Vet CAARE ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก Vet CAARE, สัตวแพทย์, 91/9-10 Vacharaphol Road, Bangkok.

📝 ถาม - ตอบ ปัญหาสุขภาพสัตว์เลี้ยง 🏨โดย ผศ.น.สพ.ดร. สมโภชน์ วีระกุล (อาจารย์แก้ว) โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ👩‍💻 ถาม : สุนัขซึม...
04/09/2024

📝 ถาม - ตอบ ปัญหาสุขภาพสัตว์เลี้ยง 🏨
โดย ผศ.น.สพ.ดร. สมโภชน์ วีระกุล (อาจารย์แก้ว) โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ

👩‍💻 ถาม : สุนัขซึมไม่กินอาหาร
สุนัขซึมไม่กินอาหาร ต้องใช้ยารักษาอะไรคะ?

👨‍💻 ตอบ : อาการดังกล่าวเป็นอาการทั่วไป หรือต้องตอบได้กว้างมากครับ ดังนั้นการจะใช้ยาอะไรเลย ไม่สามารถดอบได้เลย เพราะการวินิจฉัยไม่มีทางแม่นยำได้ หากไม่มีอาการอื่นๆ ร่วมที่จำเพาะ

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามแล้วจะพยายามช่วยเคลียร์เพื่อให้ผู้เลี้ยงไป ทำการประเมินต่อด้วยตนเองได้ครับ อาการซึมนั้นเกิดได้กับทุกๆ โรคครับ ที่มีผลทำให้สติและการรับรู้ลดลง เช่น เป็นหวัด ท้องเสีย ติดเชื้อ เจ็บปวด

ส่วนอาการเบื่ออาหารนั้น หากจะจำแนกแบบที่เจ้าของเอาไปใช้ได้ มี 4 รูปแบบ ดังนี้

แบบที่ 1 มื้ออาหารเทียม คือ มีอาการอยากกินแต่กินไม่ได้ จึงมีแต่ดม เลีย อาจมีปัญหาภายในช่องปาก หรือการกลืน การเคี้ยว ต้องตรวจช่องปากครับ
ในสุนัขอายุมากอาจพบเหงือกอักเสบ มีหินปูน บางตัวก็กินไม่ได้เพราะเจ็บช่องปาก หรือกระดูกกรามหักก็เคี้ยวไม่ได้

แบบที่ 2 เกิดจากผลทางสรีรวิทยาของร่างกายเอง เช่น เพิ่งไปวิ่งมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ทางเดินอาหารจะระงับการหลั่งกรดในการย่อยอาหาร หรือมักจะดื่มน้ำจากอาการขาดมาก่อนการกิน อากาศร้อน อากาศหนาว และปัญหามักไม่ใช่มาจากแบบนี้

แบบที่ 3 ปัญหาทางจิตใจ ในกรณีที่โดนดุ หรือผิดหวัง สุนัขสามารถแสดงพฤติกรรมนี้ได้ โดยมีอาการตรอมใจ เศร้า หรือไม่พอใจ รวมไปถึงหวาดกลัว
การสูญเสีย มีผลกระทบได้เช่นกัน

แบบที่ 4 ที่พบบ่อย คือ ปัญหาจากโรค ในสุนัขมีโรคตั้งแต่อ่อนไปจนถึงตายได้จากการติดเชื้อ เช่น ติดเชื้อจากอาหารหรือกินสิ่งแปลกปลอม คุ้ยขยะ กิน
มูล บางตัวกินขนมหรือาหารไม่คุ้นเคย ท่าให้เกิดท้องเสียจากการติดเชื้อได้และเจ็บปวดช่องท้อง และอาการของระบบทางเดินอาหารรบกวน และทำให้เกิดอาการเบื่ออาหารมากที่สุด ที่รุนแรงจะพบในการติดเชื้อไวรัส มักจะพบในสุนัขที่ไม่ได้ทำวัคซีนป้องกัน และพบในสุนัขอายุยังน้อยครับ จะเบื่ออาหาร และมีอาการถ่ายผิดปกติรุนแรง ในรายที่เกิดอย่างอ่อนๆ ทำให้เจ็บปวดเสียดช่องท้อง มาจากอาหารก็เกิดได้ หรือจากปรสิตหรือพยาธิ และทำให้เบื่ออาหารก็ได้ ส่วนโรคระบบอื่นๆ จะเบื่ออาหารน้อยกว่า เช่น โรคทางเดินหายใจ แต่ก็มีโรคที่เบื่ออาหารมากกว่าและยังพบอาการอาเจียนได้ เช่น ตับอักเสบ ตับบกพร่อง ไตอักเสบและบกพร่อง เป็นต้น นอกจากนี้โรคที่เกิดกับตับอ่อนก็จะรุนแรง นอกจากเบื่ออาหารอาจจะร้องครวญครางอย่างมาก โรคกับม้ามก็ถือว่ารุนแรง และทำให้เบื่ออาหาร จึงจำเป็นต้องไปตรวจและให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพราะเมื่อมีอาการอื่นๆ ปรากฏก็มักจะรุนแรงครับ

🐶🐱🐭🐹🐰🦊🐻🐯🐮🐷🐸🐵🐔🐦🦅🦉🐢🐍🦎
#คลินิกออนไลน์สำหรับสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ
www.epofclinic.com...............................................................................
#สุนัข #สัตว์เลี้ยง #สุนัขซึมไม่กินอาหาร #สุนัขป่วย
#รักษาสุนัข #โรคที่สามารถพบในสุนัข #ปัญหาสุขภาพในสุนัข
#โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ #โรงพยาบาลสัตว์ExoticPet #รักษาสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ

📝 Self mutilation (ภาวะทำร้ายตัวเองในชูการ์ไกลเดอร์) 🩸โดย หมอฝ้าย สพ.ญ.นฏกร ศิริวัฒนสาธร โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ 🏨ภาวะทำร้า...
16/08/2024

📝 Self mutilation (ภาวะทำร้ายตัวเองในชูการ์ไกลเดอร์) 🩸
โดย หมอฝ้าย สพ.ญ.นฏกร ศิริวัฒนสาธร โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ 🏨

ภาวะทำร้ายตัวเองในชูการ์ไกลเดอร์นั้น มีสาเหตุได้หลากหลาย อย่างเช่น การเลี้ยงตัวเดียว เพราะโดยปกติแล้วชูการ์ไกลเดอร์มักเป็นสัตว์สังคม ที่ต้องอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม หรือการเลี้ยงในที่โล่งแจ้งตลอดเวลา ทำให้กิจกรรมบางอย่างเช่นการออกหากิน หรือการแสดงออกทางพฤติกรรมทางสังคมถูกลดลงไปจนก่อให้เกิดความเครียดได้ เพราะโดยปกติแล้วจะเป็นสัตว์ที่ออกหากินและใช้ชีวิตส่วนมากในเวลากลางคืน ภาวะขาดสารอาหาร หรือสิ่งแวดล้อมไม่มีความเหมาะสม

โดยตำแหน่งที่มักจะเกิดการทำร้ายตัวเองนั้น จะเป็นบริเวณของหางเป็นส่วนใหญ่ ขา ถุงอวัยวะเพศ และอวัยวะเพศซึ่งมักจะเกิดกับตัวผู้ที่ต้องการผสมพันธ์ุแต่ไม่มีคู่ให้ผสม หรือตัวเมียไม่ยอมให้ผสมพันธุ์ทำให้ตัวผู้เกิดความเครียดได้

การจัดการและการรักษา ควรรักษาที่ต้นเหตุและหาสาเหตุว่าอะไรที่ทำให้ชูการ์ของเราเกิดความเครียดเกิดขึ้น ร่วมกับการรักษาแผลที่เกิดจากการแทะไปพร้อมๆกัน ในส่วนของแผลนั้น จะเป็นการทำแผลตามอาการซึ่งในช่วงแรกต้องมีการติดตามแผลกับคุณหมอเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากต้องประเมิณความเสียหายของแผลที่เกิดขึ้นว่าดีหรือแย่ลง ร่วมกับการทานยาปฏิชีวนะ ยาลดปวด ยาลดอักเสบ หรือในกรณีที่สัตว์มีภาวะเครียดมากโดยแทะตัวเองตลอดเวลา อาจต้องมีการให้ยาสงบประสาทเกิดขึ้นด้วยแต่จะมีผลข้างเคียงที่ทำให้ง่วงซึมได้ นอกจากนี้ยังต้องป้องกันการแทะตัวแผลเพิ่ม โดยอาจมีการใส่ลำโพงกันแทะหรือที่คุณหมอชอบเรียกว่า“คอลลา” ในช่วงแรกของการใส่อาจทำให้สัตว์เครียดได้ ต้องใช้เวลาปรับตัวในระดับนึง สัตว์อาจไม่กินอาหาร หรือกินลำบาก เจ้าของต้องมีการป้อนอาหารเสริมด้วย ในรายที่คุณหมอประเมิณแล้วว่าแผลมีระดับความรุนแรงมาก เสี่ยงต่อการติดเชื้อและโน้มนำไปสู่การเสียชีวิตได้ จะแนะนำให้ตัดแผลบริเวณส่วนนั้นๆออก เช่น การตัดหาง ตัดขา

การรักษาทางเลือกอื่นๆที่สามารถทำประคับประคองกันไปได้ คือการเลือกใช้เลเซอร์ เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในบริเวณของแผล ลดปวด ลดการอักเสบ และยังช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้นกว่าการรักษาทางยาและการทำแผลอย่างเดียว

ในกรณีของตัวผู้ที่มีความต้องการผสมพันธุ์สูงแต่ไม่ได้ผสมพันธุ์ การทำหมันสามารถช่วยลดพฤติกรรมดังกล่าวได้ในระดับนึงเท่านั้น
_______________________________________________
#ชูการ์ไกลเดอร์ #รักษาชูการ์ไกลเดอร์
#ภาวะทำร้ายตัวเองในชูการ์ไกลเดอร์
#ปัญหาสุขภาพในชูการ์ไกลเดอร์



#โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ

#หมอเอ็กโซติก

🐶🐱🐭🐹🐰🦊🐻🐯🐮🐷🐸🐵🐔🐦🦅🦉🐢🐍🦎
#คลินิกออนไลน์สำหรับสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ
www.epofclinic.com

📝  ปริมาณอาหารนกที่ให้สำหรับจุดประสงค์ต่างๆ ✨🥣  Feeding Guidelines for Pet Birds 🐦โดย ผศ.น.สพ.ดร.สมโภชน์ วีระกุล (อาจารย...
06/08/2024

📝 ปริมาณอาหารนกที่ให้สำหรับจุดประสงค์ต่างๆ ✨
🥣 Feeding Guidelines for Pet Birds 🐦
โดย ผศ.น.สพ.ดร.สมโภชน์ วีระกุล (อาจารย์แก้ว) โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ🏨
🐣 นกลูกป้อน
นกลูกป้อนที่มีขนหนามขึ้นแล้ว จะมีปริมาณอาหารที่ให้ ดังนี้
Guideline for volumes and frequency for neonate to juvenile bird
- Finch ฟินซ์ 0.1-0.5 ml 6x per day
- Budgie หงษ์หยก 0.5-3 ml QID
- Lovebird เลิฟเบิร์ด 1-3 ml QID
- Cockatiel คอคคาเทล 1-8 ml QID
- Small conure คอนัวร์ 3-12 ml QID
- Large conure คอนัวร์ 7-24 ml TID or QID
- Amazon parrot อะเมซอน 5-35 ml TID
- Cockatoo กระตั้ว 10-40 ml BID or TID
- Macaw มาคอว์ 20-60 ml BID or TID
ปริมาณและความถี่ของการป้อนอาหารขึ้นกับขนาดตัว และพลังงานของอาหารนั้นๆ ซึ่งปกติอาหารส่วนใหญ่จะมีพลังงานใกล้เคียงกัน ก็ต้องไปดูแหล่งและคุณภาพของพลังงานเพิ่ม ควรเริ่มจากปริมาณน้อย และประเมินจากการขยายของกระเพาะพัก ขนาด 2/3 ถึง 3/4 ของความจุหรือน้อยกว่า เพื่อป้องกันการสำลักหรืออาหารค้างนานกว่า 6 ชั่วโมง ปกติอาหารควรจะลดลงไป และทำให้กระเพาะพักว่าง ระหว่าง 4-6 ชั่วโมง ถ้านานจะเกิดการบูดและทำให้เกิดลำไส้อักเสบได้ และปรับปริมาณและความถี่ตามความเหมาะสมแต่ละตัว
การป้อนลูกนกแรกเกิด การป้อนลูกนกอายุมากกว่า 1-2 วัน ควรเริ่มจากอาหารที่มี 25-35% ในส่วนผสม เพื่อให้อาหารผสมมีความเหลวในวันแรกๆ แล้วปรับให้ข้นขึ้น
ความถี่ในการให้อาหารลูกนกที่แนะนำ สำหรับลูกนกแก้วต่างๆ
Suggest feeding frequencies in psittacine neonate
Bird 1 to 5 days old: feed 6 to 10 times daily
Bird with eyes closed: feed 4 to 6 times daily
Bird with eyes open: feed 3 to 4 times daily
Bird with feather emerging: feed 2 to 3 times daily
ในระยะแรกจะป้อนปริมาณน้อยและมีความถี่สูงกว่า ให้ทำการชั่งน้ำหนักวัดอัตราการเจริญเติบโตเป็นกรัมก่อนกินอาหารในทุกเช้า หรือเมื่อกระเพาะพักว่าง เปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานการเจริญเติบโตของแต่ละสายพันธุ์ เพื่อปรับอาหารและพลังงานให้เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ในช่วงใกล้งดหรือหย่าอาหารลูกป้อน นกจะมีการสูญเสียน้ำหนักได้ 10-15% อาจถึง 20% เป็นภาวะปกติ
👨‍🔬 การป้อนนกป่วยเพื่อการฟื้นฟู
Guideline for volumes and frequency for recovering bird
- Finch ฟินซ์ 0.1-0.5 ml 6x per day
- Budgie หงษ์หยก 0.5-3 ml QID
- Lovebird เลิฟเบิร์ด 1-3 ml QID
- Cockatiel คอคคาเทล 1-8 ml QID
- Small conure คอนัวร์ 3-12 ml QID
- Large conure คอนัวร์ 7-24 ml TID or QID
- Amazon parrot อะเมซอน 5-35 ml TID
- Cockatoo กระตั้ว 10-40 ml BID or TID
- Macaw มาคอว์ 20-60 ml BID or TID
ความต้องการพลังงานของนกป่วยแตกต่างกันระหว่างกลุ่มที่ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ กลุ่มป่วยเฉียบพลันและเรื้อรัง ปริมาณและความถี่ของการป้อนอาหาร นอกจากจะขึ้นกับขนาดตัว และการขยายของกระเพาะพัก ยังขึ้นกับสาเหตุของความเจ็บป่วยและการอักเสบ ที่ต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น 1.5-2 เท่า ปริมาณอาหารรวมที่ให้จึงมากกว่าตารางข้างต้นได้ ให้เมื่อกระเพาะพักว่างเพราะในภาวะเจ็บป่วยบางสาเหตุ ทำให้การย่อยและดูดซึมอาหารลดลง และการบีบตัวของทางเดินอาการแย่ลง แต่ละครั้งควรให้ขนาด 2/3 ถึง 3/4 ของความจหรือน้อยกว่า และปรับปริมาณและความถี่ตามความเหมาะสมแต่ละตัว ทำการชั่งน้ำหนักทุกวันเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำหนักและการฟื้นตัวที่ดี
💪 กลุ่มบูสเตอร์
สำหรับนกที่ต้องการเสริมสุขภาพและสมรรถภาพเป็นพิเศษ
นกในกลุ่มที่ต้องการเสริมพลังงานพิเศษ รวมทั้งการนำไปใช้ที่ดีขึ้น ได้แก่ นกป่วยที่ขาดพลังงานอย่างหนัก สูญเสียน้ำหนักรุนแรงและผอมแห้ง นกบินแข่ง นกที่ต้องการโครงสร้างใหญ่ทั้งกล้ามเนื้อและลำตัว และต้องการใช้
พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ปริมาณที่แนะนำสำหรับการเสริมพลังงาน
Guideline for volumes and frequency for boosters (daily)
- Amazon 1 - 2 Tbs (15-30 g.)
- Electus 1 - 2 Tbs (15-30 g.)
- African Greys 1 - 3 Tbs (15-45 g.)
- Cockatoos 1 - 4 Tbs (15-60 g.)
- Macaws 2 - 4 Tbs (30-60 g.)
- Small parrots 1/2 - 2 Tbs (7.5-30 g.)
- Doves and Pigeans 1/2 - 3 Tbs (7.5-30 g.)
- Fight Chickens 1 - 3 Tbs (15-45 g.)
- Other Birds: depend on size and BMR
จะให้พลังงานสูงแม้ในปริมาณเพียงเล็กน้อย เหมาะสำหรับการเสริมในทุกกกรณี นอกจากได้พลังงานแล้ว จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดและออกชิเจนไปสู่เซลล์ในร่างกายได้ดีขึ้น จึงช่วยฟื้นฟูสุขภาพให้เร็วขึ้น ป้องกันตายของเซลล์ เพิ่มการนำพลังงานไปใช้ และสร้างสมรรถภาพ ควรปรับปริมาณตามกิจกรรม และจุดประสงค์ของการเสริมสุขภาพ
🐶🐱🐭🐹🐰🦊🐻🐯🐮🐷🐸🐵🐔🐦🦅🦉🐢🐍🦎
#คลินิกออนไลน์สำหรับสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ
www.epofclinic.com...............................................................................
#นก #นกเลี้ยง #นกลูกป้อน #การป้อนนกป่วยเพื่อการฟื้นฟู
#กลุ่มบูสเตอร์นก #ปริมาณอาหารนก #การเสริมสร้างพลังงานในนก

#โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ #โรงพยาบาลสัตว์ExoticPet
#รักษาสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ

📝 ภาวะกระเพาะพักไหม้ (Crop burn) 🦜🔥โดย สพ.ญ. ปัญญ์ชลี มีสายมงคล (หมอกุ๊ก) โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ 🏨       กระเพาะพัก (Crop)...
05/08/2024

📝 ภาวะกระเพาะพักไหม้ (Crop burn) 🦜🔥
โดย สพ.ญ. ปัญญ์ชลี มีสายมงคล (หมอกุ๊ก) โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ 🏨
กระเพาะพัก (Crop) คือ ส่วนขยายของปลายหลอดอาหารบริเวณก่อนเข้าช่องอก มีหน้าที่สำหรับสำรองอาหารชั่วคราว ระยะเวลาที่อาหารอยู่ในกระเพาะพักจะขึ้นอยู่กับปริมาณของอาหาร (โดยเฉลี่ยประมาณ 4-6 ชั่วโมง) จากนั้นอาหารจะเคลื่อนที่สู่กระเพาะแท้ (proventriculus) เพื่อทำการย่อยให้เกิดพลังงานต่อไป
🔬 สาเหตุการเกิดภาวะกระเพาะพักไหม้
ภาวะกระเพาะพักไหม้ เกิดจากการป้อนอาหารที่มีอุณหภูมิสูง (เกิน 40 องศาเซลเซียส) จึงทำให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อของกระเพาะพัก และเกิดอาการผิดปกติแสดงออกมาให้เห็นได้ ภาวะนี้มักพบในนกลูกป้อนเนื่องจากเป็นวัยที่ต้องให้อาหารผ่านการป้อนเป็นหลัก จึงมีโอกาสเกิดภาวะนี้ได้มาก แต่ก็สามารถพบในนกโตได้เช่นกันหากมีการป้อนอาหารที่อุณหภูมิสูงเกินไป
⚠️ อาการที่พบ
ช่วงแรกนกอาจไม่แสดงอาการใดๆ แต่หากมีความรุนแรงมากขึ้น อาจพบรอยช้ำที่ผิวหนังบริเวณกระเพาะพัก อาหารเคลื่อนตัวผ่านกระเพาะพักช้ากว่าปกติ(นานกว่า 6 ชั่วโมง) ซึม สำรอกอาหาร น้ำหนักลดจากการขาดพลังงาน และมีโอกาสป่วยทางระบบอื่นๆตามมา กรณีรุนแรงมากจนกระเพาะพักทะลุ อาจพบสะเก็ดแผลปกคลุมที่ผิวหนังบริเวณกระเพาะพักที่รั่ว หรือเห็นอาหารรั่วออกมาสู่ภายนอกหลังป้อนอาหาร ซึ่งในบางกรณีอาจใช้เวลาหลายวันกว่าเจ้าของสัตว์จะสังเกตพบการรั่วของอาหาร
🩺 การรักษา
กรณีไม่รุนแรง พิจารณาให้ยากลุ่มต้านการอักเสบและยาปฏิชีวนะตามสมควร ในกรณีที่มีภาวะกระเพาะพักเคลื่อนตัวช้าจะพิจารณาใช้ยากระตุ้นทางเดินอาหารส่วนต้นเพิ่มเติม แต่หากรุนแรงถึงขั้นกระเพาะพักทะลุแล้ว จะพิจารณาศัลยกรรมแก้ไขรูรั่วดังกล่าว การพยากรณ์โรคขึ้นอยู่กับสภาพสัตว์ขณะนั้นรวมถึงความเสียหายของเนื้อเยื่อกระเพาะพักในนกแต่ละตัว
_______________________________________________
#นก #นกลูกป้อน #รักษานก #โรคในนกเลี้ยง
#ภาวะกระเพาะพักไหม้ )
#นกป่วย #ศัลยกรรมในนก #ปัญหาสุขภาพในนก



#โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ

#หมอเอ็กโซติก
🐶🐱🐭🐹🐰🦊🐻🐯🐮🐷🐸🐵🐔🐦🦅🦉🐢🐍🦎
#คลินิกออนไลน์สำหรับสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ
www.epofclinic.com

📝 หญ้าโอ๊ตระยะที่ดีที่สุดสำหรับกระต่ายและสัตว์กินพืชขนาดเล็ก 🐰🌾โดย ผศ.น.สพ.ดร.สมโภชน์ วีระกุล อาจารย์แก้ว โรงพยาบาลสัตว์...
03/08/2024

📝 หญ้าโอ๊ตระยะที่ดีที่สุดสำหรับกระต่ายและสัตว์กินพืชขนาดเล็ก 🐰🌾
โดย ผศ.น.สพ.ดร.สมโภชน์ วีระกุล อาจารย์แก้ว โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ🏨
พวกเรานิยมใช้หญ้าโอ๊ตเลี้ยงกระต่าย แกสบี้ ชินชิลล่ากันไม่น้อย ลองมาอ่านดูว่าหญ้าโอ๊ตเป็นอย่างไร

ต้นข้าวบางทีอาจจะไม่หมาะสมเลย เมื่อนำมาใช้เป็นหญ้าแห้ง เพราะต้นที่พ้นระยะเก็บเกี่ยวเมล็ดไปแล้ว จะกลายเป็นฟางข้าวที่แก่เกินไป และจะให้แต่เปลือกไม้ที่มีระดับของเยื่อใยชนิดย่อยไม่ได้สูงเกินไป ได้แก่ ลิกนิน และเซลลูโลส กระต่ายจะขาดเยื่อใยชนิดที่จะนำไปใช้หมักเป็นพลังงานหรือชนิดย่อยได้ จะผอมและถ่ายมูลแข็งใหญ่และมากผิดปกติ และยังพบว่าฟางข้าวจะมีความเป็นด่างมากเกินไป อาจทำให้ระดับกรด-ด่างในทางเดินอาหารเปลี่ยนแปลง แต่พบว่ามีการนำต้นข้าวโอ๊ตมาใช้ประโยชน์เป็นหญ้าแห้ง ซึ่งต้องมีการจัดการแปลงหญ้าที่ดี โดยเลือกระยะในการตัดที่เหมาะสมเพื่อจะให้ได้หญ้าที่เหมาะสำหรับการไปเลี้ยงสัตว์ช่วงวัยเด็ก นั่นหมายถึงคุณค่าอาหารต้องดีเยี่ยมต่อการเจริญเติบโต
ระยะที่เหมาะสมที่สุดในการตัดนำมาใช้ คือ ช่วงเริ่มออกดอกและได้ผลอ่อน หรือมีการสะสมแป้ง เรียกว่า ระยะน้ำนมระยะแรก (early milk stage) เมื่อทำการบีบที่ยอดดอกจะพบน้ำข้าวไหลออกมา บางทีก็เรียกว่า watery-ripe stage ถ้าเลยระยะนี้ไปพบว่าคุณค่าของหญ้าจะลดลงอย่างรวดเร็ว ระยะการตัดจึงพลาดไม่ได้ บางแหล่ง เช่น ออสเตรเลียจะพิจารณาตัดก่อนช่วงระยะน้ำนมด้วยซ้ำ เพื่อไม่ให้เลยช่วงที่เหมาะสม จะต่างจากหญ้าชนิดอื่นๆ ที่จะอยู่ในช่วงเจริญเติบโตทางลำต้นและใบในช่วง mid-bud ก่อนการออกดอก (vegetative stage) แต่หากปล่อยจนข้าวแก่แล้ว ตัวลำต้นและก้านใบจะมีคุณค่าต่ำลงอย่างมาก
ข้อดีของหญ้าโอ๊ตจึงแตกต่างจากหญ้าชนิดอื่น คือการให้พลังงานจากระยะน้ำนมของข้าว มักนิยมผสมกับอัลฟัลฟ่าเพื่อเพิ่มระบบโปรตีนในอาหารสำหรับเลี้ยงลูกสัตว์และแม่ และยังให้ระดับเยื่อใยอาหารกลุ่มย่อยไม่ได้ (indigestible fibers) สูงกว่าหญ้าทิโมธี เพราะระยะการตัดแก่กว่าทิโมธี จึงช่วยกระตุ้นการขับถ่ายเม็ดมูลใหญ่ขึ้น นอกจากนี้เปลือกไม่ที่แก่กว่านี้จะมีซิลิกาอยู่มาก จึงช่วยในการขัดฟัน
แม้ว่าระดับโปรตีนจะอยู่ในระดับ 6-9% สำหรับหญ้าโอ๊ตระดับพรีเมียม ซึ่งต่ำกว่าหญ้าทิโมธีระดับมาตรฐาน แต่เพิ่มคุณค่าด้วยการใช้ร่วมกับอัลฟัลฟ่าได้ หญ้าโอ๊ตยังให้ระดับวิตามินเอสูงกว่าหญ้าชนิดต่างๆ อันนี้สำคัญ เพราะสัตว์กินพืชทุกชนิตเสี่ยงต่อการขาดวิตามิน
ข้อดีอีกประการที่หญ้าโอ๊ตได้เปรียบ คือ การเก็บเกี่ยวในระยะนํ้ำนมช่วงแรกนี้ จะทำให้หญ้ามีความหอมและรสชาติดี เป็นที่ถูกใจของสัตว์หญ้าโอ๊ตจากออสเตรเลียจะได้รับความนิยมสูง เพราะจริงจังกับระยะของการตัดหญ้าให้ได้คุณค่าสูงสุดจริงจัง ประเทศที่นำเข้าจากออสเตรเลียมากที่สุดแห่งหนึงคือ ญี่ปุ่น
สัตวแพทย์มักแนะนำให้ใช้หญ้าโอ๊ตในกระต่ายที่พบการสึกของฟันไม่เหมาะสมในระยะแรก จะลดการเกิดฟันยาวผิดปกติ จึงช่วยไม่ให้เกิดความรุนแรงในระยะถัดไป
🐶🐱🐭🐹🐰🦊🐻🐯🐮🐷🐸🐵🐔🐦🦅🦉🐢🐍🦎
#คลินิกออนไลน์สำหรับสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ
www.epofclinic.com...............................................................................
#กระต่าย #แกสบี้ #ชินชิลล่า #สัตว์กินพืชขนาดเล็ก
#หญ้าโอ๊ตสำหรับกระต่าย #ปัญหาสุขภาพในกระต่าย
#แรนดอล์ฟเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านอาหารสัตว์กินพืช
#หญ้าโอ๊ตแรนดอล์ฟนำเข้าจากออสเตรเลีย

#โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ #โรงพยาบาลสัตว์ExoticPet
#รักษาสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ

📝 ถาม - ตอบ ปัญหาสุขภาพสัตว์เลี้ยง 🏨โดย ผศ.น.สพ.ดร. สมโภชน์ วีระกุล (อาจารย์แก้ว) โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ👩‍💻 ถาม : เบียร์ดด...
25/07/2024

📝 ถาม - ตอบ ปัญหาสุขภาพสัตว์เลี้ยง 🏨
โดย ผศ.น.สพ.ดร. สมโภชน์ วีระกุล (อาจารย์แก้ว) โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ
👩‍💻 ถาม : เบียร์ดดราก้อนไม่กินอาหาร
น่าจะเกิดจากสาเหตุอะไร และควรแก่ไขอย่างไรดีครับ
👨‍💻 ตอบ : เบียร์ดดราก้อนที่ไม่กินอาหาร ที่พบบ่อยสุด เมื่อทำการเอกซเรย์มักจะพบทางเดินอาหารขยายตั้งแต่กระเพาะอาหารจนไปถึงสำไส้ครับ เกิดได้ทั้งจากสำไส้อักเสบโดยตรง และการติดเชื้อทั่วร่างกายจากระบบอื่นๆ ต้องทำการตรวจครับ เพราะประเมินก่อนว่าเป็นเพราะสาเหตุใด การเอกซเรย์จะช่วยประเมินว่าเป็นการสะสมของแก๊สหรือไม่ ซึ่งพบบ่อย แต่ที่พบอีก เช่น ก้อนเนื้อ ท้องมาน ท้องผูก เนื่องจากท้องอืด มักจะพบการอุดกั้นของมูลที่
สำไส้ใหญ่ และส่วนอื่นสะสมแก๊สเป็นจำนวนมาก บางรายเกิดการอักเสบจะพบการหนาตัวเพิ่มได้เมื่อเกิดเรื้อรัง
ปัญหาของบางตัวมักจะมาจากการกินหนอนนก หรือแมลงอย่างเดียว เป็นสาเหตุโน้มนำให้เกิดโรคทางเดินอาหาร แม้ว่าเปลือกแมลงจะช่วยกระตุ้นการขับถ่ายได้ดี แต่เมื่อนานเข้าจะเกิดสำไส้อืดและอักเสบ จะไม่เกิดทันทีแต่จะค่อยๆ ปรากฏในภายหลัง และมักพบร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น อ่อนแอ อ้วน กระดูกบางหรือคด เป็นต้น
นอกจากนี้ยังเกิดจากการติดเชื้อโดยตรง ทั้งโปรโตซัว แม้กระทั่งการติดเชื้อพยาธิจำนวนมากก็พบได้ แต่พบเป็นสาเหตุได้น้อยครับ
🐶🐱🐭🐹🐰🦊🐻🐯🐮🐷🐸🐵🐔🐦🦅🦉🐢🐍🦎
#คลินิกออนไลน์สำหรับสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ
www.epofclinic.com...............................................................................
#เบียร์ดดราก้อน #กิ้งก่า
#เบียร์ดดราก้อนไม่กินอาหาร #เบียร์ดดราก้อนป่วย
#รักษาเบียร์ดดราก้อน #ปัญหาสุขภาพในเบียร์ดดราก้อน
#โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ #โรงพยาบาลสัตว์ExoticPet #รักษาสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ

📝  บทความวิชาการ VETREC VET ACADEMY 🏨✨       “ภาวะเลือดเป็นกรดในกระต่ายแบบมีการผลิตสารอินทรีย์สูง จากภาวะลำไส้อืด และผลข...
13/07/2024

📝 บทความวิชาการ VETREC VET ACADEMY 🏨✨
“ภาวะเลือดเป็นกรดในกระต่ายแบบมีการผลิตสารอินทรีย์สูง จากภาวะลำไส้อืด และผลของอาร์จีนีนช่วยลดได้อย่างไร?” 🐰
โดย ผศ.น.สพ.ดร.สมโภชน์ วีระกุล (อาจารย์แก้ว) โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ 👨‍⚕️
เรื่องนี้อาจจะยาว และเหมาะกับสัตวแพทย์ที่ต้องการทราบและเข้าใจลึกซึ้ง ตามแนวทางของผู้ปฏิบัติในทางคลินิกจริง แต่การนำเสนอในบทความนี้จะยังเป็นแบบสรุปย่อให้จบในไม่กี่หน้ากระดาษ จากที่ควรเป็นเอกสารจำนวนนับสิบหน้า ยังเป็นประโยชน์สำหรับผู้เลี้ยงที่สามารถทำความเข้าใจเบื้องต้น หากสงสัยสามารถสอบถามสัตวแพทย์ใกล้บ้านต่อไปได้
โรคลำไส้อืดหรือทางเดินอาหารเคลื่อนตัวช้าในกะต่ายเป็นโรคที่ทำให้อัตราการตายสูงที่สุด และพบได้มากถึงร้อยละ 27.4 และเกิดจากโรคลำไส้อืดถึงร้อยละ 44.6 จากการศึกษาในภายหลังพบว่าโอกาสเสี่ยงที่จะพบการติดเชื้อแทรกซ้อนจากภาวะเสียสมดุลจุลินทรีย์และทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตมีสูง และเพิ่มอัตราการตายในกลุ่มที่ไม่ได้ใช้ยาปฏิชีวนะช่วย มากถึงร้อยละ 70 ทำให้ต้องใช้ยาปฏิชีวนะร่วมเพื่อช่วยลดอัตราการตาย อย่างไรก็ตาม ยังมีแนวทางอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาร่วมเพื่อทำให้การรักษามีอัตราความสำเร็จมากขึ้น เป็นที่ประจักษ์ในเชิงหลักฐานว่า กระต่ายที่ป่วยด้วยโรคนี้ส่วนใหญ่มีสาเหตุมากจากการได้รับสัดส่วนของหญ้า อาหารข้น และของกินเล่นที่ไม่เหมาะสม เมื่ออาหารที่มีสัดส่วนของเยื่อใยย่อยได้สูง ซึ่งมาจากผัก ผลไม้ ธัญพืชหรืออาหารข้น และแป้ง จะเกิดการหมักที่มากตามไปด้วย หากในปริมาณที่เหมาะสมจะเกิดการพัฒนาต่อสุขภาพไปในทางที่ดี สามารถเสริมสร้างกล้ามเนื้อและบุคลิกภาพทั่วไป แต่หากให้ในปริมาณมากจะก่อให้เกิดผลเสีย โดยจะทำให้เกิดการพัฒนาของแบคทีเรียแลคติก (lactic bacteria) ที่มากเกินไป ซึ่งเดิมทีทำหน้าที่เป็นปกติและสร้างกรดแลคติกออกมาในระดับที่พอดี เมื่อทางเดินอาหารมีอาหารเหล่านี้ จะเกิดการสร้างกรดแลคติกปริมาณมาก จึงส่งผลในระดับกรดและด่างในทางเดินอาหารลดลง และเป็นภาวะกรดเกิน นอกจากนี้ยังส่งผลให้เกิดการใช้โซเดียมไบคาร์บอเนตที่อยู่ในมูกเพิ่มขึ้นเพื่อบัฟเฟอร์ภาวะกรดนั้น โดยการหลังจากต่อมมูกและผลิตเพิ่มจากส่วนเวอมิฟอร์มแอพเพนดิกซ์ของกระเพาะหมัก ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้กรดไปทำอันตรายต่อผนังทางเดินอาหาร จึงพบมูกมากในภาวะกรดและสัมพันธ์กับการได้รับอาหารไม่เหมาะสม และจะพบการขับถ่ายเป็นมีมูกปนตามมาได้
สภาวะที่เกิดขึ้นในร่างกายจะเลวร้ายตามมา เนื่องจากกลายเป็นภาวะกรดเกินในร่างกายหรือเลือดเป็นกรด (acidosis) แม้ว่าร่างกายจะมีกระบวนการปรับตัวมากมายเพื่อสะเทินความเป็นกรดนี้ ทั้งในเลือดเอง การหายใจ และไต แต่เรามักจะลืมว่าแท้จริงทุกส่วนในร่างกายมีความสามารถในการเปลี่ยนกรดได้ ขึ้นอยู่กับภาวะกรดนั้นเกิดจากอะไร อย่างไรก็ตาม เมื่อทำการตรวจเลือดจึงจะพบเป็นภาวะปกติอยู่เสมอ ในตัวป่วยที่พบว่าเกิดภาวะกรดเกินหรือเลือดเป็นกรดแล้วจึงมักบ่งชี้ความรุนแรง และการแก้ไขปัญหายังไม่ถูกทาง หรือยังอยู่ระหว่งการปรับตัวของร่างกาย ซึ่งต้องประเมินจากอาการอื่นๆประกอบ การรักษายังต้องมีเงื่อนไขให้คิดและติดตามให้ทันอาการ แต่หากยังมีการใช้อาหารที่ผิดอย่างต่อเนื่อง โอกาสในการหายจะไม่เกิดขึ้นในขณะที่เจ็บปวดและเสี่ยงอันตราย นอกจากนี้ยังสามารถประเมินและพยากรณ์ได้ล่วงหน้าถือว่าฮีสตามีนที่จะสูงขึ้น และอัตราการตายที่เพิ่มขึ้น
ในสัตว์กินพืชการเกิดเลือดเป็นกรดมักจะเป็นแบบอินทรีย์ หรือภาวะที่เกิดจากการสร้างกรดอินทรีย์ขึ้นมาในร่างกายมากเกินไป ในกระต่ายพบว่าตัวปัญหาหลักมาจากโรคลำไส้อืดและเสียสมดุลของจุลินทรีย์ ที่มักร่วมกับการได้รับอาหารไม่เหมาะสม เกิดการหมักมากเกินไปกว่าธรรชาติ จึงผลิตกรดแลคติกจำนวนมาก ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น และยังสัมพันธ์กับการสร้างกรดไขมันระเหยง่ายตามมาจำนวนมาก และสี่ยงต่อการเกิดภาวะคีโตนในเลือดสูง ซึ่งจะเกิดเป็น lactic acidosis สัตวแพทย์จึงควรตระหนักในกระบวนการทางพยาธิสรีรวิทยานี้ให้มากขึ้น เพราะสัมพันธ์กับแนวทางการแก้ไขปัญหา
ในขั้นตอนการรักษาจึงนิยมทำการประเมิน anion gap เสมอ เพื่อคำนวณขนาดของการใช้โซเดียมไบคาร์บอเนตในรายที่พบว่าเป็น high anion gap ซึงมักจะสัมพันธ์กับค่าโซเดียมไบคาร์บที่ต่ำ ขณะกรดแลคติกสูง อย่างไรก็ตามการประเมินค่าพารามิเตอร์นี้ร่วมกับอาการทางคลินิที่เกิดขึ้นปัจจุบัน จำเป็นมากสำหรับการรักษาที่เหมาสมตามสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วและกำลังจะเกิดขึ้น เช่น หากพบมีการขับถ่ายของกระต่ายแล้ว แม้ว่าค่าโซดียมไบคาร์บยังคงลลง แต่ค่า anion gap ปกติ จะเป็นสัญญาณที่ดี โดยอาจไม่จำเป็นต้องใช้โซเดียมไบคาร์บในการรักษาทางเสนเลือดหรือกินก็ตาม ทั้งนี้ยังสัมพันธ์กับการปรับเปลี่ยนอาหารให้เหมาะสม ทั้งหมดจะอยู่ในรูปการประเมินและแก้ไขแบบ clinical approach algorithm ของระบบทางเดินอาหาร
การปรับตัวจากภาวะเลือดเป็นกรด และทางเดินอาหารเป็นกรดในกระต่าย เป็นอย่างไร?
เมื่อมีกรดแลคติกจำนวนมาก ประการแรกจะมีการสร้างมูก ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นเพื่อลดอันตรายต่อทางเดินอาหาร และปรับได้เป็นคาร์บอได้ออกไซด์ ไปสู่ระบบหายใจและไตต่อไป ในขณะที่กรดแลคติกเอง และกรดไขมันระเหยง่ายที่ได้จากกระบวนการหมักและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีโดยอาศัยจุลินทรีย์ในทางเดินอาหารช่วยหมัก จะถูกดูดซึมผ่านทางเดินอาหารเข้าสู่กระแสเลือด และจำนวนหนึ่งนำไปสู่ตับเพื่อเข้ากระบวนการใช้พลังงาน ทั้งจากการเปลี่ยนเป็นไพรูเวต และเป็นกรดไขมันที่ใช้ได้เลย ซึ่งต้องอาศัยกระบวนการที่พึ่งพาออกซิเจน และเกิดขึ้นที่ไมโทคอนเดรีย ขั้นตอนนี้สำคัญที่ควรได้รับการทำความเข้าใจ กรดและกรดไขมันเหล่านี้จึงเปลี่ยนรูปโครงสร้างไป ได้เป็นพลังงาน และสิ่งหนึ่งที่ได้กลับมาด้วยคือโซเดียมไบคาร์บอเนต กลับคืนสู่ร่างกายผ่านเลือด และวนกลับมาให้เกิดภาวะสมดุลของกรดและด่างในร่างกาย จึงเห็นได้ว่ากรดแลคติกในร่างกายจะถูกนำไปใช้และท้ายสุด ร่างกายจะทำหน้าที่ปรับสมดุล สัตวแพทย์จึงดูจากค่าพารามิเตอร์จากเลือดลำพังไม่ได้ ต้องดูจากอาการทางคลินิกและแนวทางการแก้ไขที่ถูกทางประกอบ รู้ทันและประเมินได้ ทั้งนี้การแก้ไขบางอย่างลงไปจะมีผลทำให้การปรับสมดุลถูกรบกวนได้นั่นเอง
แนวทางการแก้ไขเลือดเป็นกรดร่วมกับแนวทางการรักษาภาวะลำไส้อืด
การใช้ออกซิเจนช่วย นั่นหมายถึงการเพิ่มออกซิเจนในกระแสเลือด หรือการมีความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดเป็นปกติจึงต้องประเมิน การให้สารน้ำในภาวะช็อคหรือแห้งน้ำจึงเป็นส่วนสำคัญเพื่อให้การไหลเวียนเลือดเป็นปกติ แม้กระทั่งการเพิ่มออกซิเจนในบรรยากาศในบางราย เพื่อให้ร่างกายใช้พลังงานแบบมีออกซิเจน หากไปเป็นการใช้พลังงานผ่านไกลโคไลสิส (glycolysis) ซึ่งเป็นการใช้พลังงานแบบไม่ต้องการออกซิเจน จะไปซ้ำเติมภาวะเลือดเป็นกรดมากขึ้น นอกจากการแก้ไขทางเส้นเลือด การได้รับอาหารและน้ำตามปกติในกระต่ายที่มีอาการแบบอ่อนหรือยังกินได้ ยังสามารถทำได้ การแก้ไขอาหารก็สำคัญ โดยขั้นตอนแรกต้องระงับอาหารที่ไม่เหมาะสม ซึ่งมักเป็นแป้ง อาหารข้น หรือสัดส่วนการให้ไม่เหมาะสม ซึ่งในการรักษาส่วนใหญ่สัตวแพทย์จะระงับการใช้และหันมาใช้อาหารกลุ่มฟื้นฟูในกระต่ายแทน ที่นิยมมักจะเลือกกลุ่มที่เยื่อใยอาหารสูงที่พบเป็นส่วนใหญ่ในคลินิก เพื่อกระตุ้นการขับถ่ายให้ดีขึ้น ซึ่งไปมีผลในการลดกรดในทางเดินอาหารที่เป็นสาเหตุทั้งหมดที่ทำให้เลือดเป็นกรด หากเกิดการขับถ่ายจะทำให้แนวโน้มของภาวะกรด และอาการปวดเสียดช่องท้องดีขึ้นเกือบจะทันที แต่ยังไม่เพียงพอหากต้องการหาตัวที่ดีที่สุดในการแก้ไขภาวะเหล่านี้ ซึ่งสัตวแพทย์จำนวนไม่น้อยที่ไม่ค่อยเข้าใจกลไกเหล่านี้ ทั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งหากนำไปใช้เป็น การขับถ่ายจะเป็นตัวหลักในการหาย แต่การรักษาที่จะช่วยได้ก่อนในทันทีก่อนจะมีการขับถ่ายกลับป็นตัวช่วยลดอัตราการตายได้ เช่น การใช้โพรไบโอติกส์กลุ่มยีสต์ และไม่ควรจะเป็นกลุ่มแบคทีเรียแลคติกในระยะแรก เว้นแต่ใช้ร่วมกัน โดยยีสต์มีขนาดใหญ่และใช้อาหารปริมาณมาก รวมทั้งสามารถใช้กรดแลคติกได้ จึงไปลดปริมาณกรดแลคติกในทางเดินอาหารได้ดีกว่า นั่นเป็นอีกทางหนึ่งที่ไปช่วยลดการสร้างกรดและลดผลผลิตที่เป็นกรดในทางเดินอาหา ส่งผลให้ลดความเสี่ยงภาวะเลือดเป็นกรดจากภาวะกรดเกินได้ในเวลาที่ไม่นาน การลดลงของกรดในทางเดินอาหารนี้จะช่วยลดความเจ็บปวดในช่องท้อง แม้ว่าโพรไบโอติกส์กลุ่มยีสต์จะไม่ใช่ยา แต่มีอิทธิพลมากในกลุ่มสัตว์กินพืชในการเป็น multimodal pain management ทั้งนี้จะยังมีสารอีกหลายชนิดที่พบในอาหารฟื้นฟูบางยี่ห้อ ที่เป็นสารอัลคาลอยด์ลดความเจ็บปวดได้ ซึ่งจะไม่ได้กล่าวในบทความนี้ แต่เกริ่นเบื้องต้นได้ว่า อาหารฟื้นฟูเหล่านี้จะช่วยลดการใช้ยากลุ่มโอปิออยด์ (opioids) ในรูปฉีดหรือกิน หรือการใช้ยาลดปวดลดอักเสบกลุ่มไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ที่มีผลข้างเคียงได้เป็นอย่างดี
ในตัวที่มีความร้ายแรงที่ยังพบภาวะกรดแลคติกปริมาณสูงมีความเสี่ยงต่อการใช้พลังงานมาก เพราะภาวะเลือดเป็นกรดจะยับยั้งการใช้พลังงานหรือ Na-K pump ด้วย จึงมักอ่อนเพลีย และซึมมาก การเพิ่มการไหลเวียนเลือดจึงมีความสำคัญในลำดับต่อมา การแก้ไขสารน้ำ และการแก้ไขสมดุลกรดด่างในเลือดจึงสำคัญในภาวะฉุกเฉิน เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายใช้ออกซิเจน และกลับเข้าสู่ภาวะสร้างพลังงานแบบใช้ออกซิเจน จะไปลดปัญหาการเกิดกรดในเลือดได้มากขึ้น และการเกิดเสียสมดุลอิเลกโทรไลต์ โดยเฉพาะโพแทสเซียม และอาหารฟื้นฟูเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยได้เป็นอย่างมาก เช่นกันที่สัตวแพทย์จำนวนไม่น้อยไม่ทราบกลไกเหล่านี้ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศได้เริ่มมีการใช้สัดส่วนของสารตัวนี้เพิ่มขึ้น นั่นคือ กรดอะมิโนอาร์จีนีน (arginine) ตัวนี้จะไปกระตุ้นการหลั่งไนตริกออกไซด์ ซึ่งปกติมีการหลั่งเพื่อปรับสมดุลในร่างกายอยู่แล้ว จากเซลล์ในร่างกาย เช่น Tumor necrotic factors เซลล์เม็ดเลือดขาว หรืออินเตอร์ลิวคิน เมื่อให้อาร์จีนีนจะไปกระตุ้นไนตริกออกไซด์ได้มากขึ้น มีอิทธิพลทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว ทำให้การไหลเวียนสะดวกขึ้นเป็นการเพิ่มการถ่ายเทออกซิเจน จึงไปลดกรดแลคติกได้มากขึ้นผ่านกระบวนการสันดาปพลังงานที่ไมโทคอนเดรียนั่นเอง (Kreb’s cycle) การเลือกใช้อาร์จีนีนร่วมในการรักษาจึงไม่ใช่เพียงโรคลำไส้อืดเท่านั้น แต่ยังพบใช้ร่วม (alternative) ในการรักษาโรคติดเชื้อ ภาวะเลือดเป็นกรดจากสาเหตุอื่นๆ ภาวะเครียด ภาวะกล้ามเนื้ออักเสบ โดยเป้าหมายคือการเพิ่มโอกาสในการไหลเวียนออกซิเจนสู่เซลล์ นอกจากอาร์จีนีนแล้วยังมีกรดอะมิโนชนิดอื่นๆ ที่ทำหน้าที่คล้ายกัน แม้ว่าตัวสำคัญที่สุดและได้ผลจะยังเป็นอาร์จีนีน เช่น branch chain amino acids (BCAA) ซึ่งมักจะผสมลงในอาหารโดยตรงหรือผ่านการใช้โปรตีนในรูปไฮโดรไลซ์ที่ดูดซึมได้ง่ายขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่ให้สารเหล่านี้ที่พบในประเทศไทย มีเพียงยี่ห้อ EmerAid Herbivore และ VETREC Herbivore Weight and Health Booster ที่มีอาร์จีนีนอยู่ ทั้งนี้ยังไม่รวมสรรพคุณที่น่าสนใจ ที่สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาความเจ็บป่วยได้มากกว่าอาหารที่มีเฉพาะเยื่อใยอาหารสูงในกลุ่มรุ่นริเริ่มที่คุ้นเคยกันมายาวนาน
สรุปว่า ในการลดกรดทั้งในเลือดและทางเดินอาหารโดยใช้แนวทางอื่นร่วมกับการใช้ยา ได้แก่ การระงับอาหารที่เสี่ยง เลือกใช้ยีสต์ช่วยในการลดกรด และเลือกใช้อาร์จีนีนในการเพิ่มออกซิเจน เลือดเป็นกรดเป็นภาวะอันตรายและเป็นวงจรที่รบกวนสมดุลในร่างกาย ทั้งพลังงาน อิเลกโทรไลต์ กรดและด่าง สุดท้ายมีผลทำให้ตายได้ การแก้ไขปัญหาจึงควรมีความละเอียด ติดตาม ประเมินผลได้ และเลือกใช้แนวทางการรักษาหลายวิธี จะทำให้ประสบความสำเร็จในการรักษาได้ชัดเจนและเพิ่มขึ้น
🐶🐱🐭🐹🐰🦊🐻🐯🐮🐷🐸🐵🐔🐦🦅🦉🐢🐍🦎
#คลินิกออนไลน์สำหรับสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ
www.epofclinic.com...............................................................................
#กระต่าย #ภาวะลำไส้อืดในกระต่าย
#ภาวะเลือดเป็นกรดในกระต่าย
#อาร์จีนีน #การรักษา #ปัญหาสุขภาพในกระต่าย
#หมอเอกโซติก

#โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ #โรงพยาบาลสัตว์ExoticPet
#รักษาสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ

📝 โรคฝีรากฟันในกระต่าย 🐰🦷โดย สพ.ญ. จุฑาทิพย์ ประทุมมัง (หมอตันหยง) โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ 🏨       กระต่ายเป็นสัตว์ที่ฟันสา...
11/07/2024

📝 โรคฝีรากฟันในกระต่าย 🐰🦷
โดย สพ.ญ. จุฑาทิพย์ ประทุมมัง (หมอตันหยง) โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ 🏨
กระต่ายเป็นสัตว์ที่ฟันสามารถงอกยาวตลอดชีวิต ดังนั้นกระต่ายจึงจำเป็นต้องกินหญ้าแห้งเป็นอาหารหลัก เพื่อช่วยให้เกิดการสึกของฟัน ลดโอกาสการเกิดฟันงอกยาวผิดปกติ โดยในกระต่ายที่กินอาหารที่มีเยื่อใยน้อย ไม่ชอบกินหญ้า จะทำให้การสึกของฟันไม่สมดุล เกิดการงอกยาวและการสบของฟันผิดปกติ (Malocclusion) ตามมา โดยฟันจะงอกยาวไปทิ่มลิ้น กระพุ้งแก้ม เกิดเป็นแผล ติดเชื้อ และอักเสบตามมา ส่วนของรากฟันก็งอกยาวผิดปกติได้เช่นกัน โดยรากฟันจะงอกยาวไปทิ่มแทง ระคายเคืองเนื้อเยื่อส่วนที่อยู่รอบๆ ทำให้เนื้อเยื่อมีการอักเสบ และติดเชื้อแทรกซ้อน เกิดเป็นในเวลาต่อมา เรียกว่า ฝีรากฟัน นอกจากนี้รากฟันยังอาจจะงอกยาวไปเบียดท่อน้ำตา ทำให้ท่อน้ำตาตีบตัน หรืออักเสบได้ ซึ่งก่อให้เกิดอาการน้ำตาไหลเยอะตามมา
สาเหตุ
● กรรมพันธุ์ : ความผิดปกติทางโครงสร้างแต่กำเนิด
● การเลี้ยงไม่เหมาะสม : ให้กินแต่อาหารเม็ด ขนม
● อื่นๆ : หญ้าไม่ได้มาตรฐาน อุบัติเหตุต่างๆ เช่น ตกจากที่สูง แทะกรง
อาการ
● จะพบก้อนบวมเป็นก้อนบริเวณแก้ม กราม ใต้คาง เหนือจมูก หรือขอบตา
● น้ำหนักลด
● น้ำลายไหลเยอะ
● น้ำตาไหล
● หายใจติดขัด
การตรวจวินิจฉัย
● การคลำตรวจดูขอบเขตของก้อนฝี
● การส่องตรวจสุขภาพช่องปาก และฟัน
● X-ray ดูโครงสร้างของฟัน และกระดูกกราม เพื่อช่วยประเมินความรุนแรงโรค
การรักษา
การผ่าตัด marsupialization เพื่อเอาหนอง และเนื้อเยื่อผนังของถุงฝีออกให้มากที่สุด และทำการรักษาแบบแผลเปิดต่อจนกว่าจะไม่มีหนอง ร่วมกับการเพาะเชื้อหายาปฏิชีวนะที่ไวต่อเชื้อนั้นๆ ซึ่งกระต่ายจะมีความเจ็บปวดมาก จำเป็นต้องให้ยาลดปวด ลดอักเสบ ควบคู่ไปด้วย ซึ่งต้องให้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน
แนวทางการป้องกัน
การจัดการด้านอาหารและโภชนาการที่เหมาะสมจะช่วยลดการเกิดฝีรากฟัน หรือฟันงอกยาวผิดปกติได้ อาหารหยาบจัดเป็นอาหารหลักของกระต่าย ซึ่งก็คือหญ้า คิดเป็นสัดส่วน 75% ส่วนอาหารเม็ดสามารถให้เสริมได้ แต่ไม่ควรให้เป็นอาหารหลักเพราะมีปริมาณเส้นใยอาหารน้อย นอกจากนี้การเลือกประเภทหญ้าก็มีความสำคัญด้วยเช่นกัน ควรเลือกหญ้าที่มีคุณภาพดี โดยในกระต่ายวัยกำลังเจริญเติบโต อาจเลือกเป็นหญ้าอัลฟาฟ่า เพราะมีคุณค่าทางอาหารค่อนข้างสูง ส่วนในกระต่ายโตเต็มวัย อาจเลือกเป็นหญ้าธิโมธี หรือหญ้าโอ๊ต จะช่วยในการสึกของฟันได้ค่อนข้างดี
_______________________________________________
#กระต่าย #รักษากระต่าย #โรคฝีรากฟันในกระต่าย
#โรคเกี่ยวกับฟันในกระต่าย
#กระต่ายป่วย #การผ่าตัดกระต่าย


#โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ

#หมอเอ็กโซติก

🐶🐱🐭🐹🐰🦊🐻🐯🐮🐷🐸🐵🐔🐦🦅🦉🐢🐍🦎
#คลินิกออนไลน์สำหรับสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ
www.epofclinic.com

📝 ถาม - ตอบ ปัญหาสุขภาพสัตว์เลี้ยง 🏨โดย ผศ.น.สพ.ดร. สมโภชน์ วีระกุล (อาจารย์แก้ว) โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ👩‍💻 ถาม : นกกัดนิ้...
08/07/2024

📝 ถาม - ตอบ ปัญหาสุขภาพสัตว์เลี้ยง 🏨
โดย ผศ.น.สพ.ดร. สมโภชน์ วีระกุล (อาจารย์แก้ว) โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ
👩‍💻 ถาม : นกกัดนิ้วตัวเอง 🦜
นกที่เลี้ยง (ซันคอนัวร์) เขากัดนิ้วตัวเองจนเล็บหายเพราะอะไรคะ ?
👨‍💻 ตอบ : ในนกมีหลายสาเหตุครับ แต่ส่วนใหญ่พฤติกรรมทำร้ายตัวเอง ทั้งกัดเล็บ แทะแผล ก้น หรือขน เป็นปัญหาทางจิตใจ ซึ่งต้องหาปัจจัยให้พบว่าเกิดจากอะไร เช่น เครียดจากเพื่อนร่วมกรงหรือการมีสมาชิกใหม่ การไม่ได้รับการเอาใจใส่ หรือขาดสิ่งส่งเสริมพฤติกรรมตามปกติ รวมทั้งอยู่ในพื้นที่จำกัด และกิจกรรมซ้ำๆเดิมๆทุกวัน ก็จะเริ่มหันมาสนใจตนเองและกัดแทะทั้งตัวเอง แทบจะเป็นปัญหาที่พบได้
ผู้เลี้ยงนกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจึงหาวิธีแก้ไข เราจะเห็นว่ามีการนำเอาเฟอร์นิเจอร์มาใช้ เช่น กระจก กระดิ่ง เชือกให้ปีนป่าย ไม้สำหรับแทะ หรืออุปกรณ์สร้างความเพลิดเพลินและเบี่ยงเบนความสนใจ ซึ่งได้บ้างไม่ได้บ้าง ทั้งนี้ต้องแก้ไขไปทีละจุด จนกว่าจะทราบสาเหตุที่แท้จริงครับ เช่น ขยายขนาดกรง การเพิ่มสิ่งส่งเสริมพฤติกรรม บางที่เรียก enrichment เช่น หาผลไม้ หรือของเล่นที่ไม่เป็นอันตรายมาให้แทะ เจ้าของให้เวลาเล่น ลดความหนาแน่นของประชากร แยกตัวที่เกเร และอีกปัญหาที่แก้ยากคือความเหงา ที่คู่ตาย คู่หาย หรือขาดเพื่อน อันนี้ก็ต้องพยายามหาตัวอื่นมาเทียบครับ
นกที่ป่วยทางจิตใจจะตรวจไม่พบปัญหาทางสุขภาพด้านอื่น แม้ว่าจะมีความพยายามตรวจไทรอยด์กัน แต่การตรวจในไทยก็ตรวจไม่ครบถ้วนและไม่ถูกวิธี แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาหลักของการแทะเล็บหรือทำร้ายตนเอง
อย่างไรก็ตามก็ถือว่าเป็นปัญหาถ้าตรวจพบได้ และนอกจากนี้ตรวจไปที่เล็บโดยตรงว่ามีปัญหาบาดแผล การติดเชื้อภายนอก เชื้อรา หรือแบคทีเรียหรือไม่ ก็รักษาไปโดยตรง หรือใส่คอลลาร์ป้องกันไปซักระยะ บางรายเป็นเพราะโรคจริงๆแต่มองไม่เห็น เช่น การเจ็บปวดภายใน ไม่ว่าจะระบบใดใดก็จะทำให้ไม่สบายตัว จะเป็นปัญหาให้กัดแทะตนเองได้เหมือนกัน อันนี้ก็ต้องตรวจให้รอบคอบเพราะนกเป็นตัวซ่อนอาการ แต่พฤติกรรมดังกล่าวบ่งชี้ว่าผิดปกติ
เริ่มเป็นขั้นตอนตามข้างต้นก็ได้ หรือจะพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจให้มั่นใจว่าไม่ได้มีปัญหาทางสุขภาพสุขภาพอื่นๆจะได้ไปแก้ไขทางจิตใจครับ
🐶🐱🐭🐹🐰🦊🐻🐯🐮🐷🐸🐵🐔🐦🦅🦉🐢🐍🦎
#คลินิกออนไลน์สำหรับสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ
www.epofclinic.com...............................................................................
#นกแก้ว #ซันคอนัวร์ #นกกัดนิ้วตัวเอง #พฤติกรรมนกแก้ว #ปัญหาทางจิตใจในนก
#รักษานกแก้ว #วิธีดูแลนกแก้ว #ปัญหาสุขภาพในนกซันคอนัวร์
#โรงพยาบาลสัตว์ขวัญคำ #โรงพยาบาลสัตว์ExoticPet #รักษาสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ

ที่อยู่

91/9-10 Vacharaphol Road
Bangkok
10220

เบอร์โทรศัพท์

02-948-7727

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Vet CAAREผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Vet CAARE:

แชร์

ประเภท

ตำแหน่งใกล้เคียง ร้านค้าสัตว์เลี้ยงและบริการสัตว์เลี้ยง


สัตวแพทย์ อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด