โรงพยาบาลสัตว์เพ็ทอีส PETiS Animal Hospital

โรงพยาบาลสัตว์เพ็ทอีส PETiS Animal Hospital PETiS มีความตั้งใจจะดูแลหัวใจดวงน้อยๆด้วยความรัก

PETiS ให้บริการรักษาสุนัขและแมวด้านอายุรกรรมและศัลยกรรม เราให้บริการตรวจเลือดและปัสสาวะ เอกซเรย์ดิจิตัลและอัลตราซาวด์ และมีที่พักสำหรับสัตว์ป่วยเพื่อพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย สุขกายสบายใจ

ขี้แตกเมื่อไหร่ ต้องไม่ลืมนาง Cryptosporidiosis ว่ากันว่า หากพูดถึง cryptosporosis ที่เกิดได้จากนกเป็นพาหะ และคุณเคยอ่าน...
22/06/2025

ขี้แตกเมื่อไหร่ ต้องไม่ลืมนาง Cryptosporidiosis

ว่ากันว่า หากพูดถึง cryptosporosis ที่เกิดได้จากนกเป็นพาหะ และคุณเคยอ่านเพจผม ย่อมรู้จักมันดี แต่มันมีอีกโรค ชื่อคล้ายกันนะคิดว่า คนอาจจะไม่เคยได้ยินกันนัก ใช่แล้วผมกำลังหมายถึง cryptosporidiosis ชื่อยาวกว่าอีกนิด แต่ก็ขึ้นด้วยคริปเหมือนๆกันครับ วันนี้หละผมจะเล่าถึงมันครับ อีเหมียวที่มีโอกาสสูงที่จะได้โรคนี้คือ พวกที่ภูมิคุ้มกันไม่ค่อยจะดีจาก leukemia หรือไม่ก็เป็นแมวเด็ก ไม่ก็พวกแก่ๆไปเลย แต่แมวกลุ่มอื่นๆก็มีสิทธิ์เหมือนกันนะแค่อาจจะน้อยกว่าเท่านั้น ทุกคนเท่าเทียมและทำให้ถึงกับตายเลยนะ และเคยมีการเก็บข้อมูลมาจากในต่างประเทศนะ แมวมากกว่า15% เคยติดเชื้อนี้มาก่อน นี่หละเป็นเหตุให้ผมเอามาเขียนในวันนี้ แต่แปลกไหมอีปรสิตชนิดนี้หายเองได้ด้วยแหะเอากับเขาดิแต่เหตุผลที่ทำให้แมวตายได้เพราะมันจะทำให้ขี้แตกรุนแรงทีเดียวและเสียน้ำอย่างมาก งั้นเราเริ่มมาเรียนรู้ถึงปรสิตตัวนี้กัน
Cryptosporidia เป็นชนิด Protozoa ชื่อ Cryptosporidium felis ที่จะติดเข้าไปในผนังลำไส้ของ host ซึ้ง host ก็มีทั้งสัตว์หลายชนิดรวมถึงพวกเราด้วยนะ ซึ่งเชื้อนี้จะถูกปกป้องด้วยเปลือกที่เรียกว่า Oocyst ซึ่งผ่านออกจากร่างกาย host หรือเหยื่อดีกว่าเนอะเพราะดี เออผ่านออกมาจากเหยื่อทางอึ แล้วไอ้oocyst ที่ว่า ดันอยู่ได้นานในสิ่งแวดล้อมนอกตัวเหยื่อของมัน และเมื่อเหยื่อรายใหม่บังเอิญ กินขี้ กินน้ำที่ปนอีoocyst เข้าไป คุณได้สิทธิ์นั้นทันทีเข้าใจตรงกันนะครับ

อาการของโรคนี้ในแมวมีอาการอะไรบ้างที่ต้องสังเกต ซึ่งมันจะคล้ายๆกับ Protozoa อื่นๆทั่วไป อาการหลักๆดังนี้
* Severe diarrhea หรือขี้แตกรุนแรง
* ปวดเกร็งท้อง
* คลื่นไส้
* อาเจียน
* ไข้อาจจะมีได้
* ขาดน้ำและอ่อนแรง(lethargy)
* เบื่ออาหาร
* น้ำหนักลด
* อาจจะพบขี้จนรอบตูดแดงอักเสบไปหมด

สาเหตุของการเกิดโรคนี้มาจากอะไรไม่ได้เลย นอกจากไปติดไปรับเชื้อนี้ทั้งบังเอิญกิน หรือตั้งใจกินขี้ของตัวที่ป่วยอยู่ หรืออีตัวป่วยเกิดไปอึใส่แหล่งน้ำ แล้วหมาแมวคุณ คงไม่รวมถึงตัวคุณนะ ไปกินน้ำเหล่านั้น ก็เสร็จนาง โดยเชื้อจะเข้าไปในmicrovilli ของลำไส้เล็กแล้วพัฒนาเข้าวงจรของมันคล้ายๆกับเชื้อ Isospora (ไว้จะเล่าให้ฟัง) ส่วนในคนที่ภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดี เชื้ออาจจะเข้าไปในลำไส้ใหญ่ทางเดินหายใจ ท่อน้ำดี ท่อตับอ่อนได้นะ หนักกว่าอีเหมียวอีก

การวินิจฉัยจริงๆทำได้เหมือนจะง่าย แต่ไม่ได้ง่ายเหมือนดังผมพูด เพราะรูปร่างของเชื้อดูยาก คล้ายหลายอย่าง อาจจะทำให้คุณหมอคลาดเคลื่อนได้ แต่ยาก ก็ไม่ได้แปลว่าทำไม่ได้ใช่ไหม ดังนั้นการวินิจฉัยต้องเป็นหน้าที่ของเราทั้งสองฝ่าย ดังนี้

* จากอาการและเฝ้าสังเกตอีเหมียวต้องสงสัย
* การตรวจร่างกายแมวอย่างละเอียด
* การตรวจอึ เช่นการเอาอึมาทำ acid-fast stain ก็จะทำให้ oocyst ติดสีแดง หรือจะใช้เทคนิค fluorescent antibody test
* การใช้ PCR เพื่อวินิจฉัย หาเชื้อจากในอึก็สามารถทำได้ แต่ราคาก็แพงนิดหน่อย เอาเหอะมันติดคุณได้ จ่ายไป

การรักษา เนื่องจากเชื้อมันจะหายเอง หรือที่เขาเรียกว่า self limiting ดังนั้นการรักษาจึงเน้นไปที่การ support อาการมากกว่าครับ แล้วจะ support ยังไงใช่ไหม
* เพิ่มปริมาณน้ำเข้าเพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ำครับ นอกจากนี้ การให้อาหารเปียกจะช่วยเพิ่มน้ำให้กับอีเหมียวได้อีกทาง
* หากอีเหมียวขาดน้ำแบบตัวเหี่ยว หนังหัวตั้ง แปลว่า ต้องเปิดเส้นหละ แอดมิทให้น้ำเกลือทางเลือด แก้ไขภาวะ electrolytes imbalance แบบนี้
* ยาปฏิชีวนะพิจารณา Paromomycin แต่ยากลุ่มนี้ใช้ก็ต้องระวังไตหน่อยนะ
* การใช้ tylosin ก็เป็นที่นิยม แต่ในเมืองไทยเท่าที่ผมทราบ มีแต่ยาของหมู ก็ต้องเอามา apply ใช้กันซึ่งยุ่งยากมาก
* Azithromycin ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน โดยโดสที่ใช้ในแมวกับหมาต่างกันนะ 5 to 10 mg/kg BID for 5 to 7 days (dogs); 7 to 15 mg/kg for 5 to 7 days (cats) ตามนี้

การหายของเชื้อนี้จะใช้เวลา ราว 7-14 วันครับ ซึ่งในแมวที่สุขภาพดี ก็จะพยากรณ์โรคได้ดีกว่าแมวง่อยแมวแก่เยอะ และในแมวง่อย อาจจะถึงแก่ชีวิตได้เลย และอีกอย่างที่แซปมากๆเลยคือ เราป้องกันการกระจายของเชื้อยากนะ ยากมาก เพราะมันไม่ตายไงด้วย disinfectant ที่เราใช้ๆกัน ดังนั้นดีที่สุด อย่าเป็นหรือ เอาอีเหมียวของเราอยู่ในบ้านนะ อย่าเร่ร่อนมากนัก และให้อาหารที่สะอาดแน่นอน ไม่ปนเปื้อน รวมถึงน้ำด้วย เปลี่ยนบ่อยๆหน่อยครับ ถุงมือสวมเข้าไปกันไว้ครับ แล้วแมวๆของคุณมีบ้างไหมที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้

by Zuni and Vilar
animal hospital

เรียนลูกค้าทุกท่าน 🐾เนื่องด้วยทางโรงพยาบาลได้รับการร้องเรียนว่า มีสัตว์เลี้ยงของลูกค้าบางท่านไปปัสสาวะบริเวณหน้าอาคารใกล...
20/06/2025

เรียนลูกค้าทุกท่าน 🐾

เนื่องด้วยทางโรงพยาบาลได้รับการร้องเรียนว่า มีสัตว์เลี้ยงของลูกค้าบางท่านไปปัสสาวะบริเวณหน้าอาคารใกล้เคียงกับโรงพยาบาล PETiS 🏢

เพื่อเป็นการรักษาความเรียบร้อยและไม่รบกวนสถานที่โดยรอบ ทางโรงพยาบาลขอความร่วมมือจากท่านเจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกท่าน โปรดนำสัตว์เลี้ยงขับถ่ายเฉพาะบริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลเท่านั้น 🚫🚶‍♂️ และ หลีกเลี่ยงการเดินผ่านหรือขับถ่ายบริเวณหน้าอาคารข้างเคียง

ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลได้จัดเตรียมชุดอุปกรณ์ทำความสะอาดไว้ให้บริการบริเวณด้านหน้าอาคาร 🧼🧻 ได้แก่ ถุงเก็บอุจจาระ กระดาษเปียก และกระดาษแห้ง เพื่อให้ท่านสามารถดูแลความสะอาดหลังสัตว์เลี้ยงขับถ่ายได้อย่างสะดวก

โรงพยาบาล PETiS 🐶🐱 ไม่เพียงแค่เป็นมิตรกับสัตว์และสิ่งแวดล้อมเท่านั้น 🌿 แต่เรายังอยากเป็นเพื่อนบ้านที่ดีด้วยนะคะ 🏘️💙

ขอขอบพระคุณในความร่วมมือและความใส่ใจจากทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ 🙏
เพื่อสุขอนามัยและความพึงพอใจของผู้ใช้บริการทุกคนค่ะ

-----------------------------------------------------1

Dear Valued Clients 🐾
Please let your pets relieve themselves only in front of PETiS 🚫 and avoid nearby buildings 🏢.

Cleaning supplies (waste bags, wet & dry tissues) are available for your convenience 🧻✨

At PETiS, we’re not only pet-friendly 🐶—we want to be good neighbors too 🏘️
Thank you for your cooperation 🙏💙

11/06/2025

ช่วงนี้ระบาด มากับฝน ความชื้น พื้นแฉะ แอ่งน้ำ ออกนอกบ้านล้างเท้า อาบน้ำบ่อยๆนะครับ

Transitional cell carcinomaเพิ่งจะผ่านงานใหญ่ของวงการสัตวแพทย์มา VRVC ผมเลยอยากนำเสนอผลงานของเราที่ได้ออกสู่สายตาประชากร...
08/06/2025

Transitional cell carcinoma

เพิ่งจะผ่านงานใหญ่ของวงการสัตวแพทย์มา VRVC ผมเลยอยากนำเสนอผลงานของเราที่ได้ออกสู่สายตาประชากร ซึ่งเรื่องอาจจะเก่าแล้ว แต่วิธีการรักษา เรียกได้ว่าใหม่และน่าจะยังไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทยครับ ลองอ่านกันเล่นๆดูนะครับ

ลองจินตนาการดูว่า วันหนึ่งสุนัขแสนรักของคุณเริ่มมีอาการปัสสาวะติดขัด หรือมีเลือดปนในปัสสาวะ จากสุนัขที่เคยร่าเริงกลับกลายเป็นซึมเศร้าและไม่สบายตัว สัญญาณเหล่านี้อาจบอกถึงโรคร้ายที่ซ่อนอยู่ นั่นคือ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะแบบ TCC (Transitional Cell Carcinoma) ซึ่งเป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบได้บ่อยในสุนัขสูงวัย โดยเฉพาะพันธุ์เล็ก
มะเร็ง TCC ไม่เพียงแต่ทำให้สุนัขทุกข์ทรมานจากการปัสสาวะลำบากเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่ภาวะอุดตันจนปัสสาวะไม่ออก ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต การรักษาแบบเดิมที่ต้องผ่าตัดเปิดช่องท้องมีความเสี่ยงสูงต่อการกระจายของเซลล์มะเร็งและการฟื้นตัวที่ยาวนาน แต่ด้วยเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่ ปัจจุบันมีวิธีการรักษาแบบใหม่ที่ปลอดภัยและได้ผลดีขึ้น โดยใช้การผ่าตัดส่องกล้องร่วมกับเลเซอร์และอัลตราซาวด์ ช่วยให้สุนัขกลับมามีชีวิตปกติได้เร็วขึ้นและลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดใหญ่เปิดเข้าช่องท้องที่มีโอกาสเกิดการแพร่กระจายของตัวมะเร็งเข้าไปยังอวัยวะภายในต่างๆ
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับโรค TCC ในสุนัข ซึ่งล่าสุดมีนวัตกรรมการรักษาแบบใหม่ที่ช่วยเปลี่ยนชีวิตให้เจ้าตัวเล็กของคุณได้อีกครั้ง ซึ่งวิธีการนี้ต่างประเทศทำมานานแล้ว แต่ในประเทศไทยพึ่งจะเริ่มทำและผลลัพธ์ที่ทำออกมาก็ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดีครับ วิธีการรักษาแบบใหม่ที่ว่านี้คือ ผ่าตัดส่องกล้องด้วยกล้องที่สามารถโค้งงอไปตามทางเดินปัสสาวะได้ และตัดก้อนเนื้อโดยใช้แสงเลเซอร์ที่มีความแม่นยำสูงร่วมกับอัลตราซาวด์เพื่อประเมินความลึกและภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด
TCC เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุผิวของกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเซลล์มะเร็งจะเจริญเติบโตและก่อตัวเป็นก้อนเนื้อในกระเพาะปัสสาวะหรือคอกระเพาะปัสสาวะ ก้อนเนื้อนี้อาจขยายใหญ่จนไปอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ ทำให้สุนัขปัสสาวะติดขัดหรือปัสสาวะไม่ออกปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเกิด TCC ได้แก่:
• อายุ: พบมากในสุนัขสูงวัย
• พันธุ์: พันธุ์เล็ก เช่น ชิสุห์, สก็อตติชเทอร์เรีย, เวสต์ไฮแลนด์ไวท์เทอร์เรีย มีโอกาสเสี่ยงมากกว่าพันธุ์อื่น
• เพศ: พบในเพศเมียมากกว่าเพศผู้เล็กน้อย
• ปัจจัยแวดล้อม: การสัมผัสกับสารเคมีบางชนิด เช่น ยากำจัดวัชพืช หรือผลิตภัณฑ์ป้องกันแมลง
• พันธุกรรม: มีรายงานว่าบางสายพันธุ์มีแนวโน้มทางพันธุกรรม
เมื่อเซลล์มะเร็งเจริญเติบโตจนกลายเป็นก้อนเนื้อใหญ่ อาจทำให้เกิดการอุดตันของทางเดินปัสสาวะ ส่งผลให้สุนัขมีอาการปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะออกทีละน้อย หรือปัสสาวะไม่ออกเลย ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
มีกรณีศึกษาของสุนัขพันธุ์ชิสุห์ เพศผู้ อายุ 14 ปี ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะแบบ TCC และมีเนื้องอกขนาด 1.3 × 1.8 ซม. และ 1.3 × 1.2 ซม. ที่บริเวณกระเพาะปัสสาวะและคอกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งทำให้เกิดการอุดตันและปัสสาวะลำบาก ทีมสัตวแพทย์เลือกใช้วิธีผ่าตัดส่องกล้อง (cystoscopic surgery) ร่วมกับการใช้เลเซอร์และอัลตราซาวด์ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดก้อนเนื้อออก โดยไม่ต้องเปิดช่องท้อง ลดความเสี่ยงการกระจายของเซลล์มะเร็งไปยังอวัยวะข้างเคียง เช่น เยื่อบุช่องท้อง ลำไส้ และต่อมน้ำเหลือง ผลลัพธ์หลังการรักษา สุนัขกลับมาปัสสาวะเองได้ทันทีหลังผ่าตัด อาการเลือดปนปัสสาวะและเศษเนื้อเยื่อหายไปภายใน 48 ชั่วโมง และเมื่อติดตามผลนาน 10 เดือน ไม่พบการอุดตันซ้ำหรือภาวะแทรกซ้อน วิธีการนี้สุนัขฟื้นตัวเร็วและต้องนอนโรงพยาบาลไม่นาน วิธีนี้จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับเนื้องอกที่ทำให้เกิดการอุดตันที่คอกระเพาะปัสสาวะในสุนัข โดยลดความเสี่ยงการกระจายของมะเร็ง ฟื้นตัวเร็ว และลดระยะเวลานอนโรงพยาบาล

by Zuni and Vilar
animal hospital

 #รักลูกให้ถูกทาง
15/05/2025

#รักลูกให้ถูกทาง

ทำอาหารให้เด็กกินเอง รักหรือทำร้าย
ช่วงนี้การเลี้ยงสัตว์อย่างพิถีพิถัน ดูแลกันยิ่งกว่าลูกในไส้มีให้เห็นกันดาดดื่นจนดูเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ อาจเป็นได้ทั้งเหตุและผลของอัตราการเกิดต่ำของประชากรไทย ผมเป็นหนึ่งในคนที่เลี้ยงเจ้าสี่ขาเป็นลูก เป็นน้อง หรือเป็นสมาชิกในครอบครัว แต่ด้วยความที่เด็กๆไม่ใช่มนุษย์ พี้นฐานทางสรีรวิทยา (การทำงานต่างๆของระบบในร่างกาย) ย่อมไม่เหมือนกับคน การใช้มาตรฐานของคนมากำหนดวิธีการเลี้ยงสุนัขและแมวไปเสียทุกอย่างอาจถูกใจแต่ไม่ถูกต้องในทุกๆเรื่อง
บางทีผลเสียก็อาจไม่ชัดในระยะ short term แต่ใน long term แล้วปัญหาหลายๆอย่างก็จะค่อยๆชัดเจนขึ้น เรื่องยากก็คือเราสื่อสารกับเค้าไม่ได้ตรงๆ แค่เดาใจ เดาจากท่าทางและการแสดงออกซึ่งความรู้สึก เพราะเราพูดกันไม่รู้ภาษาครับ ผมเจอว่าพ่อแม่หลายบ้านเข้าสู่โหมดคิดเอาเอง ทึกทักเอาเอง น้องมีอาการผิดปกติจริงๆแน่ๆแหละแต่พ่อแม่จับแพะชนแกะ บ้างก็มาถูกทางเพียงแต่หลายครั้งบางอย่างก็มโนไปเอง เพราะมีความเชื่อฝังหุ่นแบบผิดๆ (จาก internet) ทำให้ไม่อาจหยุดคิดและปฏิบัติในแนวคิดผิดจนเกิดปัญหา
ที่ผมพบสิ่งที่ผมสังเกตเห็น character ปะป๊าหม่าม๊ามีทั้งสองรูปแบบนะครับ แบบที่เอาทุกอย่าง ลองทุกอย่าง ใครว่าอะไรดีเอาหมด อ่านอะไรมา ใครเล่าเมาท์อะไรให้ฟัง ก็เชื่อแบบโบราณเขาว่า “มงคลตื่นข่าว” อันนี้ก็แอบสงสารเด็กๆมาก เหมือนถูกจับใส่นั่น ใส่นี้ จนไม่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุอะไรเป็นผลอะไรเป็นผลกันแน่ เพราะปัจจัยเยอะไปหมด อีกแบบคือกลัวไปหมด ไอันั่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอา กลัวจะตับพัง กลัวจะไตวาย กลัวจะตกค้างไหม สะสมไหม สุดท้ายเลยไม่เอาอะไรเลย เด็กๆก็ต้องทนปวดทนเจ็บไป อยากบอกหนูปวดก็พูดก็ไม่ได้ ป่ะป๊าหม่าม๊าให้อดทน ไม่เอายาไม่เอาอาหารเสริม หลายท่านในกลุ่มนี้ไม่ใช่ไม่มีสตางค์นะครับ เอาหละ… มัชฌิมาปฏิปทา พระพุทธเจ้าให้ดำเนินทางสายกลางครับ มากไปก็ไม่เหมาะน้อยไปก็ไม่ดี พูดง่ายแต่ทำยาก สายกลางของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีกเพราะคิดเอาเองเหมือนเดิม
ขยับมาเรื่องการทำอาหาร พ่อแม่ยุคนี้มีเวลามากขึ้นกว่าก่อนนะครับ ผมละอิจฉา เค้ามีเวลาที่จะมาเตรียมอาหารให้ลูกด้วย บางท่านเล่าให้ผมฟังว่า กับสามีที่บ้านเค้ายังไม่เคยทำอาหารให้กินเลย…แต่ทำให้หมานะจ๊ะ… บางทีก็เอาสูตรมาจากหนังสือบ้าง facebook กูรู บ้าง ChatGPT บ้าง ฯ ต้องเรียนอย่างนี้ครับว่า สูตรอาหารที่ได้มานั้นโดยมากทีเดียวที่จะมีสารอาหารที่ไม่สมดุล ไม่ครบถ้วน ในระยะสั้นๆมองไม่ค่อยออกหรอกนะครับ ต้องกินนานๆจึงจะเห็นผล ซึ่งส่วนมากก็ป่วยจนอาจเกินจะเยียวยาซะแล้ว
การคำนวนปริมาณ calories requirement ของสัตว์แต่ละตัวก็มีความซับซ้อนไม่เป็นเส้นตรงตามน้ำหนักตัว พลังงานที่ต้องการขึ้นกับเพศ และสถานะทางเพศ (ทำหมันหรือยัง) วัย กิจกรรม และลักษณะเฉพาะทางพันธุกรรมของเขา ดังนั้นสัตว์ที่น้ำหนักเท่ากันไม่ได้แปลว่าควรจะกินปริมาณเท่ากันเสมอ calories ที่เขาต้องการอาจต่างกันได้มากหรือน้อยกว่ากันถึง 50% น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ได้แปลว่า calories จะเพิ่มขึ้นเป็นสมการเส้นตรง ฉะนั้นคูณตรงๆไม่ได้ เช่น 2 กก.กิน 100 กรัม 20 กก.ก็ต้องกิน 1000 กรัม อาจไม่ถูกต้องเทียบบรรยัดไตรยางค์อย่างนี้ไม่ได้นะครับ (รู้อายุเลย)
วิตามินของคนที่จะมาเสริมให้กับอาหารทำเองเพื่อสร้างความสมดุลตามสูตรที่ได้รับการแนะนำก็อาจเป็นอันตรายได้นะครับ โดยเฉพาะกับสุนัขและแมวที่มีขนาดตัวเล็กๆ ง่ายมากที่จะ overdose จนเกิดภาวะความเป็นพิษได้ วิตามินและแร่ธาตุสำหรับสัตว์เป็นการเฉพาะนั้นปัจจุบันอาจหาได้ไม่ยาก แต่ความเหมาะสมในการใช้แบบ long term ก็ไม่มีใครรับประกันว่าจะทดแทนการกินอาหารที่ formulate มาเป็นอย่างดี จนมี nutritional balance ได้หรือเปล่า
อย่างไรก็ตามการทำอาหาร home cooked ดูจะเป็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในรายเป็นอีลูกช่างเลือก (อ่านดีๆ..ไม่ลูกอีช่างเลือกนะ) ชาติก่อนคงเกิดมาเป็นฮ่องเต้ ถึงต้องมีอาหารมาเรียงแถวให้ได้เลือกว่าวันนี้จะนางจะแหลกอาราย.. แต่ใครๆก็ทราบว่าทำอาหารเองให้ลูกโคตรจะเสียเวลา แพง และใช้สมองมาก ต้องไม่ลืมว่ามันต้องเริ่มตั้งแต่ออกจากบ้านไปเดินเลือกวัตถุดิบแล้วครับ ใครๆก็บอกว่าต้อง organic และปลอดสาร ต้องเดินเข้ากูเม่หรือโกเด้นเพลส ส่วนโลตัส บิ๊กซี อย่าหวังไม่ไว้ใจ ยังไม่นับอุปกรณ์ที่ต้องใช้อีกนะครับ ทั้งตาชั่งดิจิตัล เครื่องบด เครื่องปั่น เครื่องสับ ฯ เรียกกันว่าต้องจัด shelf เอาไว้ให้พวกนางไปเลยหนึ่ง shelf เต็มๆ สำหรับเก็บวัตถุดิบและอุปกรณ์จำเป็น
ทีนี้มาดูอาหารสำเร็จรูปกันบ้าง ผมต้องเรียนให้คุณๆทราบเลยว่ามีหลายเกรด ไม่ได้แปลว่าของแพงต้องดีเสมอไปนะบอกเลย คุณต้องเข้าใจว่าต้นทุนมันไม่ได้อยู่แค่ R&D (research and development) เดี๋ยวนี้ผมเห็นบางบริษัททุ่มทุนด้าน marketing มากกว่า R&D เสียอีก สูตรอาหารหรอก็ copy เอาง่ายดี QC (quality control) ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีค่าใช้จ่ายสูงก็ไม่ต้องมีเต็มรูปแบบ ต้องส่งสูตรไปขึ้นทะเบียนก็เป็น paper นะครับ ของจริงจะตรงตาม paper โดยตลอดสายการผลิตไหมก็ไม่มีใครทราบ หน่วยงานที่รับผิดชอบในไทยก็ไม่มีงบมากมายที่จะไปตรวจสอบอาหารในตลาดว่าตรงตามมาตฐานที่ขึ้นทะเบียนไหม ผมถือว่าอันนี้น่ากลัวมาก ที่อเมริกาผมเห็นว่ามีการ recal อาหารบางยี่ห้อเนืองๆ เพราะตรวจสอบแล้วว่าตก ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ยี่ห้อนั้น รุ่นนี้ สูตรนู้น batch นั้น มีเรื่อยๆ ส่วนของไทยเรานี้ผมยังไม่เคยเห็นเลย แปลว่าอาหารบ้านเราทำดีแบบไม่ตกมาตรฐานกันเลยจริงๆหรือไม่ได้ตรวจกันแน่ คิดซิขิดสิ..คิดซิขิดสิ..คิดซิขิดซิ…อาอิตชิตเต่ดึ
ดังนั้นเวลาเลือกอาหารให้ลูก บริษัทอาหารข้ามชาติขนาดใหญ่ที่ brand เค้ามี evidence based แปลว่ามี R&D เค้ามีระบบตรวจสอบคุณภาพตั้งแต่ขั้นวัตถุดิบอาหาร เช่น สุ่มจากรถส่งข้าวโพดแต่ละคัน เข้า lab ตรวจเชื้อราหรือสารพิษตกค้าง ผลิตออกมาแล้ว finishing product ก็สุ่มตรวจในแต่ละ lot ว่าตรงตามมาตรฐานไหม คิดค้นสูตรใหม่ๆก็มีการทดลองในสัตว์ป่วย หรือสัตว์สุขภาพดีจริงๆ ติดตามผลกันเป็นปี ก่อนจะทำออกมาทำขาย บริษัทอาหารเหล่านี้ handle อาหารเป็น lot ใหญ่ๆ ทุนหนาทำให้สามารถดูแลได้องค์ประกอบต่างๆได้อย่างแม่นยำ เรียกว่าคุ้มที่จะทำ system ต่างๆเพื่อตรวจสอบและดำเนินการ
ต่างจากพวก boutique diet company กลุ่มบริษัทฝรั่ง ญี่ปุ่น เกาหลีเหล่านี้ นี้มีทุนน้อยกว่ากลุ่มแรก ไม่มีศูนย์วิจัยอะไรใหญ่โตเป็นของตัวเอง แต่ขายอาหารไม่ถูกนะจ๊ะเผลอๆจะแพงกว่ากลุ่มแรกด้วยซ้ำ ดังนั้นถ้าจะขายดีต้องสร้างจุดขาย maketing เป็นหนึ่งใน strategy เช่น ระบุว่าอาหารเค้าเป็น “grain/ gluten free”, “human grade”, “organic”, “holistic”, “no animal byproduct” “natural bases” คำพูดเหล่านี้จะเห็นได้ที่ฉลากผลิตภัณฑ์บ่อยครั้งครับ ซึ่งเป็นข้อความที่อาจไม่ได้อยู่ในมาตรฐานที่ถูกกำหนดว่าต้องถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ (ยกเว้น organic) แต่อ่านแล้ว ดูดียย์ ดูว่ามาจากธรรมชาติ อาหารอยู่ในมาตรฐานเดียวกับมนุษย์ อย่าว่าแต่คุณๆเลยผมอ่านแล้วยังเคลิ้มเลย รู้ตัวอีกทีหิ้วออกจากร้าน pet shop เรียบร้อย อยากให้ลูกๆลอง 555
กลับมาที่ brand ไทย ต้องยอมรับครับว่าหน่วยงานรัฐบ้านเราไม่ rigid เท่ากับของทางยุโรปและอเมริกา กับการ boom เปรี้ยงป้างที่ผ่านมาของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง Brand ต่างๆก็ทะยอยผลิตอาหารกันออกมาจนเราจะเห็นว่า ทำความรู้จักยี่ห้อใหม่ๆกันแทบไม่ทัน ทุกบริษัทที่ผ่านการจดทะเบียนกับกรมปศุสัตว์เป็นที่เรียบร้อย (ไม่ใช่อ.ย.นะจ๊ะ) โดยมาตรฐานของบ้านเรานั้นไม่เท่าของอเมริกาที่ใช้มาตรฐาน AAFCO (https://www.aafco.org) ของเราไม่ถึงมาตรฐานนั้นครับ แต่อย่างไรก็ตามก็พอจะยอมรับได้คือไม่ได้แย่กว่าน้้นมาก สิ่งที่ผม concern น่าจะเป็นเรื่องของ quality control มากกว่า ถ้าทำได้ตามมาตรฐาน (ไทย) แล้วสามารถคงมาตรฐานนั้นได้ตลอดสายการผลิตหรือมีการสุ่มตรวจวัตถุดิบตั้งต้นว่ามีการปนเปื้อน หรือมีมาตรฐานตรงตามความต้องการไหม มีการสุ่มตรวจ finishing product ว่าผลิตออกมาแล้วมีคุณค่าทางอาหารตรงตามมาตรฐานจริงๆไหม นี่ไม่นับถึงการทดสอบที่บริษัทอาหารขนาดใหญ่ในต่างประเทศเขาทำในสัตว์ทดลอง และติดตามกันเป็นปีๆนะ ที่เขาดูทั้งเลือด ดูทั้งอึ ดูว่าย่อยและดูดซึมไปใช้ได้จริงๆไหมซึ่งทำกันน้อยในบ้านเราแม้ในบริษัทใหญ่ๆ การเลือกอาหาร brand ไทยจึงต้องทำการบ้านหนักๆในการสืบเสาะแสวงหาข้อมูลมากมาย อย่างน้อยก็สูตรที่ได้มานั้นมาแต่หนใด ท่านไหนเป็นผู้ดูแลสูตรให้ ส่วนการผลิตนั้นนะดีและตรงตามที่ควรจะเป็นไหมต้องอาศัยความเชื่อและศรัทธามากกว่าหลักฐานเพราะหาแหล่งที่จะได้มาซึ่งข้อมูลยากสส์ ถาม ChatGPT ก็ไม่รู้ 555
ทีนี้มาถึงอาหารปรุงเองที่พ่อๆแม่ๆอยากทำให้เด็ก มีข้อมูลในต่างประเทศที่พบว่า อาหารปรุงเองมีโอกาสสูงกว่าอาหารสำเร็จรูปที่สัตวเลี้ยงกินแล้วจะเกิดภาวะทุพโภชนาการ พบรายงานอยู่ที่อย่างน้อย 1-3% มาดูข้อมูลในคนที่อเมริกากันมีรายงานอาหารเป็นพิษสูงถึง 48 ล้านรายต่อปี คิดเป็น 1:6 ของประชากร โดยพบอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 3,000 คนต่อปีโดยประมาณ แน่นอนว่าส่วนมากจะติดตามแหล่งที่มายากเพราะคนกินอาหารจากหลายแหล่งในแต่ละมื้อ ไม่เหมือนกับในสัตว์เลี้ยง ดังนั้นหากเราเปลี่ยนมาให้อาหารสัตว์เลี้ยงเป็น home cooked แบบที่คนกิน ปัญหา food-borne จากเดิมที่มีอยู่น้อยก็จะกลับกลายเป็นเยอะขึ้นเหมือนกับในคน สถิติของหมาแมวที่ว่าน้อยนั้นน้อยแค่ไหนกัน ในปี 2023 ที่อเมริกามี FDA confirmed deaths 16 รายกับ 1,705 รายที่มีการ complaint เรื่อง food-borne จากสุนัขและแมวทั้งหมด 163.5 ล้านตัวในอเมริกา (ปี 2024) นั่นหมายถึงมีสัดส่วน 1: 95,800 ห่างชั้นวรรณะกับในคน (1:6) มากโข
สำหรับ BARF ผมเคยเขียนบทความไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน ณ วันนี้ หลักฐานทั้งในแง่บวกและแง่ลบทะยอยกันออกมา ส่วนมากงานวิจัยจะหนักไปทางการตรวจพบการ contamination เสียเป็นส่วนมาก โอกาสในการพบกลุ่มแบคทีเรียก่อโรคทั้งในอุจจาระและอวัยวะภายในเช่น ตับ บ่อยครั้งขึ้นเมื่อเทียบกับอาหารปรุงสุก (ก็ตรงตาม common sense) ส่วนตัวผมเจอเคสที่ทาน BARF หลายบ้านนะครับ บางบ้านก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่พบว่ามีก็เจียนตายอยู่เหมือนกัน รายนั้นเจ้าของพิถีพิถันทำอาหารเอง ไม่รู้ว่า missing ที่ขั้นตอนไหน ลูกเกิด food poisoning จนอาเจียน ท้องเสีย จนชัก เข้า admit ใน ICU อยู่ประมาณ 1 สัปดาห์กว่าจะหลุดออกมาจากเส้นทาง “ทางช้างเผือก” อีกรายเจอปัญหาตับอักเสบเรื้อรัง ค่าตับ 200-300 มาเป็นเดือนๆ สันนิษฐานว่าคงไม่พ้นภาวะ bacterial hepatitis เพราะเพิ่งมีรายงานในอังกฤษว่าพบ pathogenic bacteria ในเนื้อเยื่อตับในกลุ่มสุนัขที่กิน BARF สูงกว่า control อันนี้ไม่ว่าจะเป็น BARF แบบทำเอง (homr prepared) หรือแบบขายสำเร็จ (comercially available) ก็เจอปัญหาเหมือนๆกันนะครับ อีกเรื่องสำคัญคือการขาดสารอาหาร (คล้ายๆกับที่พบใน home cooked) จากการศึกษาพบว่าอาหาร home made นั้นจะพบการเสียสมดุลของสารอาหารหลายชนิดเมื่อให้สัตว์บริโภคในระยะยาว เช่น แคลเซียม-ฟอสฟอรัส ภาวะวิตามินดีและอีสูงกว่าปกติ Taurine ยังคงเป็นประเด็นอยู่อย่างสม่ำเสมอ การ cooked อาจมีส่วนที่ทำให้สูญเสีย taurine ในอาหาร จุดนี้ raw อาจดูโดดเด่นกว่าเพราะไม่ผ่านความร้อน แต่กลับมีรายงานที่พบอาหาร commercial raw diet สำหรับ captive exotic cats ที่มีระดับ taurine ต่ำกว่า 0.1% และพบแมวที่ทาน home prepared raw ที่มีการขาด taurine อยู่ดี ประเด็นไม่ใช่เพียงระดับ taurine ที่เราใส่เข้าไปตามสูตรมีไม่เพียงพอนะครับ คุณๆต้องทำความเข้าใจว่าวัตถุดิบอาหารที่ได้มาเช่นเนื้อสัตว์ ย่อม vary ระดับ taurine ไม่มีทางเท่ากันในทุกๆชิ้นวัตถุดิบ และยังมีเรื่อง dietary interaction ที่เกิดขึ้นในทางเดินอาหาร มันอาจมีบาง ingredient ที่ส่งผลรบกวนการย่อยและการดูดซึมซึ่งกันและกัน สารที่ว่าเราใส่ไปเพียงพอ แต่ย่อยไม่ได้ ดูดซึมไม่ได้ ก็คือไม่พออยู่ดี ซับซ้อนมากเรื่องอาหาร บริษัทอาหารที่มี R&D จึงต้องเอา finishing product ไปวิเคราะห์ต่อครับว่าความสามารถในการย่อยได้ดีไหม การดูดซึมดีไหม เป็นต้น
ส่วนรายงานเชิงบวกก็จะเป็นเรื่อง GI microbiome ที่ดูดีกว่า สุขภาพโดยรวมดีกว่า ข้อมูลส่วนมากยังเป็นระดับ case report หรือ มี strength ที่เบากว่านั้นคืออาจแค่เป็น testimonial สืบค้นคำกล่าวเหล่านี้ก็มักมีที่มาจาก review article บ้าง ที่อาจเป็น observational study ที่อาจดูแค่ลักษณะขนและผิวหนัง ลักษณะอุจจาระ สุขภาพภายนอก และค่าเลือดต่างๆ ซึ่งเป็นเพียงแค่ภาพกว้างๆที่ยังขาดความจำเพาะของ parameters ส่วนหลักฐานในระดับ RCT (randomized control trial study) ถือว่ามีน้อยมากๆครับ
_______________________________________
สรุป
บทความนี้น่าจะช่วยตอบคำถาม ไขข้อข้องใจให้กับคุณๆหลายคนที่สงสัยถึงผลดีผลเสียของการทำงานอาหารให้สุนัขและแมวเอง สำหรับลูกๆผมเอง ผมคิดว่าการให้อาหารสำเร็จรูปยังคงมีความจำเป็นครับหาก concern เรื่อง nutritonal balance ในระยะยาวยังเป็นประเด็นหลัก การทำ home prepared ผมอาจเลือกข้าง home cooked มากว่า raw เพราะกังวลว่าเด็กจะเกิดปัญหาสุขภาพ แต่หากจะให้อาจไม่มีปัญหาทำเองครับเพราะไม่มีเวลา (และฝีมือ) มากขนาดนั้น แต่จะเพียรเลือกสรร commercial based cooked diet ให้ลูกเพื่อเป็น gimmic เล็กๆน้อยๆให้ชีวิตนางได้มีความกระชุ่มกระชวยบ้างก็เท่านั้น อ่ะอ่ะอ่ะ… อย่าถามผมนะว่าผมซึ้อยี่ห้ออะไร ผิดกติกาครับ จ้างให้ก็ไม่บอก…

Welcome to PETiS Wellness Hub!A brand-new space for health, happiness, and the furry ones you love most.Step into a whol...
05/05/2025

Welcome to PETiS Wellness Hub!
A brand-new space for health, happiness, and the furry ones you love most.
Step into a whole new world of care, connection, and creativity with our all-in-one services for pets and their people:
• PETiS Meow Clinic: Dedicated feline care by cat-loving experts
• PETiS Paws & Cuisine: Learn to cook nutritious homemade meals and treats for your dogs and cats – because love is best served fresh
• PETiS Animal Rehab: Personalized physical therapy for healing bodies and happy tails
• PETiS Mind & Paws: Behavior and emotional support programs to help pets and owners grow together
At PETiS Wellness Hub, we go beyond health — we create joy, learning, and stronger bonds. Come visit us, and let your pet find their happy place… right beside you.

แม่ไม่รู้ หนูตึงบทความวันนี้เคยคิดจะเขียนนานหละ เพราะตัวผมเองก็ประสบเหตุเฉกเช่นชื่อเรื่อง อะไรตึง หูเหรอ ไม่ใช่แต่มันคือ...
27/04/2025

แม่ไม่รู้ หนูตึง

บทความวันนี้เคยคิดจะเขียนนานหละ เพราะตัวผมเองก็ประสบเหตุเฉกเช่นชื่อเรื่อง อะไรตึง หูเหรอ ไม่ใช่แต่มันคือหลัง หลังตึงได้อย่างไร โอ้วสุดจะบรรยาย หลังตึงมาได้เยอะเลยทั้งกิจกรรมที่ adventure ความโลดโผนกระโจนไพร วิ่งจับหนูแมวกระรอกที่แม่ๆสุ่มสอนให้ลูกเป็นยอดนักฆ่า หรืออีกหลายหายวิธีที่จะทำให้มันตึงปวด เพราะหมอนรองกระดูกปลิ้น หรืออาจจะเริ่มจากกล้ามเนื้อตึงอักเสบ สุดท้ายก็ดึงให้หมอนรองกระดูกปลิ้นเช่นกัน งั้นเราเริ่มกันเลย

โครงสร้างของสันหลังสุนัข
สันหลังสุนัขประกอบด้วยกระดูกสันหลัง (vertebrae) ที่เรียงต่อกันเป็นแนวตั้งแต่คอจนถึงหาง โดยทั่วไป แบ่งออกเป็น 5 ส่วนหลัก ดังนี้
1. กระดูกสันหลังส่วนคอ (Cervical Vertebrae - C)
- มีทั้งหมด 7 ชิ้น (C1-C7)
- C1 (Atlas) และ C2 (Axis)มีลักษณะพิเศษ ช่วยในการเคลื่อนไหวของหัว
- ทำหน้าที่รองรับศีรษะและช่วยในการหมุนคอ
2. กระดูกสันหลังส่วนอก (Thoracic Vertebrae - T)
- มีจำนวน 13 ชิ้น (ในสุนัขส่วนใหญ่)
- แต่ละชิ้นเชื่อมต่อกับซี่โครง (ribs)
- ช่วยปกป้องอวัยวะภายใน เช่น หัวใจและปอด
3. กระดูกสันหลังส่วนเอว (Lumbar Vertebrae - L)
- มี 7 ชิ้น (L1-L7)
- มีขนาดใหญ่และแข็งแรง เพื่อรองรับน้ำหนักและกล้ามเนื้อบริเวณท้อง
- ช่วยในการเคลื่อนไหวและทรงตัว
4. กระดูกสันหลังส่วนกระเบนเหน็บ (Sacral Vertebrae - S)
- มี 3 ชิ้น ที่เชื่อมรวมกันเป็นกระดูกกระเบนเหน็บ (sacrum)
- เชื่อมระหว่างกระดูกสันหลังส่วนเอวกับกระดูกเชิงกราน
- ทำหน้าที่รับแรงกระแทกและกระจายน้ำหนักสู่ขาหลัง
5. กระดูกหาง (Caudal/Coccygeal Vertebrae - Cd)
- มีจำนวน 6-23 ชิ้น ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
- ช่วยในการทรงตัวและสื่อสารทางอารมณ์ (เช่น การกระดิกหาง)
แล้วหลังทำหน้าที่อะไรเหรอ
* ปกป้องไขสันหลังซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบประสาทกลาง สันหลังทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันการบาดเจ็บ
* รองรับโครงสร้างร่างกาย – ช่วยให้สุนัขเคลื่อนไหว กระโดด และวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
* ยืดหยุ่นในการเคลื่อนไหว – ข้อต่อระหว่างกระดูกสันหลังช่วยให้สุนัขโค้งตัว หมุนตัว และเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
* เป็นจุดเกาะของกล้ามเนื้อและเอ็น – กล้ามเนื้อหลังและเอ็นต่างๆ ยึดติดกับกระดูกสันหลังเพื่อสร้างความแข็งแรง

หากหมอนรองกระดูกปลิ้นทะลักออกมา จำต้องผ่าตัดทุกรายไหม บอกเลยว่าไม่ แต่เราจะปล่อยให้ชีวิตและร่างกายไหลไปตามสายของชะตากรรมงั้นหรือ เราต้องลุกขึ้นมาต่อสู้กับร่างกายที่มันผุพัง ไม่ว่าจะโดยยาและวิตามิน และอีกสิ่งที่คน รวมถึงหมอหลายๆคนละเลยที่ตะทำคือ การกายภาพบำบัดนั่นเอง อันนี้พูดได้เต็มปากเพราะผมเป็นอีกคนที่เจอปัญหาแบบเดียวกับหมา แต่เลือกที่จะไม่ผ่าตัด เลยรู้ว่า กายภาพ มันดีจริง มันไม่ได้หายนะบอกก่อนแต่มันทำให้เราใช้ชีวิตกับร่างนี้ได้อย่างสบายกายสบายใจมากขึ้น และพวกนี้ ยิ่งทำได้ไวยิ่งให้ผลดีและชัดเจนมากกว่าทิ้งไว้จนง่อยเปลี้ยเสียขาแล้ววันหนึ่งอยากจะลุกขึ้นมาซ่อมมันย่อมไม่ได้ดีเท่าตอนซ่อมใหม่ๆ

แล้วอะไรคือเป้าหมายของการทำกายภาพสำหรับโรคหมอนรองกระดูกปลิ้น ทุกอย่างล้วนแต่ต้องหวังผล เช่น

* Reduce inflammation คือลดการอักเสบของสันหลัง
* Reduce pain และ spasm ลดการปวดและเกร็งของกล้ามเนื้อสันหลัง
* Maintain soft tissues flexibility ทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นได้ดีขึ้น
* Improve core strength ทำให้แกนกลางลำตัวแข็งแรงแบบ pirates
* Stimulate sensory input กระตุ้นกระแสประสาท
* Re-train postural responses ทำให้ทรงตัวได้

ทีนี้เป้าหมายที่เราตั้งไว้ จะไปได้ไกลแค่ไหน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เขาเป็นนะ ดังนั้น รีบทำก่อนง่อยจริง อดทนจนกว่าจะหายง่อย
แล้วมีกายภาพแบบไหนบ้างหละ ที่จะเหมาะกับหมาแมวของเราที่หลังเจ๊งแบบนี้
* Laser
* PMS (peripheral magnetic stimulation)
* Massage
* Range of motion exercise and stretching
* Muscle stimulation
* Hydrotherapy
* Ultrasound
* Home exercise program and injury prevention
แต่ละอันมีดีอย่างไรอันนี้ลองสอบถามหมอคุณ หรือหนต่อๆไปผมจะมาเล่าในแต่เครื่องมือมันทำงานอย่างไร เมื่อเวลาฟ้าเปิดในหนต่อๆไป
การกายภาพจะแบ่งออกได้หลายเฟส แบบบ้านจัดสรร ที่เขาทำขายกัน คือ
Initial phase postop: ระยะแรก เราจะเน้นไปที่
* Reduce inflammation ลดการอักเสบ
* Reduce muscle spasm ลดการหนเกร็ง
* Maintain soft tissue flexibility ทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นได้ดี
* Increase sensory awareness เพิ่มความรู้สึก
* Increase strength เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
* Advise owners of home care management requirements แนะนำเรื่องการดูแลที่บ้านต่อ หากทำกายภาพแล้วปล่อยอิสระ เราคงอยู่กันแค่ initial phase นี่หละ
Weeks 4-6: ในสัปดาห์ที่ 4-6 นั้น
* Activate core muscles เน้นไปที่แกนกลางลำตัว
* Improve balance and coordination ทำให้ทรงตัวได้ดี
* Enhance gait patterns หัดให้เดิน
Week 6 ongoing: สัปดาห์ที่6 และต่อๆไ
* Increase exercise tolerance and cardiovascular fitness เริ่มให้มี cardio และทนต่อการออกกำลังกาย
* Increase core stability and strength ทำให้แกนกลางแข็งขึ้นไปอีก
* Return to normal function ทำให้กลับคือสภาพการทำงานปกติ หากเป็นไปได้

ดังนั้นการดูแลของสันหลังหลักๆเลยแบบสรุปสั้นคั้นแต่น้ำ
- ควบคุมน้ำหนักเพื่อลดแรงกดบนกระดูกสันหลัง อย่าให้หมอต้องเรียก นางอ้วน
- หลีกเลี่ยงการกระโดดจากที่สูงในสุนัขพันธุ์เสี่ยง หรือแม้จะไม่เสีย่ง ก็ขอเหอะ
- ให้อาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีเพียงพอ คือตามสูตร ตามวัยที่ควรเป็น
- พบหมอจ้าหากสุนัขแสดงอาการเดินลำบาก หรือเจ็บหลัง อย่าเจอหมอในเนท

เหล่านี้เป็นตัวอย่างคร่าวๆที่เราใช้ แต่มันไม่ตายตัวนะ ก็ปรีบไปกันแต่ละราย หรือบางราย ก็อยู่มันแค่ initial phase ไม่ไปไหนไกล

by Zuni and Vilar
animal hospital

12/04/2025

ทำไมเป็นคนแบบนี้ ทำไมจึงทำแบบนี้

ผมกลับมาแล้ว ลืมบอกไปว่าผมจะกลับมาทุกสองสัปดาห์หากเป็นไปได้ หรือจะมาแบบทุกวันหวยออกดี

เคยสงสัยไหมว่า…
ทำไมหมาถึงทำอย่างงั้น ทำอย่างงี้?
บางทีตลก บางครั้งก็น่าเวียนหัว มันเป็นอะไรกันแน่นะ จนมีหลายๆ สำนักตั้งตัวเป็น dog’s whisperer คิดไปต่างๆ นาๆ ว่านางต้องการอย่างงั้นอย่างงี้ จริงบ้างไม่จริงบ้าง ตามนิสัยคนไทยก็เฮเชื่อกันไปเพราะตรงจริตคนไปเรียน

วันนี้สบโอกาส ผมขอมาเล่าคร่าวๆ เกี่ยวกับนิสัยที่เป็นปัญหาในหมา
แต่ตัวผมเองไม่ใช่นักพฤติกรรมนะ บอกก่อน
ก็อ่านมาบ้าง ประกอบกับเราเองกำลังตั้งแผนกจิตเวชในฮับของเรา เลยเล่าชิมลางซักหน่อย



อะไรที่เรียกว่านิสัยที่เป็นปัญหา?
สมองของหมาและคนต่างกันทั้งโครงสร้างและข้อมูลทางการแสดงอารมณ์
ในหมา สมองง่ายต่อการเสียหาย สารเคมีในสมองไม่สมดุล อาการที่เรียกว่ามีปัญหา ซึ่ง mental และ behavior มันต่างกันนะ แต่ดูเผินๆ คือแฝด
• Mental (จิตใจ, กระบวนการทางความคิด)
• เกี่ยวข้องกับจิตใจ ความคิด อารมณ์ และกระบวนการทางปัญญา
• ไม่สามารถมองเห็นได้โดยตรง เช่น ความรู้สึก ความคิด ความเครียด หรือสภาวะทางจิต
• Behavior (พฤติกรรม, การกระทำ)
• เกี่ยวข้องกับการกระทำที่สามารถสังเกตเห็นได้ เช่น การเห่า การเดิน การแสดงออกทางอารมณ์
• เป็นผลลัพธ์ของกระบวนการทางจิต (mental) เช่น มีความเครียด (mental) อาจมีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือเงียบ

ดังนั้น behavior ก็มาจาก mental นั่นเอง



นิสัยอะไรที่จะเรียกว่า mental disorder
• Compulsive licking หรือเลียจนล้ม เลียหนักมาก
• Drop in appetite เบื่ออาหาร
• Easily startled ตกใจง่าย
• Excessive tail chasing ไล่กัดหางตัวเอง
• Inappropriate eating กินไม่เหมาะสม
• Inappropriate elimination ทำพฤติกรรมบางอย่างไม่เหมาะสม เช่น จากฉี่นอกบ้านก็มาฉี่ในบ้าน
• Lethargy เฉื่อยชา
• Obsessive chasing behaviors ชอบมากในการวิ่งไล่กวด
• Overeating กินเก่งผิดปกติ
• Oversleeping นอนเยอะเกิ้น
• Pacing ก้าว
• Unwarranted aggressive displays แสดงความก้าวร้าว



เราแบ่งการ disorder ได้หลายอย่าง เช่น
• Anxiety disorders – เช่น separation anxiety, social anxiety, noise anxiety
• ADHD (Attention Deficit Hyperactivity Disorder) – เช่น Jack Russell ที่ดูซุกซนมากไป แต่นั่นคือพันธุกรรม ไม่ใช่ความผิดปกติ
• Canine Cognitive Dysfunction Syndrome – เช่นโรค Alzheimer หรือ Dementia ในหมาแก่
• Depression – ภาวะซึมเศร้า เช่น หมาที่พลัดพรากหรือตายจากกัน
• OCD (Obsessive-Compulsive Disorder) – หรือ Canine Compulsive Disorder (CCD) พวกย้ำคิดย้ำทำ
• Phobias – กลัวเสียง กลิ่น หรือสัญญาณบางอย่าง
• PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) – หลังเจอเหตุการณ์กระทบจิตใจ



อะไรคือสาเหตุให้เกิดนิสัยที่ปัญหา?
โดยมากมักจะเป็นแบบ combo เช่น
• พันธุกรรม (Genetic predisposition) – บางตัวก็เข้มมาจากสายเลือดจริงๆ อย่าให้พูด
• ทางสรีระ (Physical disorders) – เช่น ภาวะไทรอยด์ต่ำ ทำให้หมากัดเลียฝ่าเท้าเยอะผิดปกติ
• ปัจจัยการพัฒนา (Developmental factors) – เช่น เข้าสังคมไม่ดีตอนเด็ก หรือบาดเจ็บ
• ปัจจัยสิ่งแวดล้อม (Environmental factors) – เช่น อุบัติเหตุ หรือการสูญเสีย

จริงๆ แล้วมันก็คล้ายๆ กันหมดเลยนะ นี่แหละทำไมต้องมีหมอโรคจิต



การวินิจฉัยทำได้ไง? คุยกันรู้เรื่องเหรอ?
แอบด่าหมอใช่ไหม? หมาหมา แค่ปากหมา แต่ทุกอย่างอยู่บนข้อเท็จจริง
• ประวัติ: ซักฟอกเจ้าของให้ละเอียด คงไม่ได้คุยกะหมาหรอก แค่เหร่ตามอง
• เพศ
• พันธุ์
• อายุ
• ปัญหาเริ่มเมื่อไหร่
• อาหาร ยา ที่ใช้อยู่ตอนนี้
ขออย่างเดียว เจ้าของอย่าแต่งเรื่อง คิดว่าเป็นนี่นั่น มโนแล้วเล่าให้หมอฟังผิดๆ ชีวิตจะเตลิดไปกันใหญ่นะ
• ตรวจร่างกาย: หาหมาคุณเจ็บป่วยตรงไหน? เข่าสะโพกยังดีอยู่ไหม?
• แลป: ตรวจเลือด ระดับไทรอยด์ ตรวจฉี่ เอ็กซเรย์ ฯลฯ



การรักษา:
หลังจากรู้ว่าหมาคุณมีปัญหา ก็เข้าสู่การรักษา เช่น
• SSRI (Selective Serotonin Reuptake Inhibitors) – ใช้กับพวกขี้กลัวหรือ OCD เช่น Prozac, Zoloft
• Tricyclic antidepressants – เช่น Clomicalm, Elavil
• Benzodiazepines – คล้าย Xanax หรือ Va**um
• MAOI (Monoamine Oxidase Inhibitors) – ใช้กับพวก Alzheimer
• อาหารเสริม: เช่น carnitine, lipoic acid, antioxidants, omega-3



เอาไงดีทีนี้?
ว้าวุ่นเลยใช่ไหม? แค่รู้ว่าหมาแมวก็มีภาวะทางจิตหรือโรคจิตก็งงและสงสัยแล้ว

หยุดงงแล้วหากคุณคิดว่าหมาแมวคุณดูแปลกๆ
มาหาคำตอบได้ที่นี่ อย่าทิ้งไว้จนนานวัน
ก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นฝันร้ายของคุณและคนรอบตัว



by Zuni and Vilar

New chapter. New energy. Same heart. Coming soon @ โรงพยาบาลสัตว์เพ็ทอีส PETiS Animal Hospital
08/04/2025

New chapter. New energy. Same heart. Coming soon @ โรงพยาบาลสัตว์เพ็ทอีส PETiS Animal Hospital

30/03/2025

การกลับมาแล้ว!

📌 18 มีนาคม—การเดินทางครั้งใหม่เริ่มต้นขึ้น! หลังจากลุยงานหนักจนลืมอัปเดตเพจ คราวนี้ขอหาแรงบันดาลใจที่งานประชุม BSAVA ณ Manchester & Edinburgh เพื่อนำสิ่งดีๆ กลับมาใช้กับชีวิตแบบ โตชิบ้า

🛬 มาถึงอังกฤษก็ช็อก! อุณหภูมิ 1°C เทียบกับเมืองไทยที่ 41°C ต่างกันแบบสุดขั้ว! แล้วหมาแมวขนยาว ขนดำ จะรับมือยังไง? หลายบ้านอยากไถขน แต่ก็กลัวว่าน้องไม่สวย 🤔 Heatstroke นี่เรื่องใหญ่! แถม PM 2.5 กับฝุ่นจากสิ่งก่อสร้างไม่เคยจบ นี่แหละ! ทำไมถึง cheer up ให้ไว้ทรง รด.

🐾 รู้หรือไม่? หมาแมวมีต่อมเหงื่อแค่ที่ “ตีน”! พวกเขาต้องหอบอ้าปากช่วยระบายความร้อน ถ้าขนน้อยลงก็จะเย็นตัวได้ง่ายขึ้น ถึงอยู่ห้องแอร์ก็ยังเสี่ยง heatstroke เพราะปัจจัยอื่น เช่น ความชื้น อากาศไม่ถ่ายเท และน้ำหนักตัว

😅 พูดถึงความชื้น… สำคัญกว่าที่คิด!
☁️ ความชื้นสูง → หอบระบายร้อนลำบาก → Heatstroke
🦠 แบคทีเรีย & เชื้อราขึ้นง่าย → ภูมิแพ้หนักขึ้น
💨 ความชื้นต่ำ → ผิวแห้ง คัน ขนไม่เงางาม → ทางเดินหายใจแห้ง ระคายเคือง

✅ ค่า Humidity ที่เหมาะสม: 40-60%
🏡 บ้านไหนมีปัญหา ลองใช้ Humidifier หรือ Dehumidifier ให้เหมาะกับสภาพอากาศ

🔥 แล้วอุณหภูมิที่เหมาะสมล่ะ?
🐶 สุนัข
• หน้าร้อน: 24-26°C (ไม่ควรเกิน 27°C)
• หน้าหนาว: 20-22°C (ไม่ควรต่ำกว่า 16°C)

🐱 แมว
• ในบ้าน: 30-32°C
• ต่ำกว่า 21°C นางจะเริ่มควบคุมอุณหภูมิร่างกายลำบาก

💨 อากาศดีแล้ว… แล้ว “สิ่งที่อาจทำให้หมาแมวแพ้” ล่ะ?
⚠️ ไรฝุ่น – ซ่อนอยู่ในโซฟา & ที่นอน! (เครื่องดูดฝุ่นดีๆ มีผลนะ!)
⚠️ ที่นอนสัตว์ – วัสดุจากขนสัตว์/ขนปีก อาจกระตุ้นภูมิแพ้
⚠️ สัตว์เลี้ยงตัวอื่น – น้องอาจแพ้ขนเพื่อนตัวเอง
⚠️ สารเคมี – น้ำยาทำความสะอาด/ปรับผ้านุ่ม ก่อ Contact Allergy
⚠️ ควันบุหรี่ & ควันอาหาร – ทำให้ป่วยหนัก (บ้านไหนสูบบุหรี่ หมาแมวไม่ป่วยให้ตืบผมได้เลย! 😆)

🔄 ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมเน้นย้ำกับลูกค้าเสมอ!
💙 วันนี้กลับมาใหม่ เริ่มต้นด้วยเรื่องเบาๆ ก่อนนะ 😉


ที่อยู่

122/3 ถนนราษฎร์พัฒนา แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ Https://goo. Gl/maps/MZAtHXyhRFr
Bangkok
10240

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 18:30
อังคาร 08:30 - 18:30
พุธ 08:30 - 18:30
พฤหัสบดี 08:30 - 18:30
ศุกร์ 08:30 - 18:30
เสาร์ 08:30 - 18:30
อาทิตย์ 08:30 - 18:30

เบอร์โทรศัพท์

6620006115

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ โรงพยาบาลสัตว์เพ็ทอีส PETiS Animal Hospitalผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง โรงพยาบาลสัตว์เพ็ทอีส PETiS Animal Hospital:

แชร์

ประเภท