คลินิกยิ้มกว้างรักษาสัตว์ Smiley Animal Clinic

  • Home
  • คลินิกยิ้มกว้างรักษาสัตว์ Smiley Animal Clinic

คลินิกยิ้มกว้างรักษาสัตว์ Smiley Animal Clinic ตรวจรักษา ผ่าตัด ทำหมัน
ขูดหินปูน รักษานอกสถานที่ ฝากเลี้ยง
ตรวจเลือด rabies titer ฝังmicrochip

🏃🏃‍♀️🐕🐩👟💨เช็คสุขภาพก่อนไปวิ่งม่วนๆกันนะคะ ✨📣ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายค่า
24/10/2023

🏃🏃‍♀️🐕🐩👟💨เช็คสุขภาพก่อนไปวิ่งม่วนๆกันนะคะ

✨📣ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายค่า

🚨🚨เคาะแล้ว!!! รายชื่อสถานพยาบาลสัตว์ที่ร่วมกิจกรรมงานหมอหมาพาวิ่งครั้งที่ 6 🚨🚨
📌วันนี้มีข้อมูลสำคัญมาบอกเจ้าของนักวิ่งสี่ขาทั้งหลายจ้า เป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้เลยนะ..
📄คุณสมบัติของสุนัขและขั้นตอนนำสุนัขร่วมงานหมอหมาพาวิ่งครั้งที่ 6 ประเภท FUN RUN
🐶 สุนัขไม่อยู่ระหว่างการเจ็บป่วย ไม่อยู่ระหว่างฤดูผสมพันธุ์ ไม่มีปัญหาโรคผิวหนังที่รุนแรงหรือชนิดติดต่อ มีประวัติการถ่ายพยาธิ และปราศจากเห็บหมัด และมีประวัติการฉีดวัคซีนมาแล้วไม่น้อยกว่า 15 วัน ดังนี้
1. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง
2. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หัดสุนัข ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง
3. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคลําไส้อักเสบ ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง
📥ดาวน์โหลดและปริ้นท์ ใบรับรองการตรวจสุขภาพของสุนัข และใบยินยอมให้สุนัขเข้าร่วมกิจกรรม>> https://cmu.to/VqvFk
🧑‍⚕️นำสุนัขไปตรวจสุขภาพตามรายชื่อสถานพยาบาลสัตว์ที่ร่วมกิจกรรม และให้สัตวแพทย์เป็นผู้ลงชื่อรับรอง (ระยะเวลาที่เข้ารับการตรวจ >> 1 พฤศจิกายน 66 – 2 ธันวาคม 66)
📋เจ้าของสุนัขรับทราบข้อควรปฏิบัติและลงลายชื่อในใบยินยอม
📑นำสุนัข ใบรับรอง ใบยินยอม มายื่นลงทะเบียนหน้างานก่อนเริ่มกิจกรรม

ลงทะเบียนได้อยู่น้าาา 𝗥𝗲𝗴𝗶𝘀𝘁𝗲𝗿 𝗻𝗼𝘄 >> https://www.regis.run/race/vetcmu2023/
----
#ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง #รถพยาบาลสัตว์ #หมอหมาพาวิ่ง #ครั้งที่6

03/05/2023

ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา คำแนะนำเกี่ยวกับอายุที่เหมาะสมในการทำหมันในแมวแตกต่างกันไป ในช่วงยุคแรก มีคำแนะนำให้ทำหมันในแมวเพศเมียหลังมีลูกครอกแรก และปรับเปลี่ยนเป็นควรทำหมันก่อนสัดแรก บางรายงานแนะนำเป็นการทำหมันตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป อย่างไรก็ดี แมวมักเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ตั้งแต่อายุ 5 เดือน ในแมวที่ไม่มีเจ้าของ แมวชุมชน หรือแมวอยู่ในสถานสงเคราะห์สัตว์จึงได้รับคำแนะนำในการทำหมัน “ก่อนวัยเจริญพันธุ์” ซึ่งเป็นอายุช่วง 4-5 เดือน คำแนะนำที่ต่างกันมาจากเหตุผลที่หลากหลาย “แมวควรทำหมันเมื่ออายุเท่าไร” จึงเป็นคำถามที่ยังคงเป็นที่สงสัยของใครหลายคน
ในปี ค.ศ. 2009 และ 2011 เคยมีการสำรวจโดย IPSOS Marketing ของ Pet smart charities ในสหรัฐอเมริกา ผลสำรวจพบว่า 75% ของผู้เลี้ยงแมวนั้น ยังไม่เคยมีความรู้เรื่องคำแนะนำในการทำหมันและช่วงเวลาที่เหมาะในการพาแมวไปทำหมัน ในกลุ่มคนเลี้ยงแมวที่ไม่ได้พาแมวไปทำหมันนั้น พบว่ากว่า 34% คิดว่าอายุช่วง 6-9 เดือนนั้นแมวยังเด็กเกินไป และ 31% คิดว่าการผ่าตัดทำหมันนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูง และในปี ค.ศ. 2016 The Veterinary Task ที่เมืองฟลอริดา มีการศึกษาพบว่า แมวที่ทำหมันในช่วงอายุก่อน 5 เดือนทั้งสองเพศมีอายุที่ยาวนานกว่าแมวที่ไม่ได้ทำหมัน โดยมีข้อสนับสนุนดังนี้ (Breuninger et al., 2016)
อายุที่แนะนำในการทำหมันแมวแตกต่างจากสุนัข
การศึกษามีรายงานผลดีของการทำหมันก่อนสัดแรกของแมวเพศเมีย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกที่เต้านมชนิดมะเร็ง ลดภาวะฉุกเฉินทางระบบสืบพันธุ์ เช่น คลอดยาก มดลูกอักเสบแบบเป็นหนอง การตั้งท้องที่ไม่พึงประสงค์ และลดปัญหาพฤติกรรมที่สอดคล้องกับฮอร์โมนเพศ เช่น ความก้าวร้าว ปัญหาการปัสสาวะรดในเพศผู้ โดยไม่พบความแตกต่างของอันตรายหรือความเสี่ยงในแมวที่ได้รับการวางยาทำหมันในแมวอายุน้อย 6-14 สัปดาห์และแมวที่อายุมากกว่า 16 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องมีการศึกษา ติดตามผลดีและผลเสียจากอายุในการทำหมันแมวที่แตกต่างกันต่อไป เพื่อให้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมและปรับให้เหมาะสม
การร่วมให้ข้อมูลและนัดทำหมันแมวหลังที่แมวได้รับวัคซีนแรกเกิดครบแล้ว จะช่วยลดปัญหาแมวตั้งท้องหรือลูกแมวไม่พึงประสงค์ แคมเปญ “Feline Fix by Five Months Campaign” จึงได้รับการสนับสนุนจากหลาย ๆ องค์กรในสหรัฐอเมริกา
นอกจากนั้น มีการศึกษาเพิ่มเติมเรื่องของการทำหมันก่อนวัยเจริญพันธุ์ ในปี ค.ศ. 1997 Howe ได้มีรายงานการศึกษาผลระยะสั้น แมวในสถานเลี้ยงสัตว์ที่มีอายุเกิน 3 ปี ประมาณเกินครึ่งหนึ่งได้รับการทำหมันก่อนอายุ 6 เดือน (188 ตัว จาก 263 ตัว) ไม่พบว่าแมวที่ทำหมันก่อน 6 เดือนเกิดปัญหาเรื่องโรคติดเชื้อหรือปัญหาพฤติกรรม (Howe, 1997)
ต่อมาในปี ค.ศ. 2013 Howe และคณะได้ศึกษาผลระยะยาวในแมว 460,000 ตัว พบกว่าแมวทั้งเพศผู้และเพศเมียทำหมันจะมีช่วงอายุเฉลี่ยที่มากกว่าแมวที่ไม่ได้ทำหมัน อายุเฉลี่ยแมวเพศผู้ไม่ทำหมัน 7.5 ปี แมวเพศผู้ทำหมัน 11.8 ปี แมวเพศเมียไม่ได้ทำหมัน 9.5 และแมวเพศเมียทำหมัน 13.1 ปี อย่างไรก็ดีข้อมูลชุดนี้ไม่ได้ประเมินถึงความแตกต่างที่อาจมีปัจจัยอื่น ๆ ส่งผลร่วมด้วย เช่น การเลี้ยง สิ่งแวดล้อม โรคที่แมวป่วย อุบัติเหตุ (Howe et al., 2000)
การศึกษาในรัฐแมสซาชูเซตส์พบว่าสุนัขและแมว 87% มีลูกอย่างน้อย 1 ครอกก่อนที่จะได้รับการทำหมัน ดังนั้นหากการเริ่มทำหมันก่อนสัตว์เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ เราจะมีโอกาสลดประชากรสุนัขและแมวที่เกิดใหม่ได้อย่างน้อย 87% ต่อเนื่องไปถึงช่วยลดปัญหาลูกสัตว์ที่ถูกทิ้ง
ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการวางยาสัตว์อายุน้อย (Howe, 1997) จากรายงานพบว่าแมวที่ได้รับการทำหมัน 3 ช่วงอายุ ได้แก่ น้อยกว่า 12 สัปดาห์ 12-23 สัปดาห์ และตั้งแต่ 24 สัปดาห์ขึ้นไปนั้น ไม่พบความแตกต่างของปัญหาการวางยา การผ่าตัดและผลข้างเคียงหลักหลังการผ่าตัดที่ต้องการรักษาหรือมีผลต่ออัตราเสียชีวิต แต่อย่างไรก็ตาม พบว่ามีความแตกต่างเรื่องผลข้างเคียงรองที่ไม่ต้องรับการรักษาหลังการทำหมันระยะใน 7 วัน โดยพบสูงสุดในแมวกลุ่มอายุมากที่สุดและต่ำสุดในแมวที่อายุน้อยที่สุด
หากกล่าวถึงความเสี่ยงในการวางยาลูกแมว ปัญหาสำคัญที่สามารถเตรียมพร้อมรับมือได้ ได้แก่ ขนาดสัตว์ที่เล็ก-น้ำหนักตัวน้อย ปัญหาอุณหภูมิร่างกายต่ำ (hypothermia) และ ภาวะน้ำตาลในกระแสเลือดต่ำ (hypoglycemia) นอกจากการเลือกใช้ยาสลบที่ปลอดภัยในลูกสัตว์แล้ว สามารถให้ความอบอุ่นสัตว์ผ่าน warm plate หรืออุปกรณ์ให้ความอบอุ่นสัตว์ระหว่างการผ่าตัด ลดระยะเวลาในการงดอาหารเหลืออย่างน้อย 2 ชั่วโมงเพื่อป้องกันภาวะ hypoglycemia
ปัญหาระบบทางเดินปัสสาวะตีบหรืออุดตันในเพศผู้ หลายคนมักสงสัยการทำหมันในเพศผู้ก่อนวัยเจริญพันธุ์จะส่งผลทำให้ท่อทางเดินปัสสาวะตีบหรือเกิดปัญหาทางเดินปัสสาวะได้มากกว่าแมวที่ทำหมันตอนโตหรือแมวที่ไม่ทำหมันหรือไม่ ในปี ค.ศ. 1996 มีการศึกษาพบว่า ไม่พบความแตกต่างของเส้นผ่าศูนย์กลางท่อปัสสาวะในแมวเพศผู้ที่ทำหมันช่วงอายุ 7 สัปดาห์ และ 7 เดือน หรือไม่ทำหมัน อย่างไรก็ดี ยังไม่พบว่ามีการศึกษาทั้งในระยะสั้นและระยะยาวที่แสดงชัดเจนว่าแมวเพศผู้ที่ทำหมันจะเพิ่มโอกาสการเกิดปัญหาทางเดินปัสสาวะอุดตัน
ปัญหาข้อและกระดูก มีเพียงรายงานปัญหาเอ็นและข้อในสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ที่ทำหมันก่อนอายุ 6 เดือน แต่ไม่พบรายงานในสุนัขพันธุ์เล็กและแมว
ปัญหาทางพฤติกรรม ในปี ค.ศ. 2014 ได้มีงานวิจัยที่ศึกษาพฤติกรรมของแมวหลังการทำหมัน ในแมว 800 ตัว แบ่งอายุทำหมันช่วง 8-12 สัปดาห์ และ 6-9 เดือน มีการติดตามพฤติกรรมนาน 2 ปี โดยไม่พบความแตกต่างเรื่องปัญหาพฤติกรรมของแมวกลุ่มที่มีช่วงอายุในการทำหมันที่ต่างกัน
ในต่างประเทศ สัตวแพทย์มักจะแนะนำเรื่องการทำหมัน ช่วง 2-3 สัปดาห์หลังการกระตุ้นวัคซีนพื้นฐานที่มักครบที่อายุประมาณ 4 เดือน เพื่อรอให้ระดับภูมิคุ้มกันโรคขึ้นสูงก่อนการทำหมัน แมวที่ได้รับวัคซีนครบยังสามารถฝากดูแลที่สถานพยาบาลสัตว์ หากเป็นสถานรับสงเคราะห์สัตว์แมวจะเริ่มพิจารณาทำหมันเมื่อน้ำหนักมากกว่า 2 ปอนด์ (เกือบ 1 กิโลกรัม) และอายุเกิน 8 สัปดาห์ หรือเมื่อโตและมีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์ เพื่อเตรียมพร้อมทำหมันก่อนส่งมอบให้ผู้รับอุปการะ
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบทความเท่านั้น อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ : https://www.readvpn.com/Topic/Info/e1d154cf-51f9-44cf-8b1a-83ee21358efb
บทความโดย : อ. สพ.ญ. ดร. ชื่นสุมน ลิ้มมานนท์
สำหรับคุณหมอสัตวแพทย์ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก
ตอนนี้ทาง VPN มีโปรโมชั่นน่าสนใจอยู่นะ
💙 อ่านออนไลน์ จ่ายถูกกว่า -
สำหรับสัตวแพทย์ท่านที่สมัครสมาชิกแบบอ่านออนไลน์ (ไม่รับหนังสือ) จ่ายเพียง 1,000 บาท/ปี เท่านั้น และยังสามารถทำ CE online ในเว็ปไซต์ได้ตามปกติ
💙 อ่านจากเล่ม เน้นสะสม -
สำหรับท่านที่สมัคร/ต่ออายุสมาชิกแบบรับหนังสือ (สามารถใช้งานเว็ปไซต์และทำ CE online ได้ด้วย)
📍 ได้ทำ CE online มากกว่า 40 คะแนน/ปี
📍 ดาวโหลด E-book ไปอ่านได้
📍 ใช้งานเว็ปไซต์ได้เต็มรูปแบบ
📍 E-learning online course
ดูรายละเอียดแพคเกจ
และสมัครออนไลน์ด้วยตัวเองได้ที่ https://www.readvpn.com/VPN/Subscription
หรือสอบถามเพิ่มเติม
add Line :

31/10/2022

รางวัลนำส่ง 5,000 บาท น้องซาลาเปาทอด ตัวผู้ ทำหมันแล้ว อายุ 2 ปี สีส้มล้วน หางยาวสวย ตอนหายใส่ปลอกคอสีแดง ไม่มีกระดิ่ง หายไปจากซอย 3/1 หมู่บ้าน จินดาวิลล่า หมู่ 5 หนองผึ้ง สารภี ตั้งแต่วันพุธ 26 ตุลาคม ขี้กลัว ยอมหยุดให้จับเมื่อเรียกอุ๋งๆ เบาๆ แล้วค่อยๆเดินเข้าหา หากพบเจอน้องและส่งคืนมีรางวัลให้ โทร. 081-885-0551
Missing Cat Name Sa-La-Pao-Tord, orange cat, 2yrs, spayed, red collar with gray tag. Missing since 26 October around Jindavilla Soi 3/1, Nong Pheung, Saraphi, Chiang Mai
Pls help us find him. Contact 085-614-8837 (Reward 5000THB)

28/10/2022
🙍น้องแมวอ้วน พุงโต ตัวเหลือง ซึมหายใจไวๆสั้นๆ ไม่ค่อยอยากเคลื่อนไหวร่างกาย ไม่กินอาหาร👨🏽‍⚕️ตรวจร่างกายพบว่าน้องแมวแห้งน้...
27/09/2022

🙍น้องแมวอ้วน พุงโต ตัวเหลือง ซึมหายใจไวๆสั้นๆ ไม่ค่อยอยากเคลื่อนไหวร่างกาย ไม่กินอาหาร
👨🏽‍⚕️ตรวจร่างกายพบว่าน้องแมวแห้งน้ำสุด น้องผอมมากพุงที่คิดว่าอ้วนจริงๆคือน้ำในท้องต่างหาก สูบน้ำในท้องออกมาเป็นสีเหลืองเหนียวหนืด positive rivalta test สูบออกมาได้ 578ml. หายใจโล่งขึ้นเยอะเลย...รักษากันต่อไปเนอะ สงสารน้องแมว 😔

😸🐶 เดือนตุลาคม65 .. เมื่อน้องแมวหรือน้องหมามาทำหมันที่คลินิกยิ้มกว้างรักษาสัตว์ Smiley Animal Clinic   เจ้าของสามารถลงทะ...
27/09/2022

😸🐶 เดือนตุลาคม65 .. เมื่อน้องแมวหรือน้องหมามาทำหมันที่คลินิกยิ้มกว้างรักษาสัตว์ Smiley Animal Clinic เจ้าของสามารถลงทะเบียนแล้วรับไปเลย อาหาร DOG n joy หรือ CAT n joy สูตรทำหมัน

ปล.ได้เพียงบ้านละ1ถุงนะคะ(1ถุง/1ที่อยู่ที่ใช้ลงทะเบียนตอนรับอาหาร) แอบเสียดายบ้านที่มาทำหมันพร้อมกันมากกว่า1จังเลย แต่หมอถามทางบริษัทมาให้แล้วค่ะ 🥹

25/09/2022

คลิปป้อนยาน้องแมวที่แสนจะง่ายดาย เจ้าของถ่ายคลิปส่งมาอวดหมอค่ะ คลินิกยิ้มกว้างรักษาสัตว์ Smiley Animal Clinic

#ป้อนยาแมวง่ายติ๊ดเดียว

27/08/2022

กลับมายืนยันอีกครั้งครับ กับหยุดเสียก่อนจะสาย #ไก่อบแห้ง 😕
ผมเคยเขียนเรื่อง #ไก่อบแห้ง ไปแล้วหนนึง แต่ก็ยังคงพบเจอกับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่เคยทราบเลยว่า ไอ้เจ้าขนมที่ทำจากอกไก่ #ไม่ปรุงรส ขายกันใน supermarket petshop เนี่ยมันไม่ปลอดภัยกับไตเด็กๆ
เมื่อเร็วๆนี้ก็มีมาแชร์กับอีก 1 รายครับ ที่แค่มาตรวจร่างกาย ตรวจเลยพบค่า creatinine สูงอย่างประหลาด เพราะเด็กก็ยังไม่มีอาการผิดปกติ ซักถามไปมาถึงได้ทราบว่า เพิ่งให้กิน #ไก่อบแห้ง มาได้ 2 สัปดาห์ก่อนตรวจเลือด ก่อนหน้าเคยตรวจก็ไม่เคยมีค่าไตผิดปกติครับ (ก่อนตรวจเลือด ผมให้อดอาหาร 8 ชั่วโมงตามปกติทุกครั้ง) ได้ความดังนั้น จึงรีบแจ้นมาเล่าให้คุณๆฟังกัน
มาวันนี้ครบกำหนด 4 สัปดาห์หลังหยุด #ไก่อบแห้ง แล้วเรามีนัดตรวจเลือดกันซ้ำเพื่อดูว่าค่าไต (creatinine) จะเป็นอย่างไร เป็นตามคาดคือ กลับลงมาที่จุดเดิมใกล้เคียงกับผลตรวจหนก่อนหน้าที่ยังไม่เคยกิน #ไก่อบแห้ง แค่นี่ก็น่าจะเพียงพอนะครับที่เราจะมาช่วยกันบอกต่อให้กับคุณพ่อคุณแม่อีกหลายต่อหลายคนที่ไม่เคยทราบความจริงอันนี้ เพื่อเป็นการ save เด็กๆให้ปลอดภัยจากภาวะไตวายนะครับ
หนนี้ผมได้ตรวจค่า SDMA ด้วย พบว่าสูงประมาณ 23 mcg/dl ซึ่งถือว่าสูงจนทำให้สุนัขรายนี้ตกอยู่ในภาวะไตวานเรื้อรัง stage 2 แม้ค่า creatinine จะลงมาในระดับปกติ ผมเองไม่มั่นใจว่ามันกำลังลดลงตามมาหรือจะคงค้างอยู่ที่จุดนี้ อันนี้โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ
โดยสรุปคือ #ไก่อบแห้ง เป็นตัวการสำคัญของการเพิ่มสูงขึ้นของค่า creatinine เมื่อหยุด ก็ทำให้ creatinine ลงมาอยู่ในช่วงปกติได้ใน 1 เดือน หากแต่มีความเป็นไปได้ที่ #ไก่อบแห้งจะทำให้ SDMA สูงขึ้นได้ด้วย แต่ยืนยันไม่ได้เพราะไม่ได้ตรวจในหนนั้น แต่ 1 เดือนต่อมา SDMA ก็ยังคงสูงกว่าปกติอยู่
หยุดเถอะครับ #ไก่อบแห้ง

16/08/2022

มาเตือนกันอีกเป็นรอบที่นับไม่ถ้วน 💢💢💢
ถูก ดี เห็บหมัดตาย หมาแมวก็ตายด้วยเช่นกัน! ☠️☠️☠️
อย่าเสียน้อยเสียยาก เสียค่ารักษามาก เสียชีวิตหมาแมวไปง่ายๆ ให้กับเหตุเหล่านี้

ช่วงนี้ขึ้นfeedโฆษณาเยอะมากๆ ยังมีคนสนใจซื้อกันอยู่เลย 🐕🦮 อย่าคิดว่าหมาไทย หมาตัวใหญ่ กินได้ไม่เป็นไร หมาไทย30กิโล หรือตัวยักษ์ๆอย่างพันธุ์ฟิล่า กินแล้วอัมพาตฉับพลัน ขาลาก เดินไม่ได้มาเลย หมอก็เคยเจอ 🐈🐩 ส่วนแมวหรือหมาตัวเล็กๆนี่ ตาบอด ชัก ตายไวแบบไม่มีเวลาให้รักษาเลยนะ

⚠️ จะเตือนกันจนกว่าคนจะเลิกซื้อยาพวกนี้สักที บางคนไม่รู้จริงๆไม่ว่ากัน ถึงจะทลายแหล่งผลิตยาพวกนี้ไม่ได้ ไม่เคยหมดไปสักที แต่อยากให้รู้กันเยอะๆ จะได้ไม่มาเสียใจกันทีหลังนะคะ

📌 ยากินเห็บหมัดยี่ห้อที่มีทะเบียน ปลอดภัย
✅️ NEXGARD, Nexgard Spectra
✅️ Simparica
✅️ Bravecto
✅️ Heartgard (อันนี้เฉพาะพยาธิหนอนหัวใจที่มากับยุง)
*นอกจากนี้ยาเถื่อนหมด*

ปล. ยากินป้องกันเห็บหมัด จะมีข้อจำกัด คือ ถ้ามีโรคประจำตัว แก่อายุเยอะ มีปัญหาระบบประสาท มีโรคตับ โรคไต ท้อง อันนี้ก็ไม่แนะนำ หรือให้ได้แต่ต้องอยู่ในการดูแลของหมอค่ะ ขนาดยากินแบบมีทะเบียนยังมีข้อจำกัดเลย ยาเถื่อนยิ่งไม่ต้องพูดถึงค่ะ อันตรายมาก 😢

14/07/2022

เชื้อรีโทรไวรัส (retrovirus) เป็นไวรัสที่มีสารพันธุกรรมเป็นอาร์เอ็นเอ โดยเชื้อรีโทรไวรัสนั้นมีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถเปลี่ยนสารพันธุกรรมของตัวเองเป็นดีเอ็นเอได้เมื่อเข้าสู่เซลล์ของโฮสต์ จากนั้นดีเอ็นเอของไวรัสจะแทรกเข้าไปยังโครโมโซมของเซลล์โฮสต์ และกระตุ้นให้เซลล์โฮสต์ผลิตสารต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการเจริญเติบโต และการเพิ่มจำนวนของไวรัสต่อไป
รีโทรไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคที่สำคัญในแมว คือ feline leukemia virus (FeLV) และ feline immunodeficiency virus (FIV) ซึ่งก่อให้เกิดโรคลิวคีเมีย และโรคเอดส์ในแมวตามลำดับ
แม้ไวรัสทั้งสองชนิดจะจัดอยู่ในวงศ์เดียวกัน นั่นคือ Retroviridae และวงศ์ย่อยเดียวกันนั่นคือ Orthoretrovirinae แต่ไวรัสทั้งสองจัดอยู่ต่างสกุลกัน กล่าวคือ FeLV นั้นจัดอยู่ในสกุล gammaretrovirus แต่ FIV นั้นจัดอยู่ในสกุล lentivirus โดยไวรัสในสกุล lentivirus ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดีคือ human immunodeficiency viruses (HIV) ในมนุษย์นั่นเอง
การติดต่อและพยาธิกำเนิด
การติดเชื้อ FeLV ในแมวนั้นแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ progressive infection, regressive infection และ abortive infection โดยขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันและความรุนแรงของการติดเชื้อเป็นหลัก ดังนี้
1. Progressive infection หลังจากที่แมวได้รับเชื้อไวรัสเข้าร่างกายทาง oronasal route แล้ว (อาจพบการติดจากการกัดกันได้บ้างแต่น้อยกว่า) ไวรัสจะเพิ่มจำนวนที่ต่อมน้ำเหลือง และแพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายผ่าน monocyte และ lymphocyte ช่วงนี้จะเรียกว่า primary viremia
ซึ่งช่วง primary viremia นี้เอง ไวรัสจะเข้าสู่ไขกระดูก ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อภายในไขกระดูก และทำให้เม็ดเลือดขาวรวมถึงเกล็ดเลือดติดเชื้อไวรัสนี้ไปด้วย โดยเรียกช่วงนี้ว่า secondary viremia นอกจากนั้นไวรัสยังมีการเพิ่มจำนวนบริเวณเยื่อบุผิวของเยื่อเมือกและต่อมต่าง ๆ โดยที่ภูมิคุ้มกันไม่สามารถควบคุมการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัสได้
ดังนั้นแล้วจึงพบว่าแมวที่ติดเชื้อในลักษณะนี้สามารถแพร่เชื้อไวรัสไปยังแมวอื่นได้ โดยผ่านทางสิ่งคัดหลั่งของร่างกายได้ เช่น น้ำลาย น้ำมูก น้ำนม ปัสสาวะ และอุจจาระ โดยมักพบว่ามีการแพร่กระจายผ่านทางน้ำลายเป็นหลัก ดังนั้นจึงพบว่า FeLV นั้นมีแพร่ระบาดในแมวที่อาศัยอยู่ร่วมกัน หรือสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด รวมถึงติดต่อจากแม่แมวสู่ลูกแมว
โดยการติดเชื้อแบบ progressive infection นี้ส่งผลให้แมวมีอายุขัยสั้นกว่าการติดเชื้อในรูปแบบอื่น อีกทั้งมักพบว่าแมวมีการพัฒนาของโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกันกับ FeLV ได้มากกว่าลักษณะการติดเชื้อแบบอื่น
2. Regressive infection ภูมิคุ้มกันของแมวสามารถควบคุมการติดเชื้อได้ แมวที่มีการติดเชื้อในลักษณะนี้จะสามารถตรวจพบแอนติเจนของไวรัสในเลือดได้เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น จากนั้นจะไม่สามารถตรวจพบแอนติเจนได้อีก
แต่อย่างไรก็ตามหากต้องการตรวจวินิจฉัย ต้องใช้เทคนิค PCR ในการตรวจหาสารพันธุกรรม proviral DNA เท่านั้น แมวที่มีการติดเชื้อแบบ regressive infection นั้นจะไม่สามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสไปยังแมวตัวอื่นได้ (แต่สามารถแพร่กระจายผ่านการให้เลือดได้ หากในเลือดของแมวที่ให้เลือดนั้นมี proviral DNA ของไวรัสอยู่) อีกทั้งไม่ค่อยพบว่ามีการพัฒนาของโรคอื่นที่เกี่ยวข้องกันกับ FeLV นัก
แต่หากภูมิคุ้มกันของแมวลดลง และไม่เพียงพอสำหรับการควบคุมการติดเชื้อ แมวอาจพัฒนาการติดเชื้อจาก regressive infection เป็น progressive infection ได้
3. Abortive infection แมวที่มีการติดเชื้อในลักษณะนี้มักจะไม่สามารถตรวจพบแอนติเจน หรือ proviral DNA ได้เลย โดยจะสามารถตรวจพบได้เพียงแต่แอนติบอดีเท่านั้น
การติดเชื้อ FIV นั้นมักติดจากการกัดกันเป็นหลัก โดยมักพบไวรัสในปริมาณมากในน้ำลาย ส่วนกรณีการติดจากแม่สู่ลูกพบได้น้อยมาก ในระยะแรกของการติดเชื้อนั้นจะสามารถตรวจพบไวรัสจากเลือดได้ในปริมาณมาก และมีปริมาณlymphocyte ที่ลดลง แต่เมื่อเข้าสู่ระยะถัดไป ร่างกายของแมวจะมีการสร้างภูมิคุ้มกันมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณไวรัสในร่างกายลดลง ทั้งนี้แมวอาจไม่แสดงอาการผิดปกติใดทางคลินิกเลยเป็นเวลาหลายปีก็ได้
อาการทางคลินิก
อาการทางคลินิกของแมวที่ติดเชื้อรีโทรไวรัสนั้นค่อนข้างหลากหลาย โดยอาจสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มอาการต่าง ๆ ได้ ดังนี้
1. เนื้องอก แมวที่ติดเชื้อ FeLV นั้นมีโอกาสเกิดเนื้องอกได้มากกว่าแมวแข็งแรงทั่วไปถึง 62 เท่า โดยมักพบว่าเป็นเนื้องอกที่เกี่ยวข้องกับ T-cell lymphoma สำหรับแมวที่ติดเชื้อ FIV นั้นมีโอกาสเกิดเนื้องอกได้มากกว่าแมวแข็งแรงทั่วไป 5 เท่า โดยเนื้องอกที่เป็นมักเกี่ยวข้องกันกับ B-cell lymphoma
2. กดการทำงานของไขกระดูก มักพบได้บ่อยในแมวที่ติดเชื้อ FeLV โดยส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น anemia, thrombocytopenia, neutropenia และ pancytopenia แต่อย่างไรก็ตามแมวที่ติดเชื้อ FIV นั้นมักไม่ค่อยพบปัญหาการกดไขกระดูกเท่าไหร่นัก แต่อาจพบปัญหา neutropenia ได้
3. ปากอักเสบ มักพบอาการนี้ได้บ่อยมากทั้งในแมวที่ติดเชื้อ FeLV และ FIV
4. ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ มักพบได้บ่อยมากทั้งในแมวที่ติดเชื้อ FeLV และ FIV
ทั้งนี้ โดยทั่วไปแล้วมักพบว่าแมวที่ติดเชื้อ FeLV นั้นมักมีอาการทางคลินิกโดยรวมที่รุนแรงกว่า และการติดเชื้อ FeLV แบบ progressive infection นั้นมักส่งผลให้แมวมีอายุขัยสั้นลงกว่าแมวที่ไม่ติดเชื้อมาก สำหรับแมวที่ติดเชื้อ FIV นั้นมักมีอาการป่วยอันเนื่องมาจากการพัฒนาของโรคอื่น เช่น การติดเชื้อ หรือเนื้องอก เป็นต้น
อ่านเนือหาบทความที่เหลือต่อได้ที่ : https://www.readvpn.com/CECredit/Info/625de3b8-6d7a-4d9c-89a6-bda4cf3777ea
เรายังมีบทความและ CE ให้คุณหมอได้อ่านและทำอีกมากมาย
เพียงแค่สมัครสมาชิก แถมช่วงนี้เรายังมีโปรโมชั่นพิเศษอีกด้วย ดังนี้
💚 อ่านออนไลน์ จ่ายถูกกว่า -
สำหรับสัตวแพทย์ท่านที่สมัครสมาชิกแบบอ่านออนไลน์ (ไม่รับหนังสือ) จ่ายเพียง 1,000 บาท/ปี เท่านั้น และยังสามารถทำ CE online ในเว็ปไซต์ได้ตามปกติ
💚 อ่านจากเล่ม - เติมเต็มความรู้ทุกช่องทาง
สำหรับท่านที่สมัคร/ต่ออายุสมาชิกแบบรับหนังสือ (สามารถใช้งานเว็ปไซต์และทำ CE online ได้ด้วย)
📍 ได้ทำ CE online มากกว่า 40 คะแนน/ปี
📍 ดาวโหลด E-book ไปอ่านได้
📍 ใช้งานเว็ปไซต์ได้เต็มรูปแบบ
📍 E-learning online course
ดูรายละเอียดแพคเกจ
และสมัครออนไลน์ด้วยตัวเองได้ที่ https://www.readvpn.com/VPN/Subscription
หรือสอบถามเพิ่มเติม
add Line : https://lin.ee/v8Ldcyu

12/07/2022

Acute kidney injury (AKI) คือภาวะใด ๆ ก็ตามที่ส่งผลให้โครงสร้างและการทำงานของไตเสียหายอย่างรุนแรงและฉับพลัน ประกอบด้วยสาเหตุที่เกิดจาก 1. pre-renal azotemia 2. renal azotemia และ 3. post renal azotemia
สารเคมีและยาบางชนิดอาจทำให้กระบวนการทำงานของไตเสียหาย หรือทำให้ renal blood flow (RBF) ลดลง และอาจก่อให้เกิดการทำลายของเซลล์ไต (renal cellular damage) ทั้งในส่วนของ glomerular cell, tubular cell และ interstitial cell ซึ่งการซักประวัติอย่างละเอียดเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่จะทำให้สัตวแพทย์ได้ข้อมูลและทราบถึงสาเหตุของการเกิด AKI ได้เบื้องต้น โดยบทความนี้จะยกตัวอย่างสารเคมีหรือยาบางชนิดที่มีพิษต่อไต ทั้งกลไก อาการ และการรักษา ซึ่งอาหารและยาบางชนิดอาจดูเป็นสิ่งใกล้ตัวที่คุณหมออาจมองข้ามได้
1. องุ่นและลูกเกด
มีรายงานว่าผลองุ่น (ทั้งมีและไม่มีเมล็ด) ผิวเปลือกขององุ่น ลูกเกด และผลิตภัณฑ์แบบแห้งขององุ่นล้วนมีพิษต่อไตในสุนัข สำหรับกลไกยังไม่ทราบเป็นที่แน่ชัด แต่จากพยาธิวินิจฉัยที่พบทำให้เกิดภาวะ diffuse renal tub–ular degeneration โดยเฉพาะส่วนของ proximal tubules ทำให้เกิดภาวะ acute tubular necrosis ทั้งนี้มีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่านอกจากได้รับสารพิษจากองุ่นแล้ว สัตว์ยังมีโอกาสได้รับสารพิษจากการปนเปื้อนของ mycotoxins ยาฆ่าแมลง และโลหะหนักได้ด้วย
สำหรับปริมาณที่กินเข้าไปแล้วจะก่อให้เกิดความเป็นพิษนั้นมีหลายการศึกษา แต่มีรายงานว่าปริมาณต่ำที่สุดที่มีโอกาสเกิดพิษกับไตคือ องุ่น 4-5 ลูกหรือ 2.8 กรัม/กิโลกรัม และลูกเกด 3 กรัม/กิโลกรัม ตามลำดับ ส่วนระดับความรุนแรงของอาการและระยะเวลาที่จะแสดงความผิดปกติให้เห็นขึ้นอยู่กับปริมาณที่กินและปัจจัยจากตัวสัตว์เอง
อาการที่ผิดปกติพบได้ตั้งแต่ 6 ถึง 12 ชั่วโมงหลังกิน ได้แก่ vomiting, diarrhea, hypersalivation, haematemesis, bloody stools, anorexia, tender abdomen, ataxia, weakness และ lethargy บางรายพบภาวะ oliguria หรือ anuria ภายหลังกินไป 24 – 72 ชั่วโมง บางรายอาจพบภาวะ pancreatitis ได้แต่ยังไม่ทราบกลไกที่แน่ชัด ในรายที่รุนแรงอาจพบภาวะ bradycardia, tachycardia, hypo/hyperthermia, anaemia, leucocytosis, cyanosis, respiratory depression, tremor, rigidity และ seizures ได้ในบางเคส
สำหรับการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่การตรวจค่า complete blood count (CBC), blood urea nitrogen (BUN), creatinine (Cr), phosphorous (ประมาณ 24 ชั่วโมงหลังกิน), calcium (ประมาณ 48–72 ชั่วโมงหลังกิน) urinalysis (UA) อาจพบภาวะ proteinuria, glycosuria, microscopic hematuria บางรายอาจพบ crystalluria ได้ด้วย (Eubig et al., 2005)
การรักษามีข้อแนะนำให้ทำการ gastric lavage เพราะลูกองุ่นและลูกเกดที่บวมน้ำสามารถอยู่ในกระเพาะอาหารได้นานจนข้ามคืน ดังนั้นการล้างท้องภายหลังจากที่กินองุ่นและลูกเกดไปแล้วนานหลายชั่วโมงจึงเป็นผลดีมากกว่า ส่วนการให้ activated charcoal ยังไม่ทราบกลไกแน่ชัดในการลดสารพิษจากองุ่นและลูกเกด แต่การให้ก็ยังมีผลดีมากกว่าผลเสีย
นอกจากนี้ยังเน้นการให้สารน้ำต่อเนื่องอย่างน้อย 48 ชั่วโมง (aggressive intravenous fluid therapy) ร่วมกับการให้ยาลดอาเจียน อาจมีการให้ furosemide และ mannitol กรณีที่มี urine output (UOP) น้อยกว่าปกติ แต่ประสิทธิภาพยายังไม่เป็นที่แน่ชัดเพราะสารพิษจากองุ่นทำให้เกิดเกิดภาวะ tubular necrosis และการอุดตันของ renal tubules ทำให้ UOP น้อยกว่าปกติอยู่แล้ว
มีการติดตามค่า electrolytes และค่า renal function ทุก ๆ 24 – 72 ชั่วโมง ติดตามอาการ tachypnea, chemosis, serous nasal discharge, pulmonary crackles, body weight อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้มีรายงานการบำบัดทดแทนไตด้วยวิธี hemodialysis (HD) และ peritoneal dialysis (PD) กรณีที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาทางยาและสารน้ำ ซึ่งสามารถเพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้
2. ลิลลี่ (Lilies)
ลิลลี่เป็นไม้ประดับที่สวยงามแต่เป็นดั่งเพชฌฆาตในแมว ก่อความเป็นพิษต่อไตอย่างรุนแรง (ยกเว้นในสุนัขและกระต่าย) องค์ประกอบทั้งต้น ก้าน ใบ ดอก และเกสรล้วนเป็นพิษทั้งสิ้น โดยเฉพาะในส่วนของดอก (Hall., 2013) มีรายงานการเกิดภาวะ AKI ในแมวจากการแค่สัมผัสกับเกสรเท่านั้น ส่วนในสุนัขที่กินดอกลิลลี่เป็นจำนวนมากจะเกิดอาการทางระบบอาหาร เช่น อาเจียน ท้องเสีย อาจพบ hematochezia แต่ไม่พบว่าก่อให้เกิดอาการของไตวาย กลไกการออกฤทธิ์ยังไม่เป็นทราบที่แน่ชัด แต่พบภาวะ necrosis ของ renal tubular และ epithelial cells จากพยาธิวินิจฉัย
สำหรับอาการหลังกินไปประมาณ 1- 6 ชั่วโมงจะแสดงภาวะระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร (gastrointestinal irritation) หลังจากนั้นจะเริ่มแสดงอาการ uremia sign ได้แก่ hypersalivation, vomiting, anorexia, weakness, lethargy และ depression จากนั้น 12 – 30 ชั่วโมงอาจพบภาวะ polyuria ตามมาด้วยภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรงภายหลัง 18–30 ชั่วโมง เมื่อภาวะ uremia crisis รุนแรงขึ้นแมวอาจพบว่ามีแผลหลุ่มเกิดในปาก (oral ulceration) กลิ่นปาก (uremic breath )พบการโตและเจ็บปวดบริเวณไตได้ บางรายอาจรุนแรงถึงขั้นชัก
สำหรับการตรวจวินิจฉัยจะพบค่า severe azotemia การเพิ่มขึ้นของค่า BUN, Cr, Potassium, Phosphorus ภายใน 18 – 24 ชั่วโมง การเพิ่มขึ้นของค่า Cr มักไม่เป็นสัดส่วนกับค่า BUN ภายหลังการกินไป 12 ชั่วโมงในปัสสาวะอาจพบภาวะ hematuria, proteinuria, glucosuria, isosthenuria, squamous cells, epithelial cells และมี cast จำนวนมาก มักเห็นเปลี่ยนแปลงจากการตรวจวิเคราะห์ปัสสาวะ (urinalysis) ที่บ่งชี้ถึงความเสียหายของท่อไต ก่อนการเพิ่มขึ้นของค่า azotemia อาจพบค่าเอนไซม์ตับเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการเบื่ออาหารอย่างรุนแรงหรือภาวะ hepatic stress
การรักษาในสุนัขที่กินดอกลิลลี่ไม่แนะนำให้ทำ gastric lavage หากมีอาการทางเดินอาหารแค่ให้ยาประคับประคองตามอาการเท่านั้น ส่วนในแมวต้องให้การรักษาอย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการดูดซึมสารพิษ ป้องกันการเกิด renal shutdown และรักษาสภาวะ renal perfusion ไว้ให้ดี มีการให้ยาลดอาเจียน และ/หรือร่วมกับการให้ activated charcoal ในกรณีที่กินไปได้ไม่นาน มีการล้างตัวเพื่อขจัดเกสรที่ติดตามผิว ขน ใบหน้าเพื่อลดโอกาสเลียตัวแล้วนำสารพิษเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
มีข้อแนะนำให้บริหารสารน้ำเข้าเส้นเลือดเป็น 2 เท่าของ rate maintenance และให้ต่อเนื่องอย่างน้อย 48 ชั่วโมง ทั้งนี้ต้องมีการติดตามสภาวะ fluid overload ประเมินค่า UOP และ fluid in/out อย่างใกล้ชิด โดยให้ดูความเหมาะสมเป็นหลัก มีรายงานการทำ Hemodialysis และ Peritoneal dialysis ซึ่งสามารถเพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้
3. Non-steroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs)
ในต่างประเทศมักมีรายงานว่าสุนัขแอบไปกินกลุ่มยา NSAIDs ที่ใช้ในคน ซึ่งส่งผลก่อพิษต่อไตอย่างรุนแรง เช่น ibuprofen และ flurbiprofen และยังก่อให้เกิดภาวะระคายเคืองทางเดินอาหารอย่างรุนแรงด้วย (gastric ulceration และ intestinal irritation) ทั้งนี้ในสุนัขและแมวที่มีภาวะขาดน้ำ ความดันโลหิตต่ำ อยู่ในช่วงวางยาสลบ หรือการทำงานของไตที่ผิดปกติยู่แล้วจะเพิ่มโอกาสให้เกิดความเป็นพิษรุนแรงมากขึ้น
กลไกของ NSAIDs คือ ยับยั้งเอนไซม์ cyclooxygenase 1 และ 2 (COX-1 และ COX-2) ในสภาวะปกติเมื่อเกิดการอักเสบ arachidonic acid ที่มีอยู่ในทุกเซลล์จะถูกเอนไซม์ COX-1 และ COX-2 เปลี่ยนไปเป็นสารที่เรียกว่า prostaglandin ซึ่งสารนี้ในส่วนของ COX-1 มีหน้าที่ในการรักษาสมดุลของร่างกาย เพิ่มระบบไหลเวียนเลือดที่ไตทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดขยายตัว (vasodilation) ที่ตำแหน่งหลอดเลือดฝอยในไต (afferent arteriole) ลดการสร้างกรด/เพิ่มการหลั่ง bicarbonate ที่กระเพาะอาหาร ลดการหลั่งเยื่อเมือก เพิ่มประสิทธิภาพของ mucosal barrier ส่วนเอนไซม์ COX-2 สร้าง prostaglandin ที่เป็นสาเหตุของอาการปวด ภาวะอักเสบ และอาการไข้
ดังนั้นเมื่อ NSAIDs ยับยั้ง prostaglandin จะทำให้เกิดการลดลงของ renal blood flow จนทำให้เส้นเลือดในไตขาดเลือด และเกิดภาวะ AKI ได้ ในส่วนของกระเพาะอาหารทำให้เกิดภาวะหลั่งกรดมากขึ้น mucosal barrier ลดลงจนเกิดแผลหลุมตามมา
เมื่อสุนัขกินยาเข้าไปในปริมาณมากทำให้เป็นแผลหลุมในกระเพาะอาหารรุนแรงจนอาจทะลุ เนื่องจากทำให้หลอดเลือดที่เยื่อบุกระเพาะอาหารหดตัว และเกิดการลอกหลุดของเยื่อบุ อาการที่แสดงถึงความเป็นพิษอาจเกิดขึ้นได้ทันที ได้แก่ อาเจียน, ท้องเสีย, คลื่นไส้, ปวดท้อง และอาจพบอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย เช่น seizures, ataxia, coma อาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้ เช่น อ่อนแรง ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นผิดจังหวะ นอกจากนี้มีผลทำให้เลือดไปเลี้ยงที่ไตลดลง ทำให้อัตราการกรองที่ไตลดลง
การรักษา กรณีที่สุนัขหรือแมวพึ่งกินยา NSAIDs ควรถูกกระตุ้นให้เกิดการอาเจียน และให้ activated charcoal หลังจากนั้นให้ยาลดกรด เช่น

- Cimetidine (ขนาด 5 – 10 mg/kg รูปแบบการกิน IV IM ทุก 8 ชั่วโมงในสุนัข และขนาด 2.5 – 5 mg/kg รูปแบบการกิน IV IM ทุก 12 ชั่วโมงในแมว)

- Famotidine (ขนาด 0.5 – 1.0 mg/kg รูปแบบการกิน IV IM SC ทุก 12 – 24 ชั่วโมงทั้งในสุนัขและแมว)

- Omeprazole (ขนาด 0.5 – 1.5 mg/kg รูปแบบการกิน IV ทุก 12 ชั่วโมงในสุนัข และขนาด 0.75 – 1 mg/kg รูปแบบการกินทุก 24 ชั่วโมงในแมว)

- Sucralfate (ขนาด 0.5 – 1 กรัม ทุก 8 – 12 ชั่วโมงรูปแบบการกินในสุนัข และขนาด 0.25 กรัม ทุก 8 – 12 ชั่วโมงในแมว)

- Misoprostol (ขนาด 2 - 5 mcg/kg รูปแบบการกิน ทุก 6 – 8 ชั่วโมง)
กรณีที่กินไปนานจนมีการดูดซึมหมดแล้วจะเป็นการรักษาแบบพยุงอาการ เช่น การให้ยาลดอาเจียน เช่น metoclopramide (ขนาด 0.25 – 0.5 mg/kg รูปแบบการกิน IV IM SC ทุก 12 ชั่วโมงทั้งในสุนัขและแมว) ondansetron และ maropitant
ลดอาการชักด้วยการให้ยา diazepam เพิ่มการให้สารน้ำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 48 ชั่วโมงเพื่อเพิ่มการขับทิ้งของยา และเพิ่มปริมาณเลือดไปเลี้ยงไตให้มากขึ้น พร้อมทั้งมีการติดตามค่า UOP อย่างใกล้ชิดทุก 6 – 12 ชั่วโมง
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบทความเท่านั้น อ่านบทความฉบับเต็มพร้อมตารางประกอบได้ที่ : https://www.readvpn.com/Topic/Info/9aa07629-2cac-44a0-84e1-f933431edd12
บทความโดย : น.สพ. ธนวัฒน์ ขาวเอี่ยม
สำหรับคุณหมอสัตวแพทย์ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก
ตอนนี้ทาง VPN มีโปรโมชั่นน่าสนใจอยู่นะ
💙 อ่านออนไลน์ จ่ายถูกกว่า -
สำหรับสัตวแพทย์ท่านที่สมัครสมาชิกแบบอ่านออนไลน์ (ไม่รับหนังสือ) จ่ายเพียง 1,000 บาท/ปี เท่านั้น และยังสามารถทำ CE online ในเว็ปไซต์ได้ตามปกติ
💙 อ่านจากเล่ม เน้นสะสม -
สำหรับท่านที่สมัคร/ต่ออายุสมาชิกแบบรับหนังสือ (สามารถใช้งานเว็ปไซต์และทำ CE online ได้ด้วย)
📍 ได้ทำ CE online มากกว่า 40 คะแนน/ปี
📍 ดาวโหลด E-book ไปอ่านได้
📍 ใช้งานเว็ปไซต์ได้เต็มรูปแบบ
📍 E-learning online course
ดูรายละเอียดแพคเกจ
และสมัครออนไลน์ด้วยตัวเองได้ที่ https://www.readvpn.com/VPN/Subscription
หรือสอบถามเพิ่มเติม
add Line : https://lin.ee/v8Ldcyu

07/07/2022

แมวเป็นสัตว์ที่มักจะซ่อนความเจ็บปวดไว้อย่างแนบเนียน เรามักจะต้องสังเกตจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อบ่งบอกว่าแมวกำลังเจ็บปวดอยู่ ซึ่งเจ้าของอาจไม่ทราบว่าบางพฤติกรรมเป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวด จึงไม่ได้พามาหาหมอ หรืออาจไม่ได้คิดว่าควรจะต้องเล่าในขั้นตอนการซักประวัติ ทำให้หลาย ๆ ครั้งเราอาจมองข้ามความเจ็บปวดของแมวไปโดยไม่รู้ตัว เช่น แมวที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างปัญหาข้อต่ออักเสบ มักจะเลือกนอนที่พื้นหรือลังเลเมื่อต้องกระโดดลงจากที่สูง
ด้วยปัญหานี้ทำให้มีการพัฒนา feline grimace scale (FGS) หรือเกณฑ์การให้คะแนนความเจ็บปวดแบบ acute pain ในแมวขึ้นมา โดย Marina C. Evangelista และคณะ ในปี 2019 ซึ่งในปัจจุบัน feline grimace scale (FGS) เป็นลิขสิทธิ์ของ Université de Montréal ประเทศแคนาดา
Grimace เป็นคำนามแปลว่าการแสดงออกทางสีหน้าที่น่าเกลียดขณะที่กำลังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ หรืออาจจะแปลง่าย ๆ ว่า หน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความเจ็บปวดก็ว่าได้ ดังนั้น feline grimace scale (FGS) ก็คือเกณฑ์การให้คะแนนความหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความเจ็บปวดที่แมวแสดงออกมานั่นเอง
เดิมทีก็เคยมีการพัฒนา pain score ในแมวรูปแบบอื่น ๆ มาก่อน แต่ยังมีข้อจำกัดในการใช้งานจริงหลายประการ เช่น pain score บางรูปแบบสามารถใช้เพื่อประเมินความเจ็บปวดในการกรณีที่ทำหมัน ovariohystectomy (OVH) เท่านั้น ส่วน grimace scale นั้นก็มีการนำมาใช้เพื่อประเมินความเจ็บปวดในสัตว์อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน โดยจะใช้ความการเปลี่ยนแปลงส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า เช่น การหรี่ตาและการเปลี่ยนทิศของใบหู เป็น action unit (AU) หรือหน่วยความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเพื่อพิจารณาว่าสัตว์มีความเจ็บปวดหรือไม่ งานวิจัยชิ้นนี้เลยพยายามจะสร้างเกณฑ์การประเมินความเจ็บปวดในแมวที่สามารถนำไปใช้งานบนคลินิกได้อย่างแพร่หลายและสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถช่วยในการตัดสินใจเพื่อเริ่มต้นให้ยาลดปวดลดอักเสบ รวมถึงช่วยประเมินผลของการให้ยาลดปวดได้ด้วยขึ้นมา
การศึกษานี้ได้ถ่ายวิดิโอแมวทั้งที่เจ็บปวด (แมวที่มารับบริการที่ emergency room และ critical care unit) และไม่เจ็บปวด (แมวของวิทยาลัย) ในกรงที่ปราศจากการรบกวน แล้วนำวิดิโอที่ได้มาตัดเป็นภาพเพื่อดูสีหน้าของแมว จากนั้นค่อยนำภาพที่ได้มาวิเคราะห์หา action unit (AU) ที่เหมาะสมจะใช้ใน feline grimace scale (FGS) โดยใช้ Glasgow composite measure pain scale-feline (rCMPS-F) ซึ่งเป็นเกณฑ์ประเมินความเจ็บปวดสำหรับแมวที่มีการคิดค้นมาก่อนหน้าอยู่แล้วเป็นค่ามาตรฐาน
ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็น 5 action unit (AU) สำหรับให้คะแนน feline grimace scale (FGS) ประกอบด้วย ตำแหน่งใบหู (ear position) การหรี่ตา (orbital tightening) ความรีของปากบน (muzzle tension) การวางตัวของหนวด (whiskers position) และตำแหน่งหัว (head position) โดยในแต่ละ action unit (AU) จะแบ่งเกณฑ์การประเมินเป็น 3 ช่วงคะแนน หากไม่พบความเจ็บปวดเลยจะได้ 0 คะแนน หากพบความเจ็บปวดเล็กน้อย (moderately present) จะได้ 1 คะแนน และหากพบความเจ็บปวดอย่างชัดเจน (markedly present) จะได้ 2 คะแนน ซึ่ง action unit (AU) แต่ละหัวข้อจะมีรายละเอียดดังนี้
ตำแหน่งใบหู (ear position)

หูตั้งและหันไปด้านหน้า = 0 คะแนน

หูเริ่มกางออกเล็กน้อย = 1 คะแนน

หูชี้ไปด้านข้าง = 2 คะแนน
การหรี่ตา (orbital tightening)

ลืมตาโตเต็มที่ = 0 คะแนน

หรี่ตาลงเล็กน้อย = 1 คะแนน

หลับตาหยี = 2 คะแนน
ความรีของปากบน (muzzle tension)

ปากบน (muzzle) ผ่อนคลายหรือมีรูปร่างกลมมน = 0 คะแนน

ปากบน (muzzle) เริ่มตึงขึ้น = 1 คะแนน

ปากบน (muzzle) ตึงเป็นรูปวงรียาว = 2 คะแนน
การวางตัวของหนวด (whiskers position)

หนวดโค้งลงและผ่อนคลาย = 0 คะแนน

หนวดโค้งน้อยลง เริ่มเหยียดตรงและเบียดชิดกัน = 1 คะแนน

หนวดเหยียดตรง ชี้ไปทางด้านหน้า = 2 คะแนน
ตำแหน่งหัว (head position)

ตำแหน่งหัวอยู่ในระดับเหนือไหล่ขึ้นไป = 0 คะแนน

ตำแหน่งหัวอยู่ในระดับเดียวกับหัวไหล่ = 1 คะแนน

ตำแหน่งหัวอยู่ในระดับต่ำกว่าหัวไหล่ หรือก้มหน้าลง (คางชิดกับอก) = 2 คะแนน
เมื่อประเมินครบทั้ง 5 action unit (AU) แล้ว ให้นำคะแนนมารวมกัน หากคะแนนรวมมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 4 คะแนน (เต็ม 10 คะแนน) จะถือว่าแมวกำลังมีความเจ็บปวดอยู่ ควรพิจารณาให้ยาลดปวดลดอักเสบ และเมื่อแมวหายเจ็บปวดแล้วคะแนน feline grimace scale (FGS) ก็ควรจะลดต่ำลงกว่า 4 คะแนนในเวลาถัดมา
ซึ่งเวปไซต์ www.felinegrimacescale.com หัวข้อ practice your skill จะมีคำอธิบายพร้อมภาพตัวอย่างให้คุณหมอสามารถไป download มาใช้ได้ แถมยังสามารถลองทำข้อสอบให้คะแนน feline grimace scale (FGS) กับแมวตัวอย่าง 11 ตัวกันได้อีกด้วย
แต่อย่างไรก็ดี งานวิจัยนี้ยังมีรอยรั่วบางอย่างอยู่ดี เช่น แมวหน้าสั้น (brachycephalic breed) และแมวดำไม่ได้เข้าร่วมในการศึกษาครั้งนี้ เนื่องจากแยกแยะรายละเอียดบนใบหน้าได้ยาก ทำให้การนำไปใช้อาจจะยังมีข้อจำกัดสำหรับแมวหน้าสั้นอยู่ นอกจากนี้ยังไม่ได้พิจารณาคุณสมบัติของยาลดปวดแต่ละชนิดที่ใช้ ซึ่งก็อาจมียาบางตัวที่ไม่ลดปวดได้ดีมากนักในแมวมากและส่งผลต่อการประเมิน feline grimace score (FGS) ได้ ซึ่งก็ยังมีการนำ feline grimace scale (FGS) ไปศึกษาต่อยอดเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือและพัฒนาต่อให้ได้เกณฑ์ในการประเมิน acute pain สำหรับแมวที่ใช้ได้จริงทางคลินิกต่อไป
Feline grimace scale (FGS) เป็นเกณฑ์การประเมิน pain score ที่มีหลักการไม่ยากมากนัก และอาจกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่น่าสนใจ มีประโยชน์ ที่จะเข้ามาช่วยเป็น guideline ให้สังเกตเห็นความเจ็บปวดที่แมวมักจะพยายามซ่อนไว้ได้ดียิ่งขึ้น ช่วยในการตัดสินใจเริ่มต้นให้ยา analgesia ได้เร็วขึ้น รวมถึงช่วยในการประเมินผลลัพธ์การรักษาได้ชัดเจนมากขึ้น โดยคุณหมอที่สนใจสามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติม download คู่มือการใช้งาน ทดลองประเมิน feline grimace scale (FGS) ด้วยตัวเอง รวมถึงติดตามความเคลื่อนไหวถัดไปในอนาคตได้อีกด้วย ได้ที่ www.felinegrimacescale.com
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบทความเท่านั้น อ่านบทความฉบับเต็มพร้อมภาพประกอบได้ที่ : https://www.readvpn.com/Topic/Info/742b2767-dae1-4a88-97d3-645498d54ae5
บทความโดย : สพ.ญ. วรรณิตา จิระสถิตย์วรกุล
สำหรับคุณหมอสัตวแพทย์ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก
ตอนนี้ทาง VPN มีโปรโมชั่นน่าสนใจอยู่นะ
💙 อ่านออนไลน์ จ่ายถูกกว่า -
สำหรับสัตวแพทย์ท่านที่สมัครสมาชิกแบบอ่านออนไลน์ (ไม่รับหนังสือ) จ่ายเพียง 1,000 บาท/ปี เท่านั้น และยังสามารถทำ CE online ในเว็ปไซต์ได้ตามปกติ
💙 อ่านจากเล่ม เน้นสะสม -
สำหรับท่านที่สมัคร/ต่ออายุสมาชิกแบบรับหนังสือ (สามารถใช้งานเว็ปไซต์และทำ CE online ได้ด้วย)
📍 ได้ทำ CE online มากกว่า 40 คะแนน/ปี
📍 ดาวโหลด E-book ไปอ่านได้
📍 ใช้งานเว็ปไซต์ได้เต็มรูปแบบ
📍 E-learning online course
ดูรายละเอียดแพคเกจ
และสมัครออนไลน์ด้วยตัวเองได้ที่ https://www.readvpn.com/VPN/Subscription
หรือสอบถามเพิ่มเติม
add Line : https://lin.ee/v8Ldcyu

Address


Opening Hours

Monday 10:00 - 20:00
Tuesday 10:00 - 20:00
Thursday 10:00 - 20:00
Friday 10:00 - 20:00
Saturday 10:00 - 20:00
Sunday 10:00 - 20:00

Telephone

+66849506006

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when คลินิกยิ้มกว้างรักษาสัตว์ Smiley Animal Clinic posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Business

Send a message to คลินิกยิ้มกว้างรักษาสัตว์ Smiley Animal Clinic:

Videos

Shortcuts

  • Address
  • Telephone
  • Opening Hours
  • Alerts
  • Contact The Business
  • Videos
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Pet Store/pet Service?

Share