมหวัง และความผิดหวัง จากการแข่งขัน
..เมื่อ 5 ปี ที่แล้ว เริ่มต้นที่เราต้องเชื่อมั่นก่อน และต้องลุยก่อน ครูเอ็ม ครูจ๋อม เคยผ่านสภาวะที่ลูกเราพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ามานับไม่ถ้วน ซึ่งในวันที่ลูกเราชนะอะไรๆก็ย่อมดีงาม แต่ในวันที่ลูกแพ้สิ พ่อแม่อย่างเราจะรับมืออย่างไร ?
..พี่นาโน พี่นาน่า ได้เรียนรู้ความผิดหวัง ความสมหวัง แต่นั้นแหละ คือยาวิเศษสร้างภูมิคุ้มกันให้พี่นาโน พี่นาน่า ของน้องๆ กล้าหาญ เข้มแข็ง แม้จะเจอสถานการณ์อะไรมาทดสอบ ก็จะผ่านมันไปได้!!!
...ครูเอ็มมีบทความบทหนึ่งที่ครูเขียนไว้เมื่อหลายปีที่แล้วค่ะ ว่าการเป็นพ่อแม่นักกีฬา จิตใจของพ่อแม่อย่างเราต้องเข้มแข็งกว่าลูกแค่ไหน ครูเอ็มครูจ๋อมเป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน ทุกครอบครัวนะคะ ครูจะอยู่เคียงข้างตลอดไปค่ะ
....เรื่องราวของนักกีฬาขี่ม้าพี่นาโน ถึงแม้จะเป็นลูกครูก็ไม่มีอะไรโรยด้วยกลีบกุหลาบเลยค่ะ.ขออนุญาตนำเรื่องราวความรู้สึกจุดที่ต้องข้ามผ่านตัวเองของพี่นาโนที่แข่งขันของปีที่แล้วมาเล่าให้ฟังนะคะ

👉"สามวันที่แข่งขันนี้ผมไม่ได้อะไรเลย!!ผมทำให้พ่อแม่และทุกคนผิดหวัง!ทำให้แม่ต้องเสียเงินเปล่าประโยชน์!" 👉เป็นประโยคที่แสดงถึงความรู้สึกผิดหวังในตัวเองและท้อแท้ใจของนาโนที่รู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้!!👈

👉นาโนมีความตั้งใจและหวังในการแข่งขันติดอันดับ 1 หรือ 2 ในทุกๆครั้งที่มีการแข่งขันในระดับไทยแลนด์..แต่ครั้งนี้นาโนรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่ตัวเองตั้งเป้าไว้ แล้วรู้สึกว่าการแข่งขันครั้งนี้ เขาคิดว่าเขาไม่ได้อะไรเลย👈(แต่ได้โบว์ไทยแลนด์คอมบายลำดับ 4)

👉หลายๆคนอาจจะมองว่านาโนเป็นลูกเจ้าของสโมสรขี่ม้ายังงัยก็ชนะอยู่แล้ว..ครูเอ็มบอกเลยว่า..ไม่มีอะไรง่ายเลย!!..ชัยชนะจะไม่สอนอะไรลูกเราเลย..ถ้าลูกเราไม่รู้จักเรียนรู้ความผิดหวัง!!..ยิ่งเขาเป็นลูกเราเขายิ่งต้องเจอปัญหาอุปสรรคมากกว่าคนอื่น!!..และเขาต้องเจอด้วยตัวเองเท่านั้น!!👈

👉ในฐานะที่เราเป็นพ่อแม่..สิ่งที่เราอยากให้ลูกเรียนรู้ที่สุด ไม่ใช่การเรียนรู้แต่เรื่องชัยชนะอย่างเดียว หรือเสพติดแต่ความดีใจจนไม่มีภูมิคุ้มกัน!!..สิ่งที่เราอยากให้ลูกเรียนรู้มากที่สุดในชีวิตของความเป็นคน นั่นคือการได้สัมผัส ความผิดหวัง..ความที่ไม่ได้ดั่งใจ..ความเสียใจ..ความท้อแท้ใจ..👈

👉เมื่อไรก็ตามที่นาโนได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้!!นาโนได้สัมผัสความรู้สึกเหล่านี้!! นาโนจะเข้าใจชีวิตที่แท้จริง!!..ชัยชนะจะไม่ยิ่งใหญ่เลยถ้าตราบใดลูกของเรายังไม่เข้าใจคำว่าพ่ายแพ้มันรสชาติเป็นอย่างไร!!..👈

👉ปี 2019 เป็นปีแรกที่พวกเราพานักกีฬาทุกคนลงแข่งจริงจัง..การไปแข่งขันครั้งนี้คะแนนของนาโนก็ยังติดอันดับต้นๆของประเทศ..ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย!!..เพียงแต่ว่าความรู้สึกของเขา แข่งครั้งนี้เขารู้สึกทำได้ไม่ดีมากนัก เพราะว่าเขาคาดหวังสูง!! 👈

👉หน้าที่ของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ให้กำลังใจ และบอกเขาว่า อย่าคอตกนาน..อย่าเศร้านาน เราต้องไปต่อ ผิดหวังได้แต่อย่าเสียเวลาให้ค่ากับมันนาน!!..แต่เราสองคนก็เว้นช่วงให้เขาอยู่กับตัวเองบ้าง!!..ปล่อยให้เขาได้เรียนรู้กับความผิดหวังบ้าง..รู้จักล้มบ้าง..แล้วลุกขึ้นเอง..โดยมีเราคอยประครอง..ให้เขาได้เรียนรู้ว่า..เขาผิดพลาดอะไร..ควรจะต้องแก้ไขตรงไหน และให้ได้เรียนรู้ว่าอย่าใช้ชีวิตประมาท!!👈

👉ครูเอ็มกับครูจ๋อมบอกกับลูกว่า "พ่อกับแม่ไม่เคยผิดหวังในตัวลูกเลย..ไม่เคยคิดว่าเสียเงินเปล่าประโยชน์..แค่ลูกคิดเป็นคิดได้..มันคุ้มค่าแล้ว"👌

👉การแข่งขันครั้งนี้ทำให้นาโนได้โตขึ้น ทำให้นาโนได้เรียนรู้ว่าต้องพัฒนาตัวเองและแก้ไขอะไร!..เส้นทางของการต่อสู้ในชีวิตยังอีกยาวไกลตราบที่ยังมีลมหายใจ!!👈

👉การแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้แข่งขันกับใครเลย!! แต่มันคือการแข่งขันกับใจตัวเองล้วนๆ👈

👉"ชัยชนะคงจะไม่ยิ่งใหญ่ถ้าลูกเรายังไม่เข้าใจคำว่าแพ้"👈

ฝากกดติดตาม กดไลค์ กดแชร์ เรื่องราวดีผ่านประสบการณ์ เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า ในทุกๆ EP. และขอบคุณที่ติดตามครับ

#เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้าEP5


#ขี่ม้าอุบล
#เรียนขี่ม้าอุบล
#สอนขี่ม้าอุบล
#อุบลโพนี่คลับ

เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า EP 4.หลายคน ฝึกขี่ม้ามาสักระยะ และรู้สึกว่า ตัวเองมีพัฒนาการที่ช้าลง หรือหยุดอยู่กับที่....เอ๊ะ!...
14/06/2024

เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้า EP 4.

หลายคน ฝึกขี่ม้ามาสักระยะ และรู้สึกว่า ตัวเองมีพัฒนาการที่ช้าลง หรือหยุดอยู่กับที่....เอ๊ะ!? เป็นเพราะอะไรกันนะ?

คำถามนี้มีคำตอบ ดังต่อไปนี้ครับ....

1.การขี่ม้าเป็นทักษะที่ต้องใช้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้(ผ่านการอธิบายจากครู) และการทำซ้ำ

การเข้าใจไม่ทั่วถึง หรือเข้าใจผิด หรืออาจไม่เข้าใจเลย เป็นเหตุแห่งการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง และแน่นอนว่า การปฏิบัติที่ผิด จากความเข้าใจผิด นำมาซึ่งการไม่พัฒนาหรือพัฒนาไปในทางผิด ดังคำกล่าวที่ว่า "practice make permanent but perfect practice make perfect" การฝึกฝนทำซ้ำนั้น สร้างความเคยชิน แต่นั่นไม่ได้แปลว่า เรากำลังคุ้นชิน คล่องแคล่วในสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป ในทางตรงกันข้าม อาจคล่องแคล่ว คุ้นชินกับสิ่งที่ผิดด้วยซ้ำ!
และบทเรียนที่ถูกต้องสมบูรณ์ต่างหาก ที่จะทำให้เรา เก่งขึ้น ดีขึ้น คล่องแคล่วขึ้น สมบูรณ์แบบขึ้น

2.เราอาจจะยังมีระดับความสามารถไม่ถึงขั้นตามที่เราต้องการ หรือตามที่เราคาดหวังไว้ก็เป็นได้....
หลายๆคนเวลาฝึกน้อย สติ สมาธิ น้อย กำลังน้อย ขวนขวายน้อย แต่คาดหวังสูง ใจร้อน นั่นเป็นอีกเหตุที่ทำให้เราไม่สามารถพัฒนาได้(แทนที่จะเร็วดั่งใจ กลับช้าลง ไม่ไปไหน) สาเหตุก็มาจาก ลงมือทำตามครู ยังไม่ทันไร ก็เริ่มใจร้อนไม่ทันใจ ซึ่งทุกอย่างล้วนต้องอาศัยระยะเวลา การค่อยพัฒนา ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ จะให้ดีงามชั่วข้ามคืน คงเป็นไปไม่ได้....

3.ขาดความเชื่อมั่น ลังเล สงสัย ข้อนี้ก็สำคัญเช่นกัน ความลังเลสงสัย ขาดความเชื่อมั่น จะทำให้ทุกอย่าง หยุดชะงักลงไปโดยปริยาย ทำตามไปสักพัก พอคิดว่าไม่เห็นผล ยังไม่ดีขึ้น ยังไม่ได้ กลับคิดว่า สิ่งที่ครูกำลังบอกสอนอยู่นั้นมันจริงหรือเปล่า? มันใช่หรือเปล่า? มันจะได้ผลหรือเปล่า? จากนั้นก็เริ่มเชื่อตนเองมากกว่าครู พยายามหาวิธีการต่างๆนานา เพื่อให้ตนเองเก่งขึ้น และพอเวลาผ่านไป ก็กลับมาพบว่า สิ่งที่พยายามแก้ปัญหาด้วยตนเอง ใช้ทิฏฐิของตนเองนั้น มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ มันเป็นความไม่จริง ไม่ถูก ไม่ต้อง ไม่ควร และส่งผลให้ไม่เกิดการพัฒนา ออกนอกทาง เสียเวลาไปอีกมากโข อันที่จริงแล้วอย่าพึ่งเชื่อครูทุกคำพูดก็ได้ แต่ให้ลองเชื่อดูก่อน ไม่ช้าไม่นาน เราจะรู้ได้ด้วยตนเองว่า สิ่งเหล่านั้น มันถูกหรือผิด

ครูสอนขี่ม้า มีหน้าที่ถ่ายทอด บอกสอน ตามหลักวิชาการ ตามประสบการณ์ ตามองค์ประกอบความรู้ ผู้เรียนมีหน้าที่เชื่อฟังและพยายามปฏิบัติตาม(จำเป็นต้องใช้ความพยายาม เพราะแรกเริ่มนั้นค่อนข้างยาก ต้องปรับตัว ปรับทัศนคติเยอะ ไหนจะตื่นเต้น ตกใจ กลัว ประหม่า ฯลฯ) ผมการันตีได้เลยว่า ท้ายที่สุด เราจะสามารถพัฒนาทักษะการขี่ม้าขึ้นไปเรื่อยๆได้อย่างแน่นอน

เป็นกำลังใจให้กับครูและลูกศิษย์ทุกๆคนครับ

พบกับเนื้อหาดีๆ จากเรื่องเล่าจากสนามขี่ม้าทุกๆ EP. ได้ในเพจ และฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม พร้อมทั้งสามารถคอมเม้นท์ แชร์ประสบการณ์เชิงสร้างสรรค์ได้ตลอดครับ

ขอบคุณครับ

#เรื่องเล่าจากสนามขี่ม้าEP4



#สอนขี่ม้าอุบล
#เรียนขี่ม้าอุบล

ที่อยู่

Amphoe Warinjamrap
34190

เบอร์โทรศัพท์

+66649161459

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Thai Horsemanshipผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Thai Horsemanship:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์


Amphoe Warinjamrap ร้านค้าสัตว์เลี้ยงและบริการสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

แสดงผลทั้งหมด