ไก่ไข่ "รมณ์ดี๊ ดี" ณ.เมืองระยอง 2018 -BTF Us

ไก่ไข่ "รมณ์ดี๊ ดี" ณ.เมืองระยอง 2018 -BTF Us ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก ไก่ไข่ "รมณ์ดี๊ ดี" ณ.เมืองระยอง 2018 -BTF Us, บริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง, Mueang Rayong District.

25/08/2023
14/09/2021

สิ่งมหัศจรรย์จากก้นครัว
เมื่อเปลือกไข่..กลายเป็นกระเบื้อง! 🥚

✅ ไอเดียสุดเก๋! ของดีไซเนอร์ชาวฮ่องกง
❝ Elaine Yan Ling Ng ❞ ประธานฝ่ายนวัตกรรม
จากบริษัทออกแบบ Nature Squared สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์
ออกแนวคิดเพิ่มมูลค่าให้เปลือกไข่ ผลิตจริง ขายจริง
และทำประโยชน์ได้มากกว่าการทิ้ง ด้วยการนำเปลือกไข่ที่เหลือ
รีไซเคิลเป็น ❝ กระเบื้องปูผนัง ❞ ช่วยลดจำนวนขยะ
จากเปลือกไข่ในครัวเรือน ได้มากถึง 20,000 ฟอง
(ต่อกระเบื้อง 1 ตารางเมตร) และได้ตั้งชื่อกระเบื้องนี้ว่า “ Carrelé ”

🗑 จากสถิติรายปีพบว่า โลกของเรามีขยะเปลือกไข่
ราว 250,000 ตันต่อปี และมักใช้วิธีฝังกลบเพื่อกำจัดขยะ
โดยพื้นที่ 1 ตารางเมตร จะฝังเปลือกไข่ได้ประมาณ 2,000 ฟอง
และใช้เวลา 20 วันเพื่อย่อยสลาย อีกหนึ่งสิ่งที่น่าทึ่งไปกว่านั้น
ตอนนี้มีขยะจากเศษอาหารที่ถูกทิ้งจากทั่วโลก
เพิ่มขึ้นปีละมากกว่า 2.5 พันล้านตันเลยที่เดียว!
ซึ่งสิ่งนี้เป็นสาเหตุซ้ำเติมของปัญหาภาวะโลกร้อน
เนื่องจากขยะต่าง ๆ จะปล่อยก๊าซมีเทน
ที่มีความรุนแรงกว่าก๊าซ CO2 มากถึง 20 เท่าเลยค่ะ😰

💡 จากสาเหตุข้างต้นทำให้บริษัท Nature Squared
เกิดไอเดียแปรรูปเปลือกไข่ โดยมีจุดมุ่งหมายในการ
ช่วยลดปริมาณขยะจากครัวเรือน ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เน้นแนวคิดการนำขยะมาใช้ให้เกิดประโยชน์
แทนที่จะทิ้งให้กลายเป็นขยะเน่าเสีย ขอแอบกระซิบว่า..
ราคากระเบื้องจากเปลือกไข่ 1 ตารางเมตร
มีมูลค่าสูงถึง €595 หรือประมาณ 23,200 บาทเลยทีเดียว!
และนอกจากนี้ Nature Squared ยังมีแนวคิดเพิ่มเติม
ในการแปรรูปขยะเหลือทิ้ง เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนประกอบ
ของวัสดุก่อสร้าง เช่น ทำเรือ,โรงแรม,บ้านพัก ในอนาคตอีกด้วย

🏠 สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีขยะเปลือกไข่อยู่ที่บ้าน
เป็นจำนวนมากและกำลังเกิดไอเดียว่า
จะสามารถ DIY กระเบื้องเปลือกไข่เองได้หรือไม่?
𝗘𝗰𝗼𝗽𝗲𝗱𝗶𝗮 แนะนำให้ได้ค่ะ🥰 ทำง่าย ๆ แค่ 3 ขั้นตอนดังนี้
❶ นำเศษเปลือกไข่ 40% มาผสมกับเรซิน
เนื้อแข็งสีต่าง ๆ เลือกสีตามใจชอบ
❷ นำไปขึ้นรูปเป็นแผ่น ในแม่พิมพ์ตามขนาดที่ต้องการ
❸ เมื่อเปลือกไข่เริ่มคงสภาพ ให้นำไปขัดผิวให้เรียบ
เพียงเท่านี้ก็จะได้แผ่นกระเบื้องลายเปลือกไข่สวย ๆ
ทีเกิดจากเกล็ดเปลือกไข่ขนาดเล็กกระจายตัวอยู่ทั่วทั้งแผ่น
สามารถนำไปใช้ปูพื้นผิวโต๊ะทำงาน
เคาน์เตอร์ครัวและปูผนัง ได้แล้วละค่ะ❤️

💚 𝗘𝗰𝗼𝗽𝗲𝗱𝗶𝗮 มองว่าไอเดียแปรรูปขยะจากเปลือกไข่
เป็นโปรเจคที่สร้างสรรค์ สามารถช่วยลดขยะ
และเพิ่มมูลค่าให้กับของเหลือทิ้งได้จริง
อีกทั้งยังสามารถต่อยอดออกไปอีกได้เรื่อย ๆ
ถือว่าเป็นตัวช่วยจุดประกายความคิดให้กับหลายองค์กร
เพื่อนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ขององค์กรนั้น ๆ
ให้มุ่งสู่แนวทางรักษ์โลกได้อย่างยั่งยืนอีกด้วยค่ะ

ข้อมูลอ้างอิง
https://bit.ly/2YgLZpx
https://bit.ly/3Dw5ZVr

#ครบเครื่องเรื่องรักษ์โลก #เราปรับโลกเปลี่ยน

31/08/2021

เริ่มอีกครั้งงงง

24/08/2020

เชื้อราเมธาไรเซียม + บิวเวอเรีย

แบ่งขาย 50 กรัม ราคา 40 บาท
แบ่งขาย 100 กรัม ราคา 70 บาท
สำหรับทดลองใช้ ผสมน้ำใช้ได้เลยน๊าาา

❗หากใช้กับฟอกกี้ หรือเครื่องฉีดพ่น ควรผสมผงละลายน้ำตั้งทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วกรองเอาแต่น้ำไปใช้ ป้องกันตะกอนติดบริเวณหัวฉีดพ่น หรือฟอกกี้❗

❗ระยะเวลาการใช้❗ ให้ใช้ต่อเนื่องกัน 7-14 วัน แมลงจะเริ่มลดลง

เมธาไรเซียม จะสามารถควบคุมและทำลายแมลงได้ เมื่อเข้าสู่แมลงทางผิวหนัง หรือช่องว่างของลำตัวรวมทั้งจะสร้างเอนไซม์เพื่อช่วยย่อยผนังบางส่วนและงอกสปอร์แทงผ่านลำตัวเข้าไป เจริญ และเพิ่มปริมาณทำให้แมลงเกิดโรค ตายในที่สุด แมลงที่ตายด้วยเชื้อราเมธาไรเซียม จะมีลักษณะลำตัวแข็งมีเชื้อราขึ้นปกคลุมลำตัวภายนอกเป็นสีเขียว ซึ่งระยะเวลาในการทำลายจะเร็วหรือช้า ขึ้นกับสภาพแวดล้อมได้แก่อุณหภูมิ ความชื้นและแสงสว่าง ที่เหมาะสมคือ อุณหภูมิ 25-30 องศาเซลเซียส ความชื้น มากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแสงแดด มีรังสียูวีจะมีผลยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา นอกจากนี้ความรุนแรงของเชื้อ จะรุนแรงมากหรือน้อย ยังขึ้นกับลักษณะพันธุกรรมของเชื้อ ความแข็งแรง หรือภูมิต้านทานของแมลงอีกด้วย
เชื้อราเมธาไรเซียม สามารถป้องกัน และกำจัดแมลงศัตรูพืช อาทิเช่น ปลวก ด้วงหนวดยาว ด้วงมะพร้าว ด้วงหมัดผัก ตั๊กแตน เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจั๊กจั่น เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล แมลงปากกัดปีกแข็ง หนอนกระทู้คอรวง หนอนกอข้าว หนอนใยผัก หนอนม้วนใบ หนอนหนังเหนียวและแมลงวันผลไม้

#บิวเวอเรีย เป็นจุลินทรีย์สามารถทำลายแมลงได้หลายชนิดทำลายแมลงโดยผลิตเอนไซม์ที่เป็นพิษต่อศัตรูพืช และเป็นเชื้อราที่อาศัยและกินเศษซากที่ผุพัง
ใช้ป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช เช่น
แมลงหวี่ขาว หนอนเจาะสมอฝ้าย ไรแดง เพลี้ยไฟ
เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ส้ม เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

🌵เมธาไรเซียม + บิวเวอเรีย เป็นจุลินทรีย์ปฏิปักษ์

เมธาไรเซียม + บิวเวอเรีย

จะมีความโดดเด่นและแตกต่างตรงที่ เราจะผสมจุลินทรีย์เมธาไรเซียม ที่มีความเก่งกาจในเรื่องของการกำจัดแมลงศัตรูพืชได้ดีกว่าเชื้อราบิวเวอเรีย ลงไปในทริปโตฟาจ เพื่อให้เมธาไรเซียมเป็นเหมือนแม่ทัพที่เข้าไปทำลายแมลงศัตรูพืชให้บาดเจ็บเสียก่อนแล้วค่อยให้เชื้อราบิวเวอเรียตามเข้าไปจัดการกับแมลงต่างๆอีกที จะทำให้การทำงานในการจัดการกับแมลงศัตรูพืชมีประสิทธิภาพดีกว่าและรวดเร็วกว่าการใช้เชื้อราบิวเวอเรียเพียงอย่างเดียว

จุลินทรีย์ทริปโตฟาจ มีความสามารถในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด #สามารถใช้ได้กับพืชเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น นาข้าว พืชผัก พืชไร่ ไม้ผล แม้กระทั่งในโรงเรือนเห็ดที่มีปัญหาเรื่องไรหรือแมลงต่างๆในโรงเรือนเห็ด ก็สามารถใช้จุลินทรีย์ ทริปโตฟาจได้ โดยไม่ส่งผลกระทบกับการเจริญเติบโตของเส้นใยของเห็ดและดอกเห็ดอีกด้วย สำหรับวิธีการใช้จุลินทรีย์ทริปโตฟาจกับพืชแต่ละชนิดเพื่อความเข้าใจจะอธิบายเป็นข้อๆไปดังต่อไปนี้

1. นาข้าว : ใช้ป้องกันกำจัดได้ทั้ง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล(สามารถใช้ป้องกันตั้งแต่ยังไม่ระบาดหรือใช้กำจัดตอนที่เพลี้ยระบาดหนักๆก็ได้) เพลี้ยจักจั่น หนอนใบขาว หนอนม้วนใบข้าว หนอนกอ แมลงบัว ในขาข้าว อัตราการใช้ ทริปโตฟาจ 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้เปียกชุ่มโชกเหมือนฝนตกในพื้นที่ 3-5 ไร่เป็นประจำ

2. พืชไร่ไม้ผล : ใช้ป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชได้ทั้ง เพลี้ยไฟ ไรแดง เพลี้ยแป้ง หนอนชอนใบ ไม้ผลที่เจอปัญหาเหล่านี้ก็มี มะละกอ มะนาว ส้ม มะม่วง น้อยหน่า มะยงชิด ทุเรียน อ้อย มันสำประหลังเป็นต้น อัตราการใช้จุลินทรีย์ทริปโตฟาจในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชในไม้ผล ใช้ทริปโตฟาจ 3-4 ช้อนแกง( 50 กรัม) ต่อน้ำ 20 ลิตร แล้วนำไปฉีดพ่นให้ชุ่มโชกทั่วทั้ง บนใบ ใต้ใบ กิ่ง ลำต้นและฉีดไปที่พื้นดินด้วย

3. พืชผัก : ใช้ป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชได้ทั้ง หนอนคืบ หนอนหนังเหนียว หนอนเจาะดอกกระหล่ำ หนอนกินใบคะน้า ที่ถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของเกษตรกรที่ปลูกผักเลยที่เดียว อัตราการใช้จุลินทรีย์ทริปโตฟาจในพืชผัก ใช้ 3-4 ช้อนแกง( 50 กรัม) ต่อน้ำ 20 ลิตร แล้วนำไปฉีดพ่นให้ชุ่มโชกทั่วทั้งบริเวณแปลงผัก

4. เห็ด : การเพาะเห็ดจะมีปัญหาเรื่องแมลงต่างๆเข้ามาสร้างความเสียหายในโรงเรือนเพาะเห็ด เช่น แมลงเต่าทอง แมลงสาบ แมลงหวี่ แมลงปีกแข็งตัวเล็กๆต่างๆเข้ามากัดกินก้อนเห็ด แล้วใช้จุลินทรีย์ทริปโตฟาจฉีดในโรงเรือนเพาะเห็ดแล้วไม่มีแมลงเหล่านี้เข้ามารบกวนในโรงเรืองเห็ดเลย
วิธีการใช้จุลินทรีย์ก็คล้ายๆกับการใช้ในไม้ผลและพืชผัก คือใช้ 3-4 ช้อนแกง( 50 กรัม) ต่อน้ำ 20 ลิตร แล้วนำไปฉีดพ่นให้ทั่วทั้งโรงเรือนเห็ดทุก 7-10 วัน

ขาว ๆๆๆ
09/08/2020

ขาว ๆๆๆ

09/08/2020

ไก่ไข่ ไข่สีขาว มาแล้ววว

18/12/2019

สวัสดีเพื่อนๆ ชาวเว็บวันนี้เรา ไร่เกษตร มีเมนูเด็ดมาให้ …

20/10/2019
29/08/2019

หลังจากเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีจำกัดศัตรูพืช หรือ ไทยเเพน ตรวจตัวอย่างผักและผลไม้จากห้างสรรพสินค้าและต...

25/08/2019
19/08/2019

ANIMAL: รู้หรือไม่ ไก่ที่เรากิน ๆ กัน มันโตเร็วขึ้น 4 เท่าในรอบ 50 ปี
ชอบกินไก่กันมั้ยครับ? ทุกวันนี้คงปฏิเสธได้ยากว่า “ไก่” เป็นเนื้อสัตว์ที่ “ฮิตที่สุดในโลก” ไปแล้ว และจริง ๆ ตัวเลขก็ยืนยันแบบนี้ เพราะสำหรับกลุ่มประเทศร่ำรวยของโลก (กลุ่ม OEDC) เนื้อไก่เป็นเนื้อที่บริโภคกันมามากสุดเกือบ 20 ปีแล้ว ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 2000
อย่างไรก็ดี ถ้าย้อนไปสัก 40-50 ปีก่อน ไก่ไม่ใช่สัตว์ยอดฮิตแบบที่เป็นกันทุกวันนี้ ซึ่งไม่ต้องไปไกล ถ้าลองไปถามคนรุ่นพ่อรุ่นแม่เรา เราก็จะพบว่าสมัยโน้น คนก็ไม่ค่อยกินไก่กันแบบสมัยนี้แน่ ๆ
ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ? ทำไมอยู่ดี ๆ ช่วงหลังคนฮิตกินไก่กัน?
จริง ๆ มันมีหลายปัจจัยครับ แต่ถ้าจะให้อธิบายปัจจัยที่พื้นฐานที่สุด ก็คงต้องตอบว่าเพราะในปัจจุบันราคาเนื้อไก่ถูกกว่าเมื่อ 50 ปีก่อนมาก
เอาง่าย ๆ ครับ ในอเมริกาเนี่ย 50 ปีก่อน เนื้อไก่นี่ราคาประมาณครึ่งหนึ่งของเนื้อวัวเลยนะครับ แต่มาปัจจุบัน เนื้อไก่ราคาเหลือแค่ 1 ใน 3 ของเนื้อวัวเท่านั้น
แล้วทำไมเนื้อไก่มันถูกลงได้ล่ะ?
คำตอบที่ตรงที่สุดก็คือ เพราะมนุษย์สามารถเลี้ยงไก่ได้ตัวใหญ่ขึ้น มีเนื้อเยอะขึ้น โดยใช้ต้นทุนเท่าเดิม
แล้วทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นได้? คำตอบคำมันเกิดสิ่งที่เรียกว่า “ไก่เลี้ยง” (ภาษาอังกฤษเขาจะเรียกว่า Broiler เลย ไม่เรียก Chicken) ที่ถูกพัฒนาสายพันธุ์มาเรื่อย ๆ ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา
อันนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า มนุษย์นี่เริ่มเลี้ยงไก่กันมาตั้งแต่ 6,000 ปีก่อนคริสตกาลแล้ว และเริ่มเลี้ยงกันที่แถวอินเดียมาจนถึงแถวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรานี่เอง ซึ่งสมัยก่อนโน้นเขาเลี้ยงไว้กินไข่ และเลี้ยงไว้ชน ไม่ได้เลี้ยงเอาไว้กินเนื้อเป็นหลัก เพราะเนื้อไก่แต่ละตัวก็ไม่ได้มีมากมายอะไร แถมเหนียว ๆ ด้วย (ถ้าเคยกิน “ไก่บ้าน” ก็นั่นแหละครับ เนื้อทำนองนั้นแหละ)
แล้วการเลี้ยงไก่เพื่อกินเนื้อเกิดมาอย่างไร? คำตอบคือเกิดขึ้นที่ทวีปอเมริกาเหนือ มันมีคนทำฟาร์มไก่ เพื่อขายไข่ กลุ่มหนึ่งมองเห็นว่าไก่ไม่น่าจะเป็นสัตว์ที่มนุษย์เลี้ยงไว้เพื่อกินไข่เท่านั้น แต่เนื้อของมันก็น่าจะเป็นแหล่งโปรตีนที่เลี้ยงมนุษย์จำนวนมากได้ด้วย พวกเขาก็เลยเริ่มทำการเพาะข้ามสายพันธุ์ โดยมีจุดประสงค์ให้ไก่มีเนื้อมากขึ้น โตเร็วขึ้น ฯลฯ
ต่อมาความพยายามหลายสิบปีในช่วงครึ่งแรกศตวรรษที่ 20 ก็เริ่มเกิดผล และก็ดังที่เล่ามา ในช่วงทศวรรษ 1960 ในอเมริกา เนื้อไก่มีราคาเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของเนื้อวัวเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในโปรตีนราคาถูกแห่งยุคสมัยแล้ว..แต่ “สิ่งมหัศจรรย์” ก็เกิดขึ้นหลังจากนั้น เพราะไก่ค่อย ๆ ตัวใหญ่ขึ้น ๆๆๆ
ใหญ่ขึ้นแค่ไหน เอาง่าย ๆ “ไก่เนื้อ” (ซึ่งก็คือไก่ที่เพาะพันธุ์มาเพื่อกินเนื้อโดยเฉพาะดังที่เล่ามา) ในยุค 1950’s น้ำหนักมันเมื่อถึงเวลาต้องจับขึ้นเขียงเมื่ออายุสองเดือน (ราว ๆ 7-8 สัปดาห์) มันอยู่ที่ราว ๆ 0.9 กิโลกรัม ซึ่งนั่นก็เรียกว่าโตเร็วกว่าไก่บ้านสุด ๆ แล้ว แต่ผ่านมาอีก 20 ปี ในช่วง 1970’s ไก่เลี้ยงอายุเท่ากันน้ำหนักมันขึ้นมาอยู่ที่ 1.8 กิโลกรัม และพอมาในช่วง 2000’s น้ำหนักไก่เลี้ยงอายุ 2 เดือน มันหนักไปถึง 4.2 กิโลกรัม
พูดง่าย ๆ ในเวลา 50 ปี ฟาร์มไก่สามารถผลิตเนื้อไก่ได้มากขึ้นเป็น 4 เท่าตัวจากไก่ตัวหนึ่ง เนื่องจากสายพันธุ์มันได้รับการพัฒนาให้ “เนื้อเยอะ” และ “โตเร็ว” สุด ๆ ซึ่งนี่เป็นผลจากการพัฒนาสายพันธุ์ล้วน ๆ
ซึ่งก็ต้องเข้าใจนะครับ ว่านี่ไม่ใช่เรื่องของการ “ฉีดสารกระตุ้น” อะไรทั้งนั้น นี่เกิดจากการพัฒนาสายพันธุ์จริง ๆ ดังนั้น โดยตัวไก่ของมันเองที่โตขนาดนี้ มันไม่ได้เกิดจากการโด๊ปจนมีสารตกค้างอะไรแบบที่เราอาจเคยได้ยินได้ฟังกัน แต่เกิดจากการพัฒนาสายพันธุ์ล้วน ๆ
พูดอีกแบบผลของการพัฒนาสายพันธุ์ไก่ มันทำให้ได้เหมือนไก่ GMO โดยที่ไม่ได้เกิดจากการตัดต่อพันธุกรรมใด ๆ ซึ่งในแง่หนึ่งก็ไม่ได้ต่างจากการที่มนุษย์สามารถเพาะพันธุ์หมาพันธุ์ต่าง ๆ ให้มีความสามารถต่าง ๆ กันเท่าไร เพียงแต่การเลือกเพาะพันธุ์ “ไก่บ้าน” ที่เนื้อน้อย เนื้อเหนียว และโตช้า ให้กลายมาเป็น “ไก่เลี้ยง” ที่เนื้อเยอะ เนื้อนิ่ม และโตเร็ว มันเกิดในเวลาไม่เกิน 100 ปีนี่เท่านั้นเอง
และนี่แหละครับ ที่มาของเนื้อไก่อันเป็นเนื้อสัตว์ราคาถูกยอดฮิตที่เรากินกันในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ถ้าเราไปดูในโลกตะวันตก เราก็จะเห็นเลยว่าอัตราบริโภคเนื้อวัว และเนื้อหมูค่อนข้างจะคงที่ แต่อัตราการบริโภคเนื้อไก่ มันยังเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งเหตุผลหนึ่งก็เกิดจากการที่คนยังเชื่อกันว่าการกินเนื้อสัตว์มัน ๆ อย่างเนื้อหมูและวัวมันจะทำให้เกิดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและหัวใจ และหันไปกินไก่กัน โดยเฉพาะส่วนที่เป็นเนื้อเน้น ๆ แบบอกไก่ (ในโลกตะวันตก อกไก่คือส่วนที่แพงที่สุด แพงโดดเลย ในขณะที่ในเอเชีย อกไก่คือส่วนที่ถูกที่สุด เพราะคนชอบความมัน ๆ แบบน่องและสะโพกมากกว่าส่วนอก)

อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
Line: (มี @ ด้วยนะครับ)
Instagram: instagram.com/brandthink.me
Website: www.brandthink.me
Twitter: twitter.com/BrandThinkme

28/07/2019

ไข่คนนุ่มๆ พร้อมเสริฟ - Wongnai Cooking

23/07/2019

สวัสดีเพื่อนๆ ชาวก้นครัวค่ะ วันนี้ใหม่อยากชวนเพื่อนๆ มาทำ เต้าหู้ไข่ ง่ายๆไว้ทานเองที่บ้าน เป็นเมนูสุขภา...

17/07/2019

นายประสงค์ ประไพตระกูล อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า จากข …

08/07/2019

สั่นสะเทือนวงการ "ไข่" แน่นอน เมื่อนวัตกรรมไข่แบบใหม่ ที่ไม่ต้องเลี้ยงไก่ กำลังจะบุกตลาดเอเชีย และจะเข้าม....

เช้า ๆ ...ไข่สด ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
07/07/2019

เช้า ๆ ...ไข่สด ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

06/07/2019

หลังจากเจ้าของฟาร์มไก่ชนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา ใช้ชื่อเฟสบุ๊คว่า พงศธรฟาร์ม หนองบุญมาก โพสขอความ.....

31/05/2019

ชวนทำ “ไข่แดงเค็ม” สูตรนี้ใช้ไข่ไก่ไม่ง้อไข่เป็ด สำหรับเมนูยำหรือไส้ขนมต่างๆ โดย aeiareeya - 9 พฤษภาคม 2019 แบ่งปันบ.....

ตามหามานาน....
11/05/2019

ตามหามานาน....

23/04/2019
09/04/2019

สู ต ร นี้ ทำเท

ที่อยู่

Mueang Rayong District
21000

เบอร์โทรศัพท์

+66909845411

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ไก่ไข่ "รมณ์ดี๊ ดี" ณ.เมืองระยอง 2018 -BTF Usผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ไก่ไข่ "รมณ์ดี๊ ดี" ณ.เมืองระยอง 2018 -BTF Us:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์


บริการสำหรับสัตว์เลี้ยง อื่นๆใน Mueang Rayong District

แสดงผลทั้งหมด