มาทำความรู้จักกับ 5 โรคพันธุกรรมที่พบได้มากในเวลช์คอร์กี้ และความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับตัวโรคและการสกรีน ก่อนตัดสินใจว่าคุณพร้อมที่จะเสี่ยงไหม
ในช่วงทษวรรษที่ผ่านมา เพ็มโบรคเวลช์คอร์กี้เป็นสายพันธุ์ที่ไต่ระดับขึ้นมาสู่สายพันธุ์ยอดฮิตอันดับต้นๆอย่างรวดเร็วทั่วโลก เป็นสาเหตุสำคัญให้หลายคนเกิดไอเดีย”น้ำขึ้นให้รีบตัก”โดยไม่ได้ศึกษาพื้นหลังและข้อดีข้อเสียต่างๆของสายพันธุ์ให้เข้าใจถ่องแท้ก่อนผลิตลูกสุนัขออกมา ปัญหาคือ เพ็มโบรคมีโรคพันธุกรรมประจำสายพันธุ์หลายโรคพอสมควร ยกตัวอย่าง เช่น
Degenerative Myelopathy (DM) โรคไขสันหลังเสื่อม ลูกสุนัขที่ได้รับถ่ายทอดยีน SOD1 กลายพันธุ์มาจากสเปิร์มของพ่อ 1 ก็อปปี้ และไข่ของแม่ 1 ก็อปปี้ จะอยู่ใน”กลุ่มเสี่ยง”ที่จะเป็นอัมพาตจาก DM เมื่อเขาอายุเข้าวัยกลางสุนัข คือ 6-8 ขวบไปแล้ว อาการของ DM คือสุนัขจะเริ่มเดินกะเผลกหรือตุปัดตุเป๋ที่ขาหลัง เนื่องจากไขสันหลังเริ่มเสื่อมมาจากท่อนล่าง ส่งผลให้เขาเสียการควบคุมจากบั้นเอวลงไป ด้วยเหตุนี้คนบ้านเราส่วนใหญ่ รวมถึงหลายๆท่าน ที่เป็นผู้ผสมพันธุ์สุนัขเวลช์คอร์กี้เอง เข้าใจผิดว่า นี่เป็น”โรคข้อสะโพก”ของคอร์กี้
DM เป็นโรคถ่ายทอดทางพันธุกรรม ตรวจได้โดยการส่ง Blood sample หรือ DNA sample ไปหาสถานะของยีน SOD1 เท่านั้น ณ. ปัจจุบันโรคนี้ยังไม่มีหนทางรักษา อัมพาตจาก DM จะลุกลามไปสู่ส่วนอื่นๆของร่างกายจนสุนัขเสียชีวิตในที่สุดภายใน 2 ปีโดยเฉลี่ย
อ้างอิงจาก สถิติของ OFA - เพ็มโบรคเวลช์คอร์กี้ “ครองแชมป์อันดับหนึ่ง ของสายพันธุ์ที่มียีน SOD1 กลายพันธุ์” !!!!
สุนัขเพ็มโบรคเวลช์คอร์กี้ที่เข้าร่วมโครงการนับสถิติโรค DM ของ OFA ถึงวันนี้ มีทั้งหมด 4,119 ตัว จากปี 1974 ถึงปี 2019 พบว่ามี:
- เพ็มโบรคที่เป็นเคลียร์ Clear (ปลอดจากยีน SOD1 กลายพันธุ์) เพียงแค่ 12.6% !
- เพ็มโบรคที่เป็นพาหะ Carrier (มียีน SOD1 กลายพันธุ์ 1 ก็อปปี้) มากถึง 33.8%
- เพ็มโบรคที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรค At Risk (มียีนกลายพันธุ์ 2 ก็อปปี้) สูงมากอย่างน่ากลัวถึง 53.7% !!!
เมื่อเอาเพ็มโบรคที่เป็นพาหะและเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงมารวมกัน จะเห็นว่ามีมากถึง 87.5 ตัวใน 100 ตัว นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ผสมพันธุ์สุนัขที่มีความรับผิดชอบต่อลูกค้าและต่อชีวิตน้อยๆที่ตนเองจะสร้างให้เขาเกิดมา จึงต้องตรวจหาสถานะของยีน SOD1 ทั้งตัวพ่อและตัวแม่สุนัขเสียก่อน และอาศัยผลการตรวจ DNA ที่ได้ มาจับคู่ผสมให้ถูกต้องตามหลักพันธุศาสตร์ เพื่อป้องกันการผลิตลูกสุนัขที่จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นอัมพาตโดย DM ออกมาแล้วโยนให้ไปเป็นภาระหนักแก่ผู้ซื้อในอนาคต
วิดีโอตัวอย่างของสุนัขที่เป็นโรค DM
อาการเริ่มต้นที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็น”โรคข้อสะโพก” https://www.youtube.com/watch?v=P7tpsTcD0ps
อาการอัมพาตที่เริ่มลุกลามไปส่วนหน้าของร่างกาย https://www.youtube.com/watch?v=-f_SFkLursQ&t=147s
Hip Dysplasia โรคข้อสะโพกวิการ เป็นโรคที่ทางการแพทย์สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม(Nature) หรือจากการเลี้ยงดูที่ไม่ถูกต้อง(Nurture) รายที่สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากพันธุกรรม มักเป็นรายที่แสดงอาการตั้งแต่สุนัขยังเด็กๆ ข่าวดีคือโรคนี้มีหนทางผ่าตัดและบำบัดให้สุนัขสามารถใช้ชีวิตใกล้เคียงหรือเกือบเท่าปกติได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพบแต่เนิ่นๆ หัวใจสำคัญคือเจ้าของต้องใส่ใจพาไปกายภาพบำบัดหรือธาราบำบัดอย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัดเรื่องการใช้ชีวิตประจำวันของสุนัข
***ข้อแตกต่างระหว่าง DM กับ Hip Dysplasia***
- DM เป็นอัมพาตที่ลามมาจากขาหลังเนื่องจากไขสันหลังเสื่อมเริ่มจากส่วนล่าง สุนัขจะไม่เจ็บปวดใดๆ ต่างกับ Hip Dysplasia ที่สุนัขอาจจะแสดงอาการเจ็บปวดเมื่อทิ้งน้ำหนักลงสะโพกหรือขา ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค
- DM ไม่มีหนทางรักษา สุนัขจะเป็นอัมพาตลามไปส่วนอื่นๆของร่างกายจนเสียชีวิตในที่สุด ต่างกับ Hip Dysplasia ที่สามารถบำบัดให้อาการทุเลาและ/หรือข้อต่อสะโพกมีการพัฒนาจนดีขึ้นได้
von Willebrand Disease Type 1 (vWD1) คือโรคเลือดไหลไม่หยุด สุนัขตัวที่รับยีนกลายพันธุ์จากสเปริ์มของพ่อและจากไข่ของแม่มาฝ่ายละ 1 ก็อปปี้ จะขาดโปรตีน vWF ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการฟอร์มการแข็งตัวของเลือดให้หยุดไหลเมื่อมีบาดแผล สุนัขที่เป็นโรค vWD1 มีโอกาสเสียชีวิตได้จากการมีบาดแผลแม้แต่เพียงเล็กน้อยหากไม่ได้รับการดูแลทันท่วงที โรคนี้เป็นโรคถ่ายทอดทางพันธุกรรม ไม่มีหนทางรักษา
Exercise Induced Collapse (EIC) โรคอัมพฤกษ์เฉียบพลัน สุนัขที่เป็นโรค EIC จะได้รับยีนกลายพันธุ์จากพ่อและแม่สุนัขมาฝ่ายละ 1 ก็อปปี้ อาการของโรค สุนัขจะเสียการควบคุมของกล้ามเนื้ออย่างเฉียบพลันหลังจากการออกกำลังกายธรรมดาทั่วไปเช่น วิ่ง หรือกระโดดโลดเต้น สุนัขจะไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆแต่จะไม่สามารถลุกขึ้นได้สักพัก อาการอัมพฤกษ์เฉียบพลันนี้จะค่อยๆหายไปเองภายใน 5-30 นาที มีรายงานว่าสุนัขบางตัวเสียชีวิตจากโรค EIC นี้ได้เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงาน โรคนี้เป็นโรคถ่ายทอดทางพันธุกรรมและไม่มีหนทางรักษา
Progressive Retina Atrophy, Rod-Cone Dysplasia 3 (PRA-RCD3) สุนัขที่เป็นโรคนี้ จะมีอาการเริ่มจากไม่สามารถมองเห็นได้ดีในความมืด และการมองเห็นจะเสื่อมลงเรื่อยๆจนเสียการมองเห็น 100% คือตาบอดสนิทในที่สุด เป็นโรคถ่ายทอดทางพันธุกรรมและไม่มีหนทางรักษา ข่าวดีสำหรับเจ้าของเพ็มโบรคคือความเสี่ยงของโรค PRA-RCD3 ในเพ็มโบรคจะน้อยกว่าในสายพันธุ์คาร์ดิกาน (ซึ่งก็กลายเป็นข่าวร้ายของสายพันธุ์คาร์ดิกานไป)
Fairy Corgis ใช้ DNA Kits จากห้องแล็บ GenSol Diagnostics และ DNA Dianostics Center ในสหรัฐอเมริกาตรวจหาโรคทางพันธุกรรมของสุนัขก่อนเลือกสรรมาเป็นพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ ด้วยเหตุนี้ เราจึงมั่นใจที่จะรับประกันโรคทางพันธุกรรมลูกสุนัขของเราทุกตัวโดยการระบุชื่อโรคและระยะเวลาคุ้มครองอย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรลงในเอกสารสัญญา มีผลผูกพันตามกฎหมาย เพื่อความสบายใจของผู้ปกครองทุกท่านที่รับลูกสุนัขของเราไปอุปการะเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว
สงวนลิขสิทธิ์ บทความนี้เป็นทรัพย์สินของเจ้าของและแอดมินเพจ Fairy Corgis ห้ามผู้ใดคัดลอก เลียนแบบ ดัดแปลง ทำซ้ำ เผยเเพร่ ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของบทความนี้ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของและ/หรือแอดมินเพจ Fairy Corgis เสียก่อน