คลินิกเพื่อนรักษ์สัตว์

คลินิกเพื่อนรักษ์สัตว์ อาบน้ำ ตัดขน รักษา ผ่าตัด ปรึกษาสุขภ

18/09/2024

การกำหนดให้ลูกวัวคลอดในฤดูที่เหมาะสมที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สภาพอากาศ การเจริญเติบโตของหญ้า และความพร้อมของทรัพยากรอาหาร โดยทั่วไปแล้ว ”ฤดูใบไม้ผลิ“ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการคลอดลูกวัว เนื่องจากมีข้อดีดังนี้:

เหตุผลที่ฤดูใบไม้ผลิเหมาะสมที่สุดสำหรับการคลอดลูกวัว:
1. **อาหารและหญ้าอุดมสมบูรณ์**:
- ในฤดูใบไม้ผลิ หญ้าและพืชอาหารสัตว์เติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ซึ่งหมายความว่าแม่วัวจะมีอาหารที่มีคุณภาพสูงเพียงพอหลังคลอดเพื่อผลิตน้ำนมที่ดีสำหรับลูกวัว
- ลูกวัวที่เกิดในช่วงนี้จะสามารถรับประทานหญ้าสดเมื่อเริ่มหย่านม ช่วยให้เจริญเติบโตได้ดีและมีสุขภาพแข็งแรง

2. **สภาพอากาศที่ไม่รุนแรง**:
- ฤดูใบไม้ผลิมีอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่หนาวเกินไปเหมือนฤดูหนาว และไม่ร้อนเกินไปเหมือนฤดูร้อน ซึ่งทำให้ลูกวัวไม่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่รุนแรง ลูกวัวสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำรงชีวิต
- ความเสี่ยงจากโรคที่เกิดจากอากาศเย็นหรือร้อนจัดจะลดลง ทำให้แม่วัวและลูกวัวมีโอกาสเจ็บป่วยน้อยลง

3. **การดูแลและจัดการง่ายขึ้น**:
- ช่วงเวลาที่คลอดในฤดูใบไม้ผลิมักตรงกับเวลาที่ผู้เลี้ยงวัวมีทรัพยากรและเวลาเพียงพอในการดูแลวัวและลูกวัวอย่างเต็มที่ เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่การงานทางการเกษตรอื่น ๆ ลดลง
- การเลี้ยงและการจัดการวัวในสภาพอากาศที่ไม่รุนแรงทำได้ง่ายกว่า ทำให้ลดความเสี่ยงจากความเครียดและอาการเจ็บป่วยของวัว

4. **เพิ่มโอกาสการผสมพันธุ์รอบถัดไป**:
- หากลูกวัวคลอดในฤดูใบไม้ผลิ แม่วัวจะมีเวลาเพียงพอในการฟื้นตัวจากการคลอดและเข้าสู่ช่วงการเป็นสัดในช่วงฤดูร้อน ทำให้สามารถวางแผนการผสมพันธุ์ให้ตรงกับช่วงที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้ลูกวัวเกิดในฤดูใบไม้ผลิถัดไป

สรุป
การคลอดลูกวัวในฤดูใบไม้ผลิเป็นเวลาที่ดีที่สุด เพราะมีสภาพอากาศที่เหมาะสม อาหารอุดมสมบูรณ์ และช่วยให้การจัดการดูแลวัวง่ายขึ้น ซึ่งช่วยให้ลูกวัวเติบโตอย่างแข็งแรงและแม่วัวสามารถฟื้นตัวได้เร็ว

ในประเทศไทยไม่มีฤดูใบไม้ผลิแบบชัดเจนเหมือนในประเทศที่มีสภาพอากาศหนาว เนื่องจากประเทศไทยมีสภาพอากาศแบบเขตร้อนที่แบ่งเป็น 3 ฤดูกาล คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว อย่างไรก็ตาม หากต้องการเทียบฤดูใบไม้ผลิของประเทศที่มี 4 ฤดูกาลกับสภาพอากาศในประเทศไทย ฤดูใบไม้ผลิจะเทียบเคียงกับช่วงปลายฤดูหนาวต่อเข้าฤดูร้อนซึ่งในประเทศไทยคือช่วง
ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนครับ

ในช่วงเวลานี้ อากาศจะเริ่มอุ่นขึ้น และธรรมชาติก็เริ่มฟื้นฟูคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกครับผม
ถ้าวันนี้เลี้ยงวัวจำนวนไม่มาก ก็พอจะปรับใช้ได้ครับ

18/09/2024

ตอบคำถามให้พี่น้องเรานะครับ
จากมุมมองฟาร์มIVFที่ลูกวัวคลอดทุกสัปดาห์

หากลูกวัวคลอดออกมาแล้วแม่วัวไม่มีน้ำนม โดยเฉพาะนมน้ำเหลือง (Colostrum) ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในช่วงแรกเกิด ควรรีบจัดการโดยด่วน เพราะการได้รับนมน้ำเหลืองภายใน 6-12 ชั่วโมงแรกหลังคลอดเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดในการรับภูมิคุ้มกันจากแม่วัว นี่คือวิธีจัดการที่สามารถทำได้:

# # # 1. ใช้นมน้ำเหลืองจากวัวตัวอื่น (Colostrum Substitution)
- หากในฟาร์มมีวัวตัวอื่นที่เพิ่งคลอดและมีนมน้ำเหลือง ควรรีบใช้จากวัวตัวนั้นแทน โดยการรีดนมแล้วให้นมลูกวัวผ่านขวดนมสำหรับสัตว์ วิธีนี้จะช่วยให้ลูกวัวได้รับภูมิคุ้มกันที่จำเป็นในระยะเวลาที่สำคัญ
- ควรตรวจสอบคุณภาพของนมน้ำเหลืองก่อนให้ลูกวัว โดยใช้เครื่องวัดคุณภาพนมน้ำเหลือง (Colostrometer) เพื่อให้แน่ใจว่านมน้ำเหลืองนั้นมีคุณภาพเพียงพอ

# # # 2. ใช้นมน้ำเหลืองสำรองที่แช่แข็ง (Frozen Colostrum)
- หากในฟาร์มมีการเก็บนมน้ำเหลืองจากแม่วัวตัวอื่นไว้แช่แข็งในกรณีฉุกเฉิน สามารถนำมาละลายและใช้ได้ ควรละลายอย่างช้าๆ ด้วยน้ำอุ่น (ไม่ใช่ไมโครเวฟ) เพื่อไม่ให้ทำลายโปรตีนที่จำเป็นในนมน้ำเหลือง
- การเตรียมนมน้ำเหลืองสำรองเป็นวิธีการป้องกันปัญหาแม่วัวไม่มีน้ำนมที่มีประสิทธิภาพ ควรเก็บนมสำรองไว้ในฟาร์มเสมอ

# # # 3. ใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนนมน้ำเหลือง (Colostrum Replacer)
- หากไม่มีนมน้ำเหลืองจากวัวตัวอื่นหรือแช่แข็ง สามารถใช้ **ผลิตภัณฑ์ทดแทนนมน้ำเหลือง** ซึ่งสามารถหาซื้อได้จากร้านขายอาหารสัตว์หรือสัตวแพทย์ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับนมน้ำเหลืองจากแม่วัว
- ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและทำตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด เพื่อให้แน่ใจว่าลูกวัวได้รับสารอาหารและภูมิคุ้มกันที่เพียงพอ

# # # 4. การให้นมทดแทน (Milk Replacer)
- หลังจากที่ลูกวัวได้รับนมน้ำเหลืองในช่วง 24 ชั่วโมงแรกแล้ว ควรให้นมทดแทน (Milk Replacer) ที่มีคุณภาพเพื่อให้ลูกวัวได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตต่อไป
- นมทดแทนควรมีสารอาหารที่ครบถ้วนและเหมาะสมสำหรับลูกวัวในช่วงแรกเกิด เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตและป้องกันปัญหาทางสุขภาพ

# # # 5. การดูแลลูกวัวอย่างใกล้ชิด
- เมื่อลูกวัวไม่ได้รับนมน้ำเหลืองทันทีหลังคลอด ควรดูแลสุขภาพของลูกวัวอย่างใกล้ชิดในช่วงสัปดาห์แรก เนื่องจากลูกวัวจะมีภูมิคุ้มกันต่ำและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาดและปลอดเชื้อ เพื่อป้องกันการเกิดโรค
- หากพบว่าลูกวัวมีอาการผิดปกติ เช่น อ่อนแรง ท้องเสีย หรือไม่กินอาหาร ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที

# # # 6. ปรึกษาสัตวแพทย์
- หากแม่วัวไม่มีน้ำนมและไม่มีทางเลือกในการจัดการในช่วงแรก ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและการช่วยเหลือเฉพาะทาง สัตวแพทย์อาจสามารถแนะนำวิธีการแก้ไขที่เหมาะสมหรือจัดหานมทดแทนที่เหมาะสมสำหรับลูกวัวในช่วงวิกฤต

---

การจัดการที่รวดเร็วและเหมาะสมในกรณีที่แม่วัวไม่มีน้ำนมจะช่วยให้ลูกวัวมีโอกาสรอดชีวิตและเติบโตอย่างแข็งแรง

18/09/2024

การอนุบาลลูกวัวให้รอดและแข็งแรงเป็นเรื่องสำคัญมากในกระบวนการเลี้ยงวัว ต่อไปนี้เป็นเทคนิคการดูแลลูกวัวเพื่อให้พวกเขาเติบโตแข็งแรงและมีสุขภาพดี:

1. การเริ่มต้นด้วยนมน้ำเหลือง (Colostrum)
- ความสำคัญ: นมน้ำเหลืองเป็นน้ำนมแรกจากแม่วัวที่มีภูมิคุ้มกันและสารอาหารสำคัญ ช่วยให้ลูกวัวได้รับภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติเพื่อต่อสู้กับโรคในช่วงแรกเกิด
- เวลาให้กิน: ควรให้ลูกวัวกินนมน้ำเหลืองภายใน 2-4 ชั่วโมงแรกหลังคลอด และให้ต่อเนื่องอย่างน้อย 3 วัน

# # # 2. การดูแลความสะอาด
- สถานที่เลี้ยง: ต้องมั่นใจว่าที่นอนของลูกวัวสะอาด แห้ง และไม่มีสิ่งสกปรกหรือละอองฝุ่นมาก เพราะลูกวัวอ่อนแอต่อการติดเชื้อ
- อุปกรณ์ให้นม: ควรทำความสะอาดถังนมหรืออุปกรณ์ที่ใช้ให้นมอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรค

3. การจัดการอุณหภูมิ
- ลูกวัวแรกเกิดยังไม่สามารถปรับตัวกับอุณหภูมิได้ดี ควรจัดพื้นที่ที่มีความอบอุ่นในช่วงคืนแรก โดยเฉพาะถ้าอยู่ในช่วงหน้าหนาว
- ในพื้นที่อากาศร้อน ควรมีที่ร่มและระบายอากาศที่ดี

4.โภชนาการที่เหมาะสม
- ช่วง 2 สัปดาห์แรก ลูกวัวควรได้รับนมแม่หรือสูตรนมทดแทนที่เหมาะสมกับวัยในปริมาณที่เพียงพอ
- เสริมอาหารข้นหลังจาก 2 สัปดาห์ สามารถเริ่มให้อาหารข้นหรืออาหารเม็ดเสริมเพื่อให้ลูกวัวเริ่มปรับตัวในการกินอาหารที่แข็งขึ้น
- น้ำสะอาด ควรมีน้ำสะอาดให้ลูกวัวตลอดเวลา เพื่อให้พวกเขามีความชุ่มชื้นและป้องกันการเกิดโรคทางเดินปัสสาวะ

# # # 5. การดูแลสุขภาพทั่วไป
- วัคซีนและการถ่ายพยาธิ ให้ลูกวัวได้รับวัคซีนตามโปรแกรมที่สัตวแพทย์แนะนำ และถ่ายพยาธิเมื่อลูกวัวเริ่มกินอาหารอื่นนอกจากนม
- การติดตามน้ำหนัก ติดตามน้ำหนักของลูกวัวเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาเติบโตตามเกณฑ์ หากน้ำหนักไม่ขึ้น ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุ

6. การจัดการกลุ่มเลี้ยง
- พยายามจัดให้ลูกวัวอยู่เป็นกลุ่มเล็กๆ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคและดูแลได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ควรปล่อยลูกวัวอยู่ในฝูงใหญ่เกินไปในช่วงแรก
- ในการย้ายกลุ่มหรือแยกเลี้ยง ควรทำอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ลูกวัวเครียด

7. การเฝ้าระวังอาการเจ็บป่วย
- ตรวจเช็คสัญญาณสุขภาพเบื้องต้น เช่น อาการท้องเสีย, ซึมเศร้า, หรือเบื่ออาหาร หากพบควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที

การดูแลอย่างใส่ใจในระยะเริ่มต้นเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ลูกวัวแข็งแรงและลดการเจ็บป่วยในอนาคต

สยาม เวท เทค

18/09/2024

#เปิดเทคนิคดูแลแม่วัวหลังคลอดในสไตล์ สยามเวทเทค
แบบละเอียด ปล.เป็นเพียงข้อแนะนำ การดูแลมี108วิธี
ชอบแบบไหนปฏิบัติแบบนั้นได้เลย

การดูแลแม่วัวหลังคลอดมีความสำคัญอย่างมากเพื่อให้แม่วัวสามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว มีสุขภาพดี และพร้อมสำหรับการเลี้ยงลูกวัว ต่อไปนี้เป็นเทคนิคการดูแลแม่วัวหลังคลอดอย่างมีประสิทธิภาพ:

1.การตรวจสุขภาพหลังคลอดทันที
#การตรวจเช็คการขับรก
หลังคลอด รกควรหลุดออกภายใน 6-12 ชั่วโมง หากยังไม่หลุดออกภายใน 24 ชั่วโมง ควรปรึกษาสัตวแพทย์ เพราะอาจเกิดภาวะติดเชื้อในมดลูก

#การตรวจดูบาดแผล
ตรวจสอบว่ามีบาดแผลภายในหรือภายนอกที่เกิดจากการคลอดหรือไม่ และรักษาทันทีหากพบ

#การจัดการโภชนาการหลังคลอด
แม่วัวต้องการพลังงานและสารอาหารเพิ่มเติมหลัง
คลอดเพื่อฟื้นฟูร่างกายและผลิตน้ำนมสำหรับลูกวัว ควรให้

#อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
โดยเฉพาะโปรตีน แร่ธาตุ และวิตามิน
- การให้อาหารที่มี พลังงานสูงและเสริมแคลเซียมจะช่วยป้องกันปัญหาการขาดแคลเซียม ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงหลังคลอด
- น้ำสะอาดต้องมีให้อย่างเพียงพอ เพราะแม่วัวต้องใช้น้ำจำนวนมากในการผลิตน้ำนม

#การป้องกันและรักษาโรคที่อาจเกิดขึ้นหลังคลอด
- โรคมดลูกอักเสบ (Metritis)
ตรวจสอบอาการของมดลูกอักเสบ เช่น การมีกลิ่นเหม็นหรือมีสารคัดหลั่งผิดปกติ หากพบควรรักษาโดยการให้ยาปฏิชีวนะ
- ภาวะขาดแคลเซียม (Milk Fever)
โรคนี้สามารถเกิดขึ้นกับแม่วัวหลังคลอด โดยเฉพาะวัวที่มีอายุ ควรเฝ้าระวังอาการที่แสดงถึงการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ และจัดการโดยการให้แคลเซียมเสริม
- โรคเครียดหลังคลอด (Postpartum Depression)แม้ว่าจะไม่ใช่ภาวะทางการแพทย์ที่ชัดเจนในวัว แต่อาการซึมเศร้าหรือการไม่กินอาหารสามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับภาวะฮอร์โมนหลังคลอด ควรเฝ้าระวังและปรึกษาสัตวแพทย์หากจำเป็น

#การจัดการระบบสืบพันธุ์
- ควรให้แม่วัวมีเวลาพักฟื้นร่างกายก่อนที่จะเริ่มผสมพันธุ์ใหม่ ปกติควรพักอย่างน้อย 45-60 วันหลังคลอด เพื่อให้ระบบสืบพันธุ์ฟื้นฟู
- **การตรวจสอบมดลูก**: หลังคลอด ควรตรวจสอบมดลูกเพื่อให้แน่ใจว่ามดลูกฟื้นตัวดีและไม่มีการติดเชื้อ

#การดูแลเรื่องการให้นม
- ในช่วงแรกหลังคลอด แม่วัวจะผลิต นมน้ำเหลือง (Colostrum)ซึ่งมีความสำคัญมากสำหรับลูกวัว ควรให้ลูกวัวได้ดื่มนมน้ำเหลืองใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
- ตรวจสอบว่าการให้นมของแม่วัวเป็นปกติหรือไม่ หากมีอาการอักเสบหรือปัญหาน้ำนมไหลผิดปกติ ควรปรึกษาสัตวแพทย์

#การเฝ้าระวังพฤติกรรมของแม่วัว
- เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของแม่วัว หากพบอาการเบื่ออาหาร ซึมเศร้า หรือการดูแลลูกวัวไม่เพียงพอ อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพ ควรตรวจสอบและรักษาอย่างทันท่วงที
- **การสร้างสัมพันธ์กับลูกวัว**: ตรวจสอบว่าแม่วัวมีพฤติกรรมที่ดีในการเลี้ยงลูกหรือไม่ บางครั้งแม่วัวอาจไม่ยอมรับลูกวัวหรือมีปัญหาในการให้นม ควรช่วยสนับสนุนให้แม่วัวสร้างความผูกพันกับลูกวัว

#การจัดการสภาพแวดล้อม
- ควรจัดสถานที่เลี้ยงที่สะอาดและแห้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในช่วงที่แม่วัวยังฟื้นตัวจากการคลอด
- ให้แม่วัวมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเคลื่อนไหว เพื่อช่วยลดความเครียดและช่วยให้แม่วัวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

#การเฝ้าระวังภาวะเครียด
- ความเครียดจากการคลอดอาจทำให้แม่วัวมีภูมิต้านทานต่ำลง ซึ่งอาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ การจัดการสภาพแวดล้อมที่สงบและเหมาะสมสามารถช่วยลดความเครียดและทำให้แม่วัวฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้น

#การบันทึกข้อมูลการคลอด
- ควรบันทึกข้อมูลการคลอดและสุขภาพของแม่วัวหลังคลอด เช่น วันที่คลอด การตรวจสุขภาพ และการให้นม เพื่อใช้ในการวางแผนการผสมพันธุ์ในอนาคต

#สรุป
การดูแลแม่วัวหลังคลอดต้องอาศัยการดูแลสุขภาพ โภชนาการ และสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม การเฝ้าระวังอาการผิดปกติและการจัดการสุขภาพระบบสืบพันธุ์เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้แม่วัวฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและมีสุขภาพที่ดีสำหรับการผสมพันธุ์และการเลี้ยงลูกในอนาคต

18/09/2024

4ความเข้าใจเบื้องต้น “นมน้ำเหลือง”
นมน้ำเหลืองเทคนิคที่ผมใช้ทำกับลูกวัวIVFทุกตัว

ทุกคนสามารถเก็บไปวิเคราะห์การจัดการฟาร์มตัวเองได้
ระยะเวลาสำคัญของการให้นมน้ำเหลือง
(Colostrum) แก่ลูกวัวคือช่วง 2-4 ชั่วโมงแรกหลังคลอด ซึ่งเป็นช่วงที่ระบบย่อยอาหารของลูกวัวสามารถดูดซึม อิมมูโนโกลบูลิน (Immunoglobulins)จากนมน้ำเหลืองได้ดีที่สุด หลังจากนั้น ความสามารถในการดูดซึมจะลดลงอย่างรวดเร็ว โดยรายละเอียดของช่วงเวลาที่สำคัญมีดังนี้:

1. 2-4 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
- ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ลำไส้ของลูกวัวสามารถดูดซึมแอนติบอดีและสารอาหารที่จำเป็นจากนมน้ำเหลืองได้ดีที่สุด หากลูกวัวได้รับนมน้ำเหลืองในช่วงเวลานี้ จะได้รับ ภูมิคุ้มกันที่จำเป็นในการป้องกันการติดเชื้อในระยะแรกของชีวิต เพราะลูกวัวไม่มีภูมิคุ้มกันจากแม่วัวในระหว่างตั้งครรภ์

2.ภายใน 6 ชั่วโมงแรก
- หลังจากช่วง 2-4 ชั่วโมงแรก ความสามารถในการดูดซึมอิมมูโนโกลบูลินจะเริ่มลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงสามารถรับนมน้ำเหลืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การให้นมน้ำเหลืองเพิ่มเติมในช่วงนี้ก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ ควรให้ปริมาณนมน้ำเหลืองที่เพียงพอ ประมาณ 2-3 ลิตรภายในระยะเวลานี้

3.12 ชั่วโมงหลังคลอด
- หลังจาก12 ชั่วโมงแรกความสามารถของลูกวัวในการดูดซึมแอนติบอดีจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ลูกวัวจะยังสามารถย่อยสารอาหารอื่นๆ จากนมน้ำเหลืองได้ แต่การได้รับภูมิคุ้มกันจะไม่เต็มที่เหมือนในช่วงแรก การให้ความสำคัญในการให้นมน้ำเหลืองในช่วงเวลานี้จึงยังจำเป็นอยู่

4.24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
- หลังจาก24 ชั่วโมงระบบย่อยอาหารของลูกวัวจะไม่สามารถดูดซึมแอนติบอดีจากนมน้ำเหลืองได้อีกแล้ว แม้ว่าการได้รับนมน้ำเหลืองในระยะเวลานี้จะยังคงมีประโยชน์ในแง่ของสารอาหารอื่นๆ แต่ลูกวัวจะไม่สามารถรับภูมิคุ้มกันเพิ่มได้อีก การให้นมน้ำเหลืองในช่วงเวลานี้จึงยังคงจำเป็นในเชิงโภชนาการ แต่การเสริมภูมิคุ้มกันจะไม่เกิดขึ้นแล้ว

#สรุป
การให้นมน้ำเหลืองแก่ลูกวัวในช่วง 2-4 ชั่วโมงแรกหลัง
คลอดเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดสำหรับการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและการดูดซึมแอนติบอดี จากนั้นควรให้นมน้ำเหลืองเพิ่มเติมในช่วง **6-12 ชั่วโมงแรก** เพื่อให้ลูกวัวได้รับสารอาหารและภูมิคุ้มกันที่เพียงพอ

18/09/2024

5สาเหตุและ4วิธีป้องกัน “ลูกวัวท้องเสีย”
ที่พวกเราสยามเวทเทคอยากให้ทุกคนไม่มองข้าม
สาเหตุของการท้องเสียในลูกวัวสาเหตุหลักที่หลายๆคอกมองข้าม จนทำให้ลูกวัวแคระแกรน

1. การติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
หนึ่งในสาเหตุหลักของการท้องเสียในลูกวัวเกิดจากการติดเชื้อ เช่น ไวรัสโรตา(Rotavirus) หรือ ไวรัสโคโรนาซึ่งส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารของลูกวัว นอกจากนี้ การติดเชื้อแบคทีเรียอย่างอีโคไล(E. coli) หรือซาลโมเนลล่า(Salmonella) ยังทำให้เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรง การติดเชื้อเหล่านี้ทำให้ลูกวัวไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้ดี ส่งผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโต

2. การขาดนมน้ำเหลือง (Colostrum)
ลูกวัวที่ไม่ได้รับนมน้ำเหลืองในช่วงแรกหลังคลอดมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการท้องเสียมากขึ้น เพราะภูมิคุ้มกันที่ได้จากนมน้ำเหลืองช่วยป้องกันการติดเชื้อและเพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกาย หากขาดสารนี้ไป ลูกวัวจะมีภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อและการเจ็บป่วยซ้ำๆ ส่งผลให้การเติบโตของร่างกายชะลอ

3. สภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด
การเลี้ยงลูกวัวในสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด เช่น มีมูลสัตว์สะสมหรือความชื้นสูง จะทำให้ลูกวัวเสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้อาการท้องเสียเกิดขึ้นและมีผลต่อการเจริญเติบโตของพวกมัน

4. การขาดสารอาหาร
เมื่อมีการท้องเสียอย่างต่อเนื่อง ลูกวัวจะสูญเสียน้ำและสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต การที่ลูกวัวไม่สามารถรักษาสมดุลของน้ำและแร่ธาตุในร่างกายได้ ส่งผลให้การพัฒนาของกล้ามเนื้อและกระดูกไม่สมบูรณ์ ทำให้วัวไม่โตเต็มที่ หรือมีลักษณะตัวแคระ

5. ความไม่สมดุลของอาหาร
การให้อาหารที่ไม่สมดุลหรือมีการเปลี่ยนแปลงอาหารอย่างกระทันหันอาจทำให้ระบบย่อยอาหารของลูกวัวเสียสมดุล ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ระบบย่อยอาหารที่ไม่ดีส่งผลให้ลูกวัวไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้เพียงพอ

---

วิธีป้องกันการท้องเสียและส่งเสริมการเจริญเติบโตของลูกวัว

1. ให้ลูกวัวได้รับนมน้ำเหลืองเพียงพอ
การให้นมน้ำเหลืองที่มีคุณภาพใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกวัวแข็งแรงตั้งแต่เริ่มแรก

2. ดูแลสุขอนามัยในฟาร์ม
ควรรักษาสภาพแวดล้อมที่สะอาดสำหรับลูกวัว โดยเฉพาะที่นอนและพื้นที่เลี้ยง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากสิ่งปนเปื้อน

3. ควบคุมการให้อาหาร
ควรปรับเปลี่ยนอาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไป และควรให้สารอาหารที่สมดุล เพื่อป้องกันอาการท้องเสียและเสริมการเจริญเติบโต

4. การจัดการสุขภาพของลูกวัว
หากลูกวัวเริ่มมีอาการท้องเสีย ควรรีบจัดการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจทำให้วัวไม่โตเต็มที่

---

การจัดการและป้องกันอาการท้องเสียในลูกวัวมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเติบโตที่ดีของวัว หากได้รับการดูแลที่เหมาะสม ลูกวัวจะมีโอกาสโตเต็มที่ แข็งแรง และมีมูลค่าในการเลี้ยงในอนาคต

30/03/2024

เสาร์_อาทิตย์นี้
หมอติดภารกิจต่างจังหวัด
หมอเข้าตรวจเย็นวันจันทร์ครับ

21/03/2024

วันนี้เวลาประมาณ บ่ายโมงกว่า มีลูกค้ามาซื้อของที่ร้านและพบว่าพนักงานทอนเงินขาด ขอให้ลูกค้าติดต่อรับเงินคืนที่ร้านนะครับ ขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ

น้องถุงทองกินเข็มเย็บผ้า  มีอาการไอตลอดเวลา หายใจหอบ หมอเลยขอเอกซเรย์  ขอให้หนูดีขึ้นหายไวๆนะครับ #รักษาสัตว์ศรีสะเกษ #ร...
18/02/2024

น้องถุงทองกินเข็มเย็บผ้า มีอาการไอตลอดเวลา หายใจหอบ หมอเลยขอเอกซเรย์ ขอให้หนูดีขึ้นหายไวๆนะครับ

#รักษาสัตว์ศรีสะเกษ
#รักษาสัตว์กันทรลักษ์

น้องบางแก้วกินเบ็ด เจ้าของเป็นห่วงเลยพามาตรวจคุณหมอเลยเอกซเรย์ตรวจหาพบว่าเจอในกระเพาะ 2 อันเลย  จึงต้องผ่าตัดเอาออกให้ แ...
06/02/2024

น้องบางแก้วกินเบ็ด เจ้าของเป็นห่วงเลยพามาตรวจ
คุณหมอเลยเอกซเรย์ตรวจหาพบว่าเจอในกระเพาะ 2 อันเลย จึงต้องผ่าตัดเอาออกให้ และตืดตามอาการอย่างใกล้ชิด

เจ้าของต้องระวังน้องๆกินสิ่งแปลกปลอมนะครับ

ช่วงนี้พบน้องลูกหมาช่วงอายุน้อยกว่า1ปีป่วยด้วยอาการซึม ไม่กินอาหาร อาเจียน มีน้ำลายออกปากมากผิดปกติ ถ่ายเหม็นคาวเป็นมูกม...
21/01/2024

ช่วงนี้พบน้องลูกหมาช่วงอายุน้อยกว่า1ปีป่วยด้วยอาการซึม ไม่กินอาหาร อาเจียน มีน้ำลายออกปากมากผิดปกติ ถ่ายเหม็นคาวเป็นมูกมีเลือดปน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

หมอได้เก็บตัวอย่างอุจจาระพบมีการติดเชื้อ ลำไส้อักเสบ Parvovirus. โรคนี้เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้สุนัข/แมวป่วยเป็นลำไส้อักเสบ เผื่อผนังด้านในลำไส้อักเสบเลือดออก ติดต่อได้ทางการกินเลีย มีโอกาสตายได้50:50 ครับ หากพบอาการป่วยให้รีบมาหาหมอนะครับ

เพื่อลดการสูญเสียโรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุน้องได้ 30วัน

08/01/2024

คุณแม่ลุกดก

เวลาประมาณ3ทุ่มหลังคลินิกปิดแล้วเหตุฉุกเฉินสุนัขถูกยิงด้วยหน้าไม้ ลูกดอกเหล็กทะลุช่องท้อง หมอได้ผ่าตัดเอาออกให้ พบลูกดอก...
19/12/2023

เวลาประมาณ3ทุ่มหลังคลินิกปิดแล้ว

เหตุฉุกเฉินสุนัขถูกยิงด้วยหน้าไม้ ลูกดอกเหล็กทะลุช่องท้อง หมอได้ผ่าตัดเอาออกให้ พบลูกดอกยิงทะลุซี่โครงช่วงท้ายๆเข้าลำไส้ขาดเสียหาย เฉียดปอดนิดเดียว

หมอต้องช่วยชีวิต ตัดต่อลำไส้และติดตามอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป ขอให้หนูปลอดภัยนะ

น้องอัลเซเชี่ยนต้องการบ้าน ทำวัคซีนแล้ว1เข็มติดต่อคุณแขก โทร.092-925-5956
17/12/2023

น้องอัลเซเชี่ยนต้องการบ้าน ทำวัคซีนแล้ว1เข็ม
ติดต่อคุณแขก โทร.092-925-5956

25/06/2023

สู้ๆเจ้าตัวเล็ก

24/06/2023

ที่อยู่

1029 หมู่5 บ้านราษฎร์พัฒนา ต. น้ำอ้อม
Kantharalak
33110

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 21:00
อังคาร 09:00 - 20:00
พุธ 09:00 - 20:00
พฤหัสบดี 09:00 - 20:00
ศุกร์ 09:00 - 20:00
เสาร์ 09:00 - 20:00
อาทิตย์ 09:00 - 20:00

เบอร์โทรศัพท์

0899591441

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ คลินิกเพื่อนรักษ์สัตว์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

ประเภท


Kantharalak ร้านค้าสัตว์เลี้ยงและบริการสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

แสดงผลทั้งหมด