คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง)

คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง) คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ?
(8)

ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง เป็นส่วนหนึ่งของคลินิกบ้านรักสัตว์ ตั้งขึ้นมาเพื่อให้บริการบำบัดรักษาโรคผิวหนังสัตว์ ตั้งแต่ระดับเบื้องต้น จนถึงระดับการตรวจรักษาที่มีความยุ่งยากซับซ้อน รวมทั้ง ยังให้บริการรับส่งต่อเพื่อการตรวจรักษาต่อเนื่องในรายที่มีปัญหาโรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังที่มีความยุ่งยากซับซ้อนจากคลินิก หรือโรงพยาบาลสัตว์อื่นอีกด้วย

ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง ดำเนินก

ารตรวจ และรักษาโดย “น.สพ. รังสรรค์ สกุลพลอย สพ.บ. Cert Vet Dermatology”

การ บริการของทางศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง จะให้บริการด้านโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง แบบครบวงจร ตั้งแต่โรคผิวหนังเบื้องต้น เช่นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อ หรือปรสิต จนถึงโรคที่ต้องการ การตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่มีความยุ่งยากซับซ้อน เช่น โรคภูมิแพ้ โรคมะเร็งหรือเนื้องอกของผิวหนัง โรคผิวหนังที่เกิดจากความบกพร่องของฮอร์โมนหรือระบบภูมิค้มกัน รวมถึงโรคติดเชื้อของผิวหนัง หูอักเสบ โรคของเท้าที่เป็นๆหายๆ หรือไม่ยอมหายขาด

ขั้นตอนการรักษาโรคผิวหนังของทางศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง จะกระทำในแนวทางเดียวกับที่กระทำกันในประเทศออสเตรเลีย โดยจะเน้นไปที่การเจาะลึกไปถึงสาเหตุของโรคทั้ง สาเหตุหลัก และสาเหตุที่ซ่อนอยู่ควบคู่ไปกับการรักษา เพื่อให้เกิดประสิทธิการรักษาที่สูงที่สุด มีผลข้างเคียงจากการรักษาน้อยที่สุด รวมทั้งประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด

เวลาทำการ (ขอรบกวนให้ช่วยโทรนัดล่วงหน้า เพื่อจองคิวตรวจ)

อาทิตย์ 13.00-20.30น.

จันทร์-ศุกร์ 11.00-14.00น. และ 17.00-20.30 น.

เสาร์ เฉพาะนัดล่วงหน้าเท่านั้น (ถ้าไม่มีใครนัด หมอขอปิดทำการ เพื่อพาลูกไปเที่ยว)

13/10/2024

🙄บอสคะ

📌กรมปศุสัตว์เค้าประกาศให้ยกเลิกการฉีดยาคุมกำเนิดในสุนัขและแมวมาตั้งแต่มกราคม 2560 แล้วนะคะ

📌อย่าบอกนะว่าบอสเล่นโซเชียลแล้วไม่รู้ผลเสียของการฉีดยาคุมกำเนิด

🙄ตอนนี้มียาคุมแบบกินสำหรับหมาแมวจำหน่ายตามออนไลน์กันเกลื่อน หลายท่านทักมาถาม ก็เตือนว่า ❌อย่าหาซื้อ❌

❌ปัจจุบันยาคุมกำเนิดแบบกินในสุนัข และแมว ยังไม่มีตัวไหนได้รับการรับรอง หรือขึ้นทะเบียนการค้านะคะ

🤭มีสัตวแพทย์ทำหมันแมวที่เจ้าของไปซื้อยาคุมแบบกินทางออนไลน์มาป้อนให้ ก็เจอภาวะมดลูกอักเสบที่กำลังจะพัฒนาไปเป็นมดลูกเป็นหนอง ปล่อยทิ้งไว้ก็รอระเบิดเวลาของการเสียชีวิต

❌ไม่แนะนำยาคุมทั้งฉีดและกิน❌

💕ไม่ทำหมันก็กักบริเวณเอานะคะ💕

ป.ล. มีคำถามเพิ่มเติม ส่งมาทาง inbox นะคะ

หมายเหตุ: ทางโรงพยาบาลทำได้เพียงแจ้งผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการใช้ยาคุมเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการทางเลือก ส่วนลูกค้าสามารถยอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหน หรือ ต้องการใช้วิธีใด ส่วนนี้เป็นดุลยพินิจของลูกค้านะคะ เพราะผลเสียที่แจ้งเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วค่ารักษาสูงกว่าค่าทำหมันมาก บางเคสรักษาไม่ได้ถึงขั้นเสียชีวิตและมีหลายเคสที่มารักษาด้วยสาเหตุนี้เพราะเจ้าของไม่ทราบถึงผลเสียจึงเลือกวิธีที่มีความเสี่ยง ทางโรงพยาบาลไม่สามารถบังคับลูกค้าหรือคุณหมอท่านอื่นๆได้ ทำได้เพียงแจ้งข้อมูลเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติมค่ะ

เวลาทำการ 11:00 - 20:00 ทุกวัน(นัดล่วงหน้าเท่านั้น)ที่ตั้งคลินิก
14/09/2024

เวลาทำการ 11:00 - 20:00 ทุกวัน
(นัดล่วงหน้าเท่านั้น)

ที่ตั้งคลินิก

Find local businesses, view maps and get driving directions in Google Maps.

เวลาทำการ 11.00 - 20.00 ทุกวัน (นัดล่วงหน้าเท่านั้น)ที่ตั้งคลินิกครับ
30/07/2024

เวลาทำการ 11.00 - 20.00 ทุกวัน (นัดล่วงหน้าเท่านั้น)

ที่ตั้งคลินิกครับ

Find local businesses, view maps and get driving directions in Google Maps.

15/06/2024
10/05/2024

SUS: งานวิจัยศึกษาเรื่อง ‘อายุขัยของแมว’ ในอังกฤษ
พบ ‘แมวสฟิงซ์’ มีอายุเฉลี่ยสั้นที่สุด
ส่วนแมวที่มีอายุเฉลี่ยมากสุด คือ ‘เบอร์มีส’ และ ‘เบอร์แมน’
นักวิจัยจาก The Royal Veterinary College สหราชอาณาจักร และ National Chung Hsing University ของไต้หวัน ได้ทำการศึกษาอายุขัยของแมวในสหราชอาณาจักรและตีพิมพ์ลงในวารสาร Journal of Feline Medicine and Surgery เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2024
แดน โอ’นีล (Dan O’Neill) อาจารย์ด้านระบาดวิทยาในสัตว์เลี้ยงจาก The Royal Veterinary College หนึ่งในผู้ร่วมศึกษาระบุถึงที่มาของการศึกษาที่เกิดขึ้นว่า เนื่องจากมีการศึกษาในเรื่องอายุขัยของแมวน้อยมาก และเป็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์ละเลย หากเปรียบเทียบกับสุนัข โดยเขาระบุว่าการศึกษาครั้งนี้จะเป็นการช่วยยืนยันในทางสถิติระดับหนึ่ง
ทีมวิจัยวิเคราะห์จากข้อมูลแมวที่เสียชีวิตระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2019 - 31 มีนาคม 2021 จำนวน 7,936 ตัว ที่ขึ้นทะเบียนกับสัตวแพทย์ในสหราชอาณาจักร ผลปรากฏว่าจากแมวจำนวน 12 สายพันธุ์ มีอายุเฉลี่ยเรียงจากมากไปน้อย ดังนี้
1. เบอร์มีส และ เบอร์แมน 14.4 ปี
2. พันธุ์ผสม 11.9 ปี
3. ไทย (Siamese) 11.7 ปี
4. เปอร์เซีย 10.9 ปี
5. แร็กดอลล์ 10.3 ปี
6. นอร์วีเจียน ฟอเรสต์ 10 ปี
7. เมนคูน และ รัสเซียน 9.7 ปี
8. บริติช 9.6 ปี
9. เบงกอล 8.5 ปี
10. สฟิงซ์ 6.7 ปี
สาเหตุที่แมวสฟิงซ์มีอายุขัยเฉลี่ยสั้นกว่าสายพันธุ์อื่นๆ มีการสันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงจากโรคต่างๆ เพิ่มขึ้น
โดยรวมแล้วพบว่าอายุขัยเฉลี่ยของแมวที่ศึกษาทั้งหมดอยู่ที่ 11.7 ปี ในขณะที่ยังพบว่าแมวเพศเมียจะมีอายุขัยมากกว่าแมวเพศผู้ โดยแมวเพศเมียมีอายุขัยเฉลี่ย 12.5 ปี ส่วนแมวเพศผู้มีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 11.2 ปี
และยังพบข้อมูลที่น่าสนใจว่าแมวพันธุ์ผสมจะมีอายุยืนกว่าแมวพันธุ์แท้ โดยแมวพันธุ์ผสมมีอายุขัยเฉลี่ย 11.9 ปี ส่วนแมวพันธุ์แท้มีอายุขัยเฉลี่ย 10.4 ปี
โอ’นีลระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวทำให้คนรักแมวมีเครื่องมือในการทำความเข้าใจและคาดการณ์อายุขัยในอนาคตของแมว เพราะคนรักแมวก็ล้วนอยากให้แมวอยู่กับพวกเขาให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และโอ’นีลยังแนะนำว่าหากอยากให้เป็นเช่นนั้น ตอนนี้ที่มีสถิติยืนยันแล้ว ก็ให้ลองเลี้ยงแมวพันธ

02/05/2024

“การป้อนยาให้ครบสำคัญต่อผลการรักษามากนะคะ แนะนำป้อนยาครบ/มาตามวันนัด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการรักษาสูงสุดค่ะ”

มีเคสหนึ่งที่แอทมินรักษาน้องหมามาได้ 3-4 เดือน แต่ผลการรักษาไม่ค่อยถูกใจนัก
โดยนัดทุก 2 สัปดาห์ และจัดยาครบตามวันเป๊ะ ไม่เคยจัดยาเกิน แต่คุณเจ้าของบอกว่าป้อนยาได้ทุกวันแน่นอน

”ยายกะเกียเข่า ป้อนยาอยู่ซุมื้อซุเวนตามหมอบอกเลยเด้ มาตรงมื้อตามนัด หมาบักเถิกมันคือบ่ไค่ขึ้นปานได๋”

แอทมินเลยบอกเจ้าของว่านัดรอบหน้าให้ถือยาเหลือๆ มาด้วย โดยบอกว่าหมอจัดยาเกินๆ ไปให้ เสียดายยาที่เหลือ ถ้ารอบหน้าเหลือเยอะ จะได้ไม่ต้องจัดเพิ่ม (แต่จริงๆ จัดยาครบตามวันเป๊ะ)

และนี่คือยาที่เจ้าของถือมาให้หมอ😂😭

พอคุณเจ้าของได้ทราบความจริง ว่าหมอไม่ได้จัดยาเกิน....😊
“อั๋น คุณหมอกะดายเนาะ ยายกะเฒ่ากะหยังเนาะ กะสิหลงสิลืมแหน่ละหวา ป้อนยาบักเถิกนั่น คุณหมออย่าหัวซายายเด้ เฮอะเฮย!“😊

จากนั้นมา...อาการของน้องหมาก็ดีขึ้นอย่างชัดเจน😘😘

SUB ข้อความที่ 1: ยายก็ให้อาหาร ป้อนยาทุกมื้อทุกวันตามที่หมอบอก มาตรงตามนัดทุกครั้ง ทำไมอาการของสุนัขไม่ค่อยดีขึ้นเลย

SUB ข้อความที่ 2: คุณหมอคะ ยายอายุมากแล้ว ก็ต้องมีหลงมีลืมบ้างค่ะหมอ

22/04/2024
22/04/2024

แอดมินอยากเล่าค่ะ น่าจะเป็นประโยชน์กับน้องแมว ไม่มากก็น้อยนะคะ
..เรื่องมีอยู่ว่า
เมื่อหลายปีก่อน...แอดมินสอนนักศึกษาลงตรวจเคสคลินิก ก็ได้เจอกับเคสน้องแมวรายนี้ ประวัติคือ 3-4 วันก่อนเค้าเป็นแผลที่หลัง (วันนี้แผลแห้งสนิท แห้งสนิทแล้วเล่าเฮ็ดหยัง...เดี๋ยวๆ ฟังก่อนๆ) โดยวันเสาร์จึงให้หมอกระเป๋าที่เคยทำหมันหมาแมวให้มาฉีดยาให้ แล้วบอกเจ้าของว่าเป็นยาแก้อักเสบ (เจ้าของบอกว่าขวดยาเหมือนเป๊ะกับยาฆ่าเห็บที่เคยฉีดให้กับหมา) พอฉีดไปสักพัก แมวมีอาการเดินเซ ทรงตัวไม่ได้ กระวนกระวนกระวาย โทรไปถามหมอกระเป๋า เค้าบอกเจ้าของว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย พอวันอาทิตย์เจ้าของบอกว่าแมวเดินเซหนักมาก เดินสะเปะสะปะ ไม่กินอาหาร วันจันทร์เลยพามาที่ รพส ม.ขอนแก่น แอดมินจึงทำการตรวจร่างกายพบว่ามีอาการของระบบประสาทชัดเจน เดินเซ ก้าวเดินไม่สัมพันธ์กัน ม่านตาขยาย ตาบอดชั่วคราว(ผลจากม่านตาขยาย) ฯลฯ เลยให้เจ้าของโทรถามหมออาสาด่วนว่าฉีดยาอะไรให้ คำตอบคือยี่ห้อยาตัวหนึ่ง ฉีดไป 1 ซีซี ยาตัวนั้นคือไอเวอเมคติน (ยาฉีดฆ่าเห็บตามที่เรารู้จักกัน ซึ่งไม่มีผลในการลดอักเสบใดๆ) ปัญหาคือฉีดเกินปริมาณที่แมวควรได้รับไปประมาณ 9-10 เท่า เลย
..ชัดค่ะ แมวตัวนี้มีอาการของการได้รับยาไอเวอเมคตินเกินขนาด ซึ่งไม่มียาต้านฤทธิ์ ให้การรักษาแบบประคับประคอง ถ้าแมวขับยาออกจากร่างกายจนหมด ก็กลับมาดีขึ้นภายใน 5-7 วัน หรือมากกว่านั้น แต่ถ้าเป็นแมวเด็ก ร่างกายไม่แข็งแรง ก็สามารถทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งแอดมินเคยเจอเคสลูกแมว 1 เดือน ถูกฉีดมา 1 ซีซี 3 ตัว เสียชีวิตก่อนมา รพ 2 ตัว มาเสียชีวิตที่ รพ อีก 1 ตัว
..ซึ่งแอดมินก็ให้ข้อมูลเจ้าของไปตามตรงไม่อ้อมค้อม เจ้าของก็พูดขึ้นมาเองว่ารู้สึกว่าจะไม่ใช่สัตวแพทย์ แต่เค้าก็ทำหมันได้นะครับ
..ค่ะ เค้าไม่ใช่สัตวแพทย์ เค้าจะไม่มีใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์ ไม่สามารถกระทำการใดๆ ที่ใช้วิสัญญี ศัลยกรรมเช่นผ่าตัดทำหมันได้ค่ะ ผิดกฏหมาย
..แล้วถ้าเป็นสัตวแพทย์จริงๆ ก็ควรรู้ขนาดยาที่เหมาะสมและผลข้างเคียงของยาที่อาจเกิดขึ้นกับสุนัขและแมวได้

ป.ล.ขออนุญาตเจ้าของในการเผยแพร่ข้อมูลแล้วค่ะ

ป.ล.คนที่ไม่ใช่สัตวแพทย์ แต่ทำงานเกี่ยวกับสัตว์ที่ดีๆ ก็มีเยอะนะคะ ศึกษาหาข้อมูล ว่าสิ่งไหนเหมาะสม ไม่เหมาะสม ควรหรือไม่ควร ในการดูแลสุนัขและแมวเบื้องต้น เพราะตามสถานที่ไกลๆ ก็ขาดแคลนสัตวแพทย์เหมือนกัน ท่านเหล่านี้ก็สามารถช่วยเหลือเบื้องต้น ช่วยต่ออายุให้กับหมาแมวมาก็ไม่น้อยค่ะ

19/04/2024

"ไม่ควรโกนขน สุนัข สายพันธุ์ที่มีขน 2 ชั้น" เป็นเรื่องจริงครับ "

มีคำถามจากผู้เลี้ยงสุนัขว่า เค้าได้รูปแชร์กันมา เหมือนเป็นภาพถ่ายอุณหภูมิความร้อนของสุนัข ที่เตือนว่า สุนัขที่ตัดโกนขนให้เป็นทรงคล้ายสิงโต (lion cut shave) นั้น ไม่ดีต่อสุนัข เพราะจะทำให้อุณหภูมิที่หลังของมัน (ซึ่งไม่มีขน) สูงถึง 30 องศาเซลเซียส ขณะที่บริเวณที่ยังมีขนอยู่ คือที่หัวกับอก นั้น อุณหภูมิเพียงแค่ 24 องศาเซลเซียสเท่านั้น แสดงว่า การโกนขนสุนัขไม่ได้ช่วยให้พวกมันตัวเย็นลง เหมือนอย่างที่บางคนเข้าใจผิด(ว่าขนหนา ๆ จะทำให้สุนัขร้อน) !?

ซึ่งเรื่องนี้ ได้ทำการตรวจสอบแล้ว พบว่าน่าจะเป็นเรื่องจริงครับ โดยเฉพาะในสุนัขกลุ่มที่มีขน 2 ชั้น หรือที่เรียกว่า "double-coated dog breed" โดยที่พวกมันจะมีขนชั้นนอก ที่มีเส้นขนยาวกว่าและนุ่มกว่า ขนที่อยู่ชั้นใน

สุนัขสายพันธุ์ที่มีขนแบบ double-coat 2 ชั้น ก็เช่น พันธุ์โกลเด้น (Golden Retriever) , พันธุ์ปอม (Pomeranian) , พันธุ์ลาบราดอร์ (Labrador Retriever) , พันธุ์ปั๊ก (Pug) , พันธุ์อากิตะ (Akita) , พันธุ์ฮัสกี้ (Huskie) , พันธุ์อาลาสก้า มาลามุท (Alaskan Malamute) ฯลฯ

ขนของสุนัขแต่ละพันธุ์นั้น มักจะมีคุณสมบัติและหน้าที่แตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ ที่มันถูกเพาะเลี้ยงคัดเลือกปรับปรุงพันธุ์มาตั้งแต่ต้น ตัวอย่างเช่น สุนัขพันธุ์เทอเรีย (Terrier) มักจะมีขนเรียบ ที่ช่วยให้พวกมันขุดดินจนเป็นหลุมเล็กๆ ได้โดยไม่ทำให้ขนของมันไปพันติดกับรากไม้และก้อนหิน , ขณะที่สุนัขสายพันธุ์ที่อยู่ใกล้น้ำและภูเขา เช่น พันธ์ลาบราดอร์ (Labrador) และพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ด (St. Bernard) จะมีขนหนา ที่กันน้ำ หิมะ และน้ำแข็งได้ ให้ไม่เปียก

บางครั้งผู้ที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์ที่มีขนแบบ double-coat เห็นว่าสุนัขของตนเกิดการผลัดขน มีขนร่วงเป็นจำนวนมาก เลยอาจจะคิดว่า ถ้าไปช่วยโกนขนให้มัน ก็น่าจะทำให้การผลัดขนเกิดขึ้นได้ดีขึ้น ... แต่จริงๆ แล้ว การโกนขนสุนัขที่เป็นพวก double-coat นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ !

เพราะการโกนขน จะเป็นการตัดเอาขนชั้นนอกทิ้งไป ซึ่งเป็นชั้นที่ช่วยป้องกันสุนัขจากแสงแดด การโกนขนจึงกลับการเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่สุนัขจะร้อนจนเกินไป เกิดอาการผิวไหม้แดด หรือแม้กระทั่งนำไปสู่การเป็นมะเร็งผิวหนังได้ .
. ขนชั้นนอก ที่มีเส้นยาวๆ และปกคลุมร่างกายอย่างหลวม ๆ นั้น ยังทำให้ลมเย็น ไหลผ่านผิวหนังและช่วยระบายความร้อน ได้ดีกว่าการที่โกนขนจนเหลือแต่ขนเกรียนๆ สั้นๆ ของทั้ง 2 ชั้น ซึ่งกลับทำให้ระบายความร้อนได้แย่ลง (ดูรูปประกอบ)

สุนัขสายพันธุ์ที่มีขนชั้นเดียว (single-coat) นั้น เราสามารถจะโกนขนมันซ้ำๆ ได้ เนื่องจากการโกนขนไม่ได้ไปเปลี่ยนแปลง "เนื้อสัมผัส (texture)" ของขนโดยรวมของพวกมัน ขนของมันก็ยังคงกลับมางอกยาวขึ้นเรื่อยๆ ได้ ... ขณะที่ขนของสุนัข สายพันธุ์ที่เป็นขนแบบ double-coat จะงอกขึ้นมาถึงแค่ความยาวระดับหนึ่ง และก็จะหยุดงอกต่อ

ส่วนเนื้อสัมผัสของขนของสุนัขพวก double-coat นั้น กลับเปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่โดนโกนขน โดยขนชั้นนอกที่เป็นขนปกคลุมป้องกัน (guard hair) เมื่อเคยถูกโกนแล้ว จะเปลี่ยนเป็นขนที่หยาบขึ้น และทำให้พวกดอกหญ้า/กิ่งไม้เล็กๆ ติดตามขนได้ง่าย

ยิ่งกว่านั้น ถ้าสุนัขมีอายุมากหรือไม่สุขภาพไม่ดี ขนของมันก็อาจจะไม่งอกกลับมาเหมือนเดิมหลังจากโกน การโกนขนยังทำให้สุนัขมีผิวหนังบริเวณเส้นขนพันกัน และมีอาการระคายเคืองผิวได้ง่าย ยิ่งถ้าเอาสุนัขไปอาบน้ำ ก็จะยิ่งมีปัญหาเส้นขนพันกันแน่นขึ้นอีก และทำให้สุนัขไม่สบายตัวมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น ถ้าคิดว่าจะโกนขนสุนัขของคุณ ก็ควรที่จะต้องปรึกษาช่างตัดขนสุนัขมืออาชีพ (หรือสัตวแพทย์) เสียก่อน เพราะช่างมืออาชีพจะมีประสบการณ์มาพอ ที่จะทราบว่าควรจะให้บริการสุนัขของคุณ ด้วยวิธีไหน ถึงจะดีที่สุด

ป.ล. ลองเช็คเพจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง หลายๆ เพจแล้ว ก็ให้ข้อมูลตรงกันตามนี้ครับ (เช่น https://gordonsgrooming.com/why-we-do-not-shave-or-clipper-double-coated-breeds-short/?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR2UmyXBzgkV2EYvrmMEQYmh2_Wlr-F5pKQV3GcXCdtUp8WoMdBHlt_axkk_aem_AQJRwgtYaZZN73LwSFU8sKdSY2bUAuSiSTVecPSoV8B-mRxTxzmFi0VC8urRHggKi_F4kV9nVNSwS5FcOJuEwexj )

ภาพ และ ข้อมูล จาก https://www.theneighborhoodgroomer.com/post/will-shaving-my-dog-really-keep-him-cool

16/02/2024
ผศ.ศิราม - เขียนไว้ชัดเจนมาก
10/12/2023

ผศ.ศิราม - เขียนไว้ชัดเจนมาก

นิตยสาร VPN ในศักราชใหม่นี้ ขอต้อนรับคอลัมนิสต์รับเชิญคนใหม่ล่าสุด - ผศ.น.สพ.ศิราม สุวรรณวิภัช - ผู้จะมาบอกเล่าเรื่องราวแง่คิด มุมมอง และความรู้ดีๆ จากประสบการณ์ตรง ที่ใครเคยเป็นแฟนเพจ Vet Sikkha คงจะคุ้นเคยกันดี...
ถ้าพร้อมแล้ว...ขอเชิญติดตามอ่านกันได้เลยค่ะ
“ขอบ่นหน่อยเถอะ...ทำไมเดี๋ยวนี้พาสัตว์ไปหาหมอถึงได้แพงนัก” (EP.1):
ผมได้ยินคำพูดตัดพ้อลักษณะแบบนี้ค่อนข้างบ่อย ซึ่งเป็นที่เข้าใจครับ เพราะเสียเงินนี่เนอะ ใครจะชอบ...เงินไหลออกกระเป๋าก็ออกอาการหงุดหงิดบ้างอะไรบ้าง แต่พอมาได้ยินจากสัตวแพทย์ด้วยกันเองก็เลยมาทบทวนดูว่า เอ๊ะ..หรือว่ามันแพงมากไปจริงๆ เอ๊ะ...หรือว่าจริงๆ คุณหมอที่พูดเขาไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายแต่ละบิลมันคิดมาจากต้นทุนอะไรบ้าง ทำไมเราถึงขายยาราคาสูงกว่าร้านขายยาใกล้บ้านที่บางทีเอาชาวต่างด้าว อาเจ้ อาเฮีย มายืนหน้าร้าน เภสัชกรที่มีแต่ชื่ออยู่ที่ข้างฝา หรือคงนั่งอยู่หลังร้านมั้ง มันจะคิดราคายาเท่ากันได้จริงๆ เหรอ?
วันนี้ผมก็เลยจะมาเล่าที่มาที่ไปของค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลสัตว์ต้องแบกรับ โดยที่หมอจบใหม่หลายท่านอาจยังไม่เคยตระหนัก คุณๆ ที่อยู่ในฐานะหมอมืออาชีพจะได้เข้าใจถึงที่มาที่ไปของแต่ละยอดบิลครับ
เพราะโรงพยาบาลสัตว์คือธุรกิจชนิดหนึ่งเหมือนกัน
โรงพยาบาลสัตว์ก็คือธุรกิจที่เหมือนกันกับธุรกิจอื่นๆ ซึ่งย่อมมีต้นทุน และก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงเอาการอยู่เสียด้วยครับ ยกตัวอย่างพอเป็นกระษัยแล้วกันครับ เช่น ค่าเช่าอาคารรายเดือน เดี๋ยวนี้ถ้าในกรุงเทพก็หลายหมื่นบาท ผมได้ยินบางที่เป็นแสนต่อเดือนเลย (ถ้าอยู่ในเมืองชั้นใน) เราต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ตเช่นเดียวกัน แถมจะต้องจ่ายสูงกว่าด้วยครับ เพราะเครื่องมืออุปกรณ์ไฟฟ้าเราต้องใช้ไฟมากกว่าบ้านเรือนทั่วไป ราคาค่าไฟเป็นแบบก้าวหน้าจึงสูงกว่า แถมว่าเดี๋ยวนี้ เจ้าของสัตว์พาสัตว์มาหาหมอก็อยากให้ทราบผลเลยว่าป่วยเป็นอะไร ไม่ต้องถูก refer ไปรอคิวที่รพ.มหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ เรียกได้ว่าอยากเริ่มและจบในที่เดียวเลย ทำให้ในปัจจุบันโรงพยาบาลส่วนใหญ่ต้องลงทุนเรื่องเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีราคาสูงมากอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เราไม่สามารถเก็บเงินได้เท่ากับโรงพยาบาลคน อย่าลืมนะครับว่า แม้เครื่องมือของเรากับของหมอคนจะเหมือนกัน แต่เราใช้จำนวนบุคลากรในการจัดการแต่ละขั้นตอนมากกว่า คนพาตัวเองไปตรวจกับหมอได้ มี technician คนเดียวดำเนินการก็ทำได้ แต่สัตว์ต้องมี technician ช่วยจับอย่างน้อยๆ ก็สองคน บางตัวต้องวางยาต้องมีคนดูเครื่องดมยาอีก นั่นจึงทำให้การพาสัตว์มาหาหมอ มีต้นทุนสูงกว่าคนใน procedure เดียวกัน
คลินิกสุนัขและแมว ลงทุนสูงกว่าคลินิกหมอฟันนะเชื่อไหม
ทราบไหมครับว่า เดี๋ยวนี้เครื่องเอกซเรย์มือหนึ่งเครื่องเดียวรวมตัวรับแปลงเป็นภาพ (CR, DR) ราคารวมแล้วมีตั้งแต่ 1,000,000 ถึง 2,000,000 บาท เครื่องอัลตราซาวด์ถ้าให้ดีหน่อยไม่ใช่ภาพผีหลอก ก็ราคาประมาณกันนั่นแหละ ราคาเครื่องมืออื่นๆ อีก เช่น เครื่องมือทำฟัน (ขูด กรอ ตัด) ซึ่งที่โรงพยาบาลสัตว์ก็มีเกือบทุกอย่างเหมือนกับคลินิกทันตกรรม อุปกรณ์ผ่าตัดเหมือนโรงพยาบาลคน อุปกรณ์ตรวจแลปต่างๆ ซึ่งบางเครื่องขนาดว่าผลิตจากเซิ่นเจิ้น เช่น เครื่องตรวจค่า CBC ก็ 3-5 แสนบาทแล้ว ยิ่งถ้าเป็นของฝรั่งก็ล้านกว่าบาท เครื่องตรวจ blood chem อีกหลายแสนบาท เครื่องเหล่านี้ราคาสูสีกันกับของคนเลย ในทุกกระบวนการที่มีความเจ็บปวดเราต้องวางยาสลบหมด ทำฟันก็ต้องวางยา อัลตราซาวด์บางครั้งก็ต้องวางยา สวนปัสสาวะกรณีนิ่วอุดตัน ก็ต้องวางยา เครื่องดมยาจึงต้องมี ในขณะที่คลินิกทันตกรรม (ของคน) หลายๆ procedure หากไม่ได้ทำในเด็กก็อาจไม่จำเป็นต้องวางยา แต่สัตวแพทย์วางยาในหลายกรณีครับ เครื่องดมยาเครื่องหนึ่งเดี๋ยวนี้ถ้าเอาปลอดภัยอาจต้องมี ventilator ด้วย ราคาขั้นต่ำ (made in ประเทศเดิม) ก็ 3-4 แสนบาทขึ้นไป ถ้าเป็นของฝรั่งก็เฉียดล้าน up ที่กล่าวมานั่นก็เป็นต้นทุนที่ต้องจ่ายทั้งนั้น ดังนั้นบอกมาว่า “เอกซเรย์ในสัตว์...โห...แพงกว่าคนอีก” “โห...หมาขูดหินปูนแพงกว่าคนอีก” ฟังแล้วเก็กซิม...นี่คงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้วิธีการขบหินปูนโดยไม่วางยาเกิดขึ้น ทั้งที่รู้ว่าเสี่ยงอันตรายจากการจับบังคับ แถมการขูดแค่ตรงส่วนเหนือขอบเหงือกกับการไม่ได้ขูดเลย ผลต่อสถานการณ์โรค periodontal ก็ไม่ต่างกัน แค่ดู pseudo-beauty จนเกิดความชะล่าใจว่าฟันยังดีอยู่เท่านั้น
คนทำงานก็ต้องมีเงินเดือน
สัตวแพทย์ทำงานคนเดียวไม่ได้ แน่นอนครับว่าต้องมีผู้ช่วยสัตวแพทย์ ต้องมี technician ทุกคนล้วนมีค่าจ้างหรือเงินเดือนพนักงาน technician ระดับป.ตรีที่เดี๋ยวนี้ขั้นต่ำเขาก็ให้กัน 80-100 บาทต่อชั่วโมง ส่วนผู้ช่วยฯระดับ ปวช. ปวส. ก็อาจต่ำกว่านี้หน่อย สัก 60-80 บาทต่อชั่วโมง ซึ่งก็ถือว่าเดือนๆ หนึ่งก็มีค่าจ้างสูงถึง 12,000-20,000 บาทต่อคนต่อเดือน นี่ยังไม่รวมค่าล่วงเวลา (OT) ส่วนเงินเดือนสัตวแพทย์เราก็ไม่ได้มากมาย ถ้าเทียบกับหมอในสาขาวิชาชีพอื่นๆ อย่างหมอคนหรือหมอฟัน ยิ่งถ้าเป็นหมอเฉพาะทางของคนเขามีรายได้ต่อเดือนสูงกันถึงหลายล้าน (กรณีทำงานในรพ.เอกชนชั้นนำ) ในขณะที่สัตว์แพทย์จบใหม่มีรายได้ประมาณ 25,000 บาทเท่านั้น (กรณีทำงานแบบ full time จำนวน 40 ชม.ต่อสัปดาห์นะครับ) แม้ว่าจะต้องทำงานหนักเหมือนกัน วันละ 10-12 ชั่วโมง บวกกับความเสี่ยงถูกกัด ถูกข่วนอีก และยังต้องเจอกับเรื่องเครียดเพราะว่ามีสัตว์อาการหนักในวอร์ด และอารมณ์เจ้าของสัตว์ที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียอีก มันไม่ได้สวยงามเหมือนในการ์ตูนนะครับ ทั่วโลกพบสถานการณ์แบบนี้เหมือนๆกัน ถ้าหากเรามาทำงานสัตวแพทย์เพราะเงินเป็นหลัก ผมว่าเราคงเลิกทำกันไปแล้ว ไปเรียนหมอคนหรือหมอฟันดีกว่า เงินดีกว่าครับ แต่เพราะว่าสัตวแพทย์อย่างพวกเราต่างรักและมีความสุขที่จะช่วยเหลือสัตว์ที่น่าสงสารมากกว่า หมาแมวป่วยมันก็ยังดูน่ารักนะ มันน่าสงสารตรงที่มันพูดไม่ได้ บอกไม่ได้เหมือนเรา เจ็บปวดตรงไหน อาการเป็นยังไงก็พูดก็บอกไม่ได้สักอย่าง
กลับมาเรื่องเงินกันต่อ ดังนั้นเมื่อค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนมันสูงกว่าคลินิกหมอฟัน หมอรักษาผิวหนังผิวหน้า ราคาค่าใช้จ่ายเพื่อให้อยู่ได้ก็ย่อมสูงกว่าเช่นกันเพื่อจะได้สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนได้ เพราะหากจ่ายไม่ไหวเราก็ต้องเลิกกิจการไปเท่านั้นเอง ทำธุรกิจก็ต้องมีกำไร คนเขาเอาเงินมาลงทุนใครๆ เขาก็หวังผลกำไรกันทั้งนั้นครับ
ไหนจะค่าใช้จ่ายที่เราคาดไม่ถึงอีก
ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ค่าแม่บ้านทำความสะอาด ค่าซ่อมบำรุงอุปกรณ์ สาธารณูปโภคต่างๆ ค่านักบัญชี ค่าทำบัญชี ค่าโปรแกรม software บริหารจัดการ ค่า maintenance เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ภาษีประจำปี ประกันสังคม ประกันกลุ่ม ให้ลูกน้องที่รัก ค่า...ค่า...ค่า...ค่า...โอ้ย สารพัดที่เรียกเก็บจากลูกค้าไม่ได้ แต่ต้องจ่ายนะครับ ไม่จ่ายก็เปิดกิจการต่อไม่ได้ เนี่ย...แล้วจะไม่ให้ราคาแพงกว่ายาที่ซื้อจากร้านขายยาข้างบ้านได้ไง อันนี้แอบวิงวอนไปยังท่านเจ้าของสัตว์ป่วยที่บังเอิญผ่านมาอ่านด้วยครับ ผมอยากให้เข้าใจคุณหมอเจ้าของกิจการเหมือนกัน
นี่ยังไม่นับหมาแมวที่ถูกทิ้งไว้ในวอร์ดอีกนะ
เจ้าของหลายท่านที่ประสงค์ดี สงสารสัตว์ เห็นแมวหมาข้างทางอาการแย่ก็เก็บมา บางท่านผมนับถือน้ำใจนะ เพราะช่วยด้วยใจ แถมค่าใช้จ่ายนี่ก็ไม่เคยที่จะอิดออด สังเกตได้เลยครับว่าเธอสวยออกมาจากภายในเลย อันนี้ข้าพเจ้านับถือมาก มีอะไรที่พอช่วยประหยัดให้ได้ มียาบริจาคก็จัดให้เต็มที่สุดแรงเกิด
ก็กับอีกบางท่านที่ประสงค์ดีเหมือนกัน สงสารสัตว์จับใจแต่ไม่สงสารหมอเลย เอาเข้ามาวางหน้าร้าน แล้วจากไป เอามาให้แล้วแค่เล่าอาการให้ฟัง จ่ายเงินก้อนพอเป็นกระษัย แล้วหายหน้าขาดการติดต่อไปเฉยๆ...แล้วหมอต้องทำไงต่อล่ะครับทีนี้ คงต้องเลี้ยงกันจนจากกันไปข้างหนึ่ง ไม่หมอตายก่อนก็หมาตายก่อน สุดท้ายเต็มวอร์ดสิครับ...รออะไร อาหาร ยา ค่าเลี้ยงดู พื้นที่ที่จะเอาไว้ให้หมาแมวมีเจ้าของรายอื่นๆ เป็นอันจบ รายจ่ายเหล่านี้แบกไว้บนบ่าจนเดินขาขวิดกันไปมาแล้ว ถ้าเป็นฝรั่งคงส่งไปยังสถานรับเลี้ยงสัตว์จรของรัฐ ซึ่งสักพักหากหาบ้านไม่ได้ เขาก็ฉีดยาให้หลับหมด แล้วถ้าเป็นคุณๆ ในฐานะเจ้าของให้ฉีดยาให้มันตาย คุณจะทำไหม...หมอๆ หลายท่านที่เป็นพุทธมามกะ ไม่มีใครอยากทำหรอกครับ
คงเห็นกันแล้วนะครับว่ามีแต่ค่าใช้จ่าย และต้องจ่ายเสียตั้งแต่ยังไม่มีรายได้เลยด้วยซ้ำ นี่ยังมีต้นทุนอีกบานตะไทที่ยังต่อคิวรอรับการชำระ วันนี้คงจะพอทำให้คุณเห็นภาพรวมกันนะครับ ฉบับหน้าผมจะมาเล่าให้ฟังต่อครับว่า แล้วเมื่อค่าใช้จ่ายสูงจนต้องตั้งราคาสูงกว่าร้านขายยาห้องข้างๆ แล้ว...ทำอย่างไรถึงจะมีลูกค้ามาใช้บริการกิจการของเรา หวังว่าทุกท่านจะรอติดตามอ่านกันนะครับ อย่าให้ผมรอเก้อเป็นสายบัวนะเอ้อ
สามารถติดตามอ่านบทความฉบับเต็มจาก ผศ.น.สพ.ศิราม สุวรรณวิภัช คอลัมนิสต์รับเชิญคนใหม่ล่าสุดของเรา ได้ในคอลัมน์ VetSikkha
---------------------------------------------------------------
นิตยสาร VPN ฉบับที่ 184 เดือน มกราคม 2561
: VET MARKETING 4.0 Issue ได้อ่านกันเร็วๆ นี้ค่ะ
สามารถสมัครสมาชิกได้ผ่านทาง LINE@
แค่คลิ๊ก https://line.me/R/ti/p/%40vpnmagazine
หรือค้นหา ID: (มี@ด้วย)
ติดต่อ/สอบถามได้ที่
inbox Facebook : VPNmagazine
E-mail : [email protected]
โทร. 0-2965-5020, 084-435-5675
( จ-ศ เวลา 8.00-16.00 น.)
Website : http://www.magazinevpn.com/

 #สาเหตุของโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง😿🙀😿🙀😾🙈🙉🙊
12/11/2023

#สาเหตุของโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง😿🙀😿🙀😾🙈🙉🙊

คำแนะนำจากสัตวแพทยสภาครับ
07/11/2023

คำแนะนำจากสัตวแพทยสภาครับ

 #สาเหตุของโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง🙀😿🙀😿👩‍🔬🧑‍🔬👨‍🔬
06/11/2023

#สาเหตุของโรคผิวหนังของสัตว์เลี้ยง🙀😿🙀😿👩‍🔬🧑‍🔬👨‍🔬

ที่อยู่

66/36 หมู่บ้านนิศาชล ซ. บางแวก79 ถ. บางแวก แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ
Bangkok
10160

เวลาทำการ

จันทร์ 11:00 - 20:00
อังคาร 11:00 - 20:00
พุธ 11:00 - 20:00
พฤหัสบดี 11:00 - 20:00
ศุกร์ 11:00 - 20:00
เสาร์ 11:00 - 20:00
อาทิตย์ 11:00 - 20:00

เบอร์โทรศัพท์

+66642535695

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง)ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง คลินิกบ้านรักสัตว์ (ศูนย์โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังสัตว์เลี้ยง):

แชร์

ประเภท


สัตวแพทย์ อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด