07/12/2024
ตลอดเวลาการทำงานในฐานะสัตวแพทย์ด้านนก มีเจ้าของหลายคนเข้ามาถามว่า “เลี้ยงนกจะเป็นภูมิแพ้ไหม” ส่วนตัวก็ได้แต่ตอบไปว่า “ก็แล้วแต่คน เพราะภูมิแพ้เป็นเรื่องเฉพาะส่วนตัว เกิดได้ทุกช่วงอายุ และก็แล้วแต่วิธีการเลี้ยง รวมไปถึงสถานที่เลี้ยงด้วย” ซึ่งเท่าที่เคยทบทวนเอกสารทางการแพทย์ พบว่ามีการตั้งชื่อภาวะนี้เป็นการเฉพาะว่า “โรคเจ้าของฟาร์มนก - Bird fancier's lung (BFL)” ซึ่งจะแสดงอาการหายใจติดขัดเหมือนหืดหอบ ไข้ขึ้น ไอแห้ง น้ำมูกไหล เจ็บตา เจ็บช่องอก หายใจลำบาก ไม่อยากอาหาร น้ำหนักลด อ่อนแรง ไปจนถึงในรายที่ป่วยเรื้อรังจะมีพังผืดในเนื้อเยื่อปอด (progressive pulmonary fibrosis) จนทำให้ออกซิเจนในกระแสเลือด oxygen saturation ต่ำลงเหลือ 70%
โรคเจ้าของฟาร์มนก ถือเป็นหนึ่งในโรคปอดอักเสบจากภูมิคุ้มกันไวเกิน (hypersensitivity pneumonitis หรือ immunologically mediated lung disease) ในคน ซึ่งมักเกิดมาจากการสูดดมสารแพ้จากนก (air borne avian antigen) เข้าไปอย่างต่อเนื่อง โดยโรคนี้ถูกค้นพบมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 หรือ ค.ศ.1965 โดยสารที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้มาจากโปรตีนในอุจจาระของนก (highly antigenic avian proteins excreted in bird droppings) และโปรตีนเคลือบขนนก (waxy proteins covering feathers birds)
เท่าที่มีรายงานถึงนกที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้ คือ ไก่งวง (turkeys), ไก่ (chickens), ห่าน (geese), เป็ด (ducks), นกหงส์หยก (budgerigars), นกแก้ว (parrots), นกพิราบ (pigeons), นกเขา (doves), นกแก้ว (lovebirds) และนกคีรีบูน (canaries) ส่วนใหญ่แล้วคนไข้มักไม่ค่อยได้ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ ด้วยเพราะอาการมันไปเหมือนอีกหลายโรค และเพียงได้รับยากลุ่ม steroid ก็จะดีขึ้น แต่สักพักก็จะเป็นใหม่อีก วนเช่นนี้ไปหลายปี เพราะแม้จะย้ายนกออกไปจนหมดบ้านแล้ว แต่สารแพ้นี้สามารถคงทนอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานถึง 18 เดือน
ชนิดนกที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบจากภูมิคุ้มกันไวเกินได้ดี คือ นกพิราบ ด้วยเพราะลักษณะการเลี้ยงและการทำฟาร์มจะอยู่กันอย่างหนาแน่นในพื้นที่เล็ก ๆ เช่น ดาดฟ้าตึกแถว และไม่ได้ทำความสะอาดขี้นกทุกวัน พอเข้าไปในกรงที นกก็กระพือปีกหนี ช่วยพัดฝุ่นละอองทั้งอุจจาระและจากขนให้ลอยฟุ้งในอากาศ พอคนเลี้ยงสูดเข้าไปก่อโรคนี้ได้ ต่อมาก็คือการเลี้ยง “นกแก้วอยู่ในบ้านตลอดเวลา” ซึ่งก็ทำให้เจ้าของใกล้ชิดกับนกมาก จึงสูดดมสารต่าง ๆ ที่ขับออกมาจากนกเข้าไปมากด้วยเช่นกัน ซึ่งภาวะนี้ไม่ได้เป็นกันทุกคนเพราะต้องมีพันธุกรรมที่ไวต่อสารแพ้ (genetic susceptibility) แล้วตามมาด้วยได้รับสารกระตุ้นภูมิแพ้ (antigen exposure) อย่างต่อเนื่อง จึงจะเกิดปัญหานี้ขึ้นได้
การวินิจฉัยส่วนใหญ่จะเริ่มจากการถ่ายภาพทางรังสีวิทยาของช่องอก (chest radiograph) และ computer tomography (CT) เพื่อหารอยโรคและประเมินความรุนแรง จากนั้นก็ตรวจเลือด เพาะเชื้อแบคทีเรียจากเสมหะ หรือแม้กระทั่งต้องทำ bronchoalveolar lavage (BAL) ออกมาเพาะเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส หรือ cytology สุดท้ายก็จะเป็นการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อค้นหา serum specific IgG antibodies ต่อโปรตีนในอุจจาระของนก (highly antigenic avian proteins excreted in bird droppings) และโปรตีนเคลือบขนนก (waxy proteins covering feathers birds) ของนกแต่ละชนิดที่เลี้ยงอยู่ในบ้าน ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าเราจะแพ้นกทุกตัวพร้อมกัน เนื่องจากเคยมีตัวอย่างในประเทศญี่ปุ่น ที่เลี้ยงนกแก้ว African grey parrot และนกหงส์หยกไว้ในบ้านด้วยกัน แต่ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการออกมาว่าเกิดโรคปอดอักเสบจากภูมิคุ้มกันไวเกินจากนกแก้ว African grey parrot เท่านั้น
ในประเทศอังกฤษ มีการเก็บสถิติจากผู้ป่วยปอดอักเสบ พบโรคปอดอักเสบจากภูมิคุ้มกันไวเกินประมาณ 0.5% ของผู้ป่วยทั้งหมด โดยพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ แต่ถ้านับเฉพาะผู้ป่วยที่เลี้ยงนกแก้วไว้ในบ้าน ก็จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 7.5% ซึ่งก็ยังถือว่าไม่มาก จึงถูกจัดเป็นโรคหายาก
สำหรับในประเทศไทย โอกาสพบโรคนี้มีมากใน “นกพิราบจรจัด” ในที่สาธารณะ เช่น วัด หมู่บ้าน สถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งมีการขายอาหารนกเป็นกิจจะลักษณะ เพราะยิ่งทำให้นกมารวมตัวกันมากขึ้น และพอกระพือปีกขึ้นพร้อม ๆ กันก็จะพัดพาสารภูมิแพ้ให้สูดดมไปกระตุ้น hypersensitivity pneumonitis กันได้ง่าย ๆ จึงอยากจะขอเตือนนายสัตวแพทย์ทุกท่านว่าอย่าไปสนับสนุนการเลี้ยงนกพิราบจรจัดที่ที่สาธารณะ ต่อมาก็คือ เจ้าของฟาร์มนกพิราบแข่ง เจ้าของร้านขายนกที่ตลาดค้าสัตว์ เจ้าของฟาร์มนกแก้วขนาดใหญ่ ฯลฯ ซึ่งเป็นหน้าที่ของสัตวแพทย์ที่จะต้องแนะนำให้เจ้าของนกทราบถึงความเสี่ยงนี้
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบทความเท่านั้น อ่านบทความฉบับเต็มพร้อมภาพประกอบต่อได้ที่ : https://readvpn.com/article/detail/2292
บทความโดย : น.สพ.เกษตร สุเตชะ - คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
สำหรับคุณหมอสัตวแพทย์ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก
ตอนนี้ทาง VPN มีโปรโมชั่นน่าสนใจอยู่นะ
💙 อ่านออนไลน์ จ่ายถูกกว่า -
สำหรับสัตวแพทย์ท่านที่สมัครสมาชิกแบบอ่านออนไลน์ (ไม่รับหนังสือ) จ่ายเพียง 1,500 บาท/ปี เท่านั้น และยังสามารถทำ CE online ในเว็ปไซต์ได้ตามปกติ
💙 อ่านจากเล่ม เน้นสะสม -
สำหรับท่านที่สมัคร/ต่ออายุสมาชิกแบบรับหนังสือ (สามารถใช้งานเว็ปไซต์และทำ CE online ได้ด้วย)
📍 ได้ทำ CE online มากกว่า 40 คะแนน/ปี
📍 ดาวโหลด E-book ไปอ่านได้
📍 ใช้งานเว็ปไซต์ได้เต็มรูปแบบ
📍 E-learning online course
ดูรายละเอียดแพคเกจ
และสมัครออนไลน์ด้วยตัวเองได้ที่ https://www.readvpn.com/register
หรือสอบถามเพิ่มเติม
add Line :