สวนผักบ้านตั๊ก

สวนผักบ้านตั๊ก สวนผักบ้านตั๊ก - จำหน่าย ผักไฮโดรโปนิกส์
(7)

15/05/2020

ปลูกดอกไม้กินได้ ระบบไฮโดรฯ ตลาดใหม่ ทำเงิน ใช้ตกแต่งสลัด ตัดดอกขายสด
#ดอกไม้กินได้ #เกษตรในเมือง #ผักสลัด #กรุงเทพมหานคร #คนพอเพียง

คะน้าดิบปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 31 กิโลแคลอรี และประกอบด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้น้ำ 92.1 กรัม  โปรตีน 2.7 กรัม  ไข...
03/05/2020

คะน้าดิบปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 31 กิโลแคลอรี และประกอบด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้

น้ำ 92.1 กรัม โปรตีน 2.7 กรัม ไขมัน 0.5 กรัม คาร์โบไฮเดรต 3.8 กรัม เส้นใย 1.6 กรัม

แคลเซียม 245 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 80 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 1.2 มิลลิกรัม เบต้า-แคโรทีน 2512 ไมโครกรัม วิตามินเอ 419 iu.

วิตามินบี1 0.05 มิลลิกรัม วิตามินบี 2 0.08 มิลลิกรัม ไนอะซิน 1.0 มิลลิกรัม วิตามินซี 147 มิลลิกรัม

02/05/2020

"ผักไฮโดรโปนิกส์ (ที่ปลูกได้มาตรฐาน) ไม่ได้เสี่ยงมะเร็งลำไส้ครับ"

เรื่องนี้โดนถามมาบ่อยๆ ว่าตามที่มีงานวิจัยของ ม.เกษตร พบว่า "ผักไฮโดรโปนิกส์" มีการสะสมของสารไนเตรตในผักไฮโดรโปนิกสูง โดยเฉพาะในผักคะน้า ซึ่งอาจเป็นภัยเงียบ ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ .... ทำเอาหลายๆ คนที่หวังจะมีสุขภาพดีด้วยการหนีจากผักที่ปลูกทั่วๆ บนดิน หันมากินผักไฮโดรโปนิกส์ที่ไม่ได้ใช้ดินและดูจะสะอาดกว่านั้น กลายเป็นหวาดกลัวไปซะนี่ ... ความจริงแล้ว ยังไม่มีรายงานใดๆ ที่ระบุว่าผักไฮโดรโปรนิกส์จะทำให้เกิดมะเร็งนะครับ !!

เรื่องนี้ จริงๆ เคยโพสต์อธิบายไปนานแล้ว ในหัวข้อ "ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการ "ห้ามกิน ผัก-ปลา ที่มีไนเตรตสูง" (https://www.facebook.com/photo.php?fbid=862059287258040&set=a.341092282688079.1073741827.100003619303769&type=3&theater) ซึ่งเกี่ยวกับการ"ห้ามกินผักที่มีไนเตรตสูง เช่น ผักโขม ปวยเล้ง กวางตุ้ง ผักบุ้ง คะน้า ฯลฯ รวมถึงผักที่ปลูกแบบไฮโดรโปนิก และห้ามกินกับปลา ห้ามแช่แข็ง ห้ามอุ่นซ้ำ" ซึ่งทั้งหมดนั้น "ไม่จริง" นะครับ (ลองย้อนกลับไปอ่านดูกันได้)

ประเด็นความกังวลเรื่องผักไฮโดรโปนิกส์นั้น มาจากบทความ "วิจัยเสี่ยงมะเร็ง! ผัก‘ไฮโดรโปนิก’เหตุใส่ปุ๋ยหนักมือ" ที่อ้างอิงผลการสำรวจของนักวิจัยจาก สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศึกษาการสะสมไนเตรตในพืชผัก ด้วยความกังวลว่า การบริโภคพืชผักที่มีไนเตรตสะสมสูง จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะไนเตรตจะไปรวมตัวกับสารเหนี่ยวนำที่ทำให้เกิดโรค เช่น มะเร็งลำไส้

ผลการสำรวจของเค้า พบว่า ผักไฮโดรโปนิกส์มีการสะสมไนเตรตสูงสุด โดยผักคะน้ามีค่าเฉลี่ยของไนเตรตสูงถึง 4,529 มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัม ผักบุ้ง มีปริมาณไนเตรต 3,978 มิลลิกรัม ซึ่งเกินกว่าค่ามาตรฐานที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้ (ไม่เกิน 2,500 มิลลิกรัมต่อ 1 กิโลกรัม) ขณะที่ประเทศไทย ไม่มีข้อกำหนดมาตรฐานค่าไนเตรตในพืชผัก จึงแนะนำให้เอาไปต้มน้ำเดือดหรือนึ่ง 10 นาที จะลดค่าไนเตรตได้ 47% (http://food4change.in.th/ariticle/news-launcher/bad-news/394-2010-12-03-06-53-07.html)

แต่ๆๆๆ ความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กลับไปในทางที่เตือนไม่ให้ผู้บริโภคแตกตื่นกับผลวิจัยดังกล่าว โดย กองควบคุมอาหาร ของ อย. ได้บอกว่า ไม่เคยมีผลการวิจัยว่า การรับประทานผักที่มีไนเตรทสะสมอยู่สูงแล้วจะก่อมะเร็งจริง จึงไม่ควรตื่นตระหนก และถ้ากินร่วมกับผักอื่นที่มีวิตามินซี ก็จะช่วยยับยั้งการเปลี่ยนรูปไนเตรทไปเป็นสารก่อมะเร็งได้ (http://www.komchadluek.net/news/scoop/279865)

ซึ่งตรงกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญจาก สถาบันโภชนาการ ม. มหิดล ว่ายังไม่มีงานวิจัยยืนยันว่ากินผักแล้วทำให้เป็นมะเร็ง เพราะในผักมีสารธรรมชาติหลายชนิดผสมกันอยู่ มีการช่วยกันยับยั้งการดูดซึม ต่อต้านการแปรรูปของสารเคมี ไม่เหมือนไนเตรทที่ใส่ในเนื้อสัตว์แปรรูปเป็นการรับสารเคมีเข้าร่างกายโดยตรง (http://www.komchadluek.net/news/scoop/279865)

ส่วนผู้เชี่ยวชาญของ กรมวิชาการเกษตร ก็บอกว่า ถึงเกษตรกรจะใส่ปุ๋ยให้ผักมากเกินไป แต่ผักก็จะดูดธาตุอาหารอย่างไนโตรเจนไปได้ในปริมาณจำกัด เท่าที่มันจะใช้ในกเจริญเติบโตเท่านั้น ในขณะที่ปัญหาเรื่องการตกค้างของปุ๋ยเคมีในผักนั้นมักจะเกิดขึ้นในประเทศเมืองหนาวที่มีแสงแดดน้อย ทำให้ไนเตรตที่สะสมในผักระเหยตัวได้น้อย ส่วนประเทศไทยมีแสงแดดจัด จึงไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้างในผัก (https://health.kapook.com/view19328.html)

ความเห็นนี้ ตรงกันกับของ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.เชียงใหม่ ที่ระบุว่า พืชผักที่ปลูกในประเทศไทย หรือประเทศเขตร้อน จะมีความเข้มแสงสูงกว่าแถบยุโรป จึุงมีการสะสมของไนเตรตน้อยกว่า โดยผักไฮโดรโปนิกส์ที่ปลูกในแปลงทดลอง ม.เชียงใหม่ เองมีปริมาณไนเตรทน้อยกว่าค่ามาตรฐานด้วยซ้ำ (http://www.komchadluek.net/news/scoop/279865)

อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของทาง ม.เกษตร ที่ให้เกษตรกรไฮโดรโปนิกส์ ระมัดระวังการใส่ปุ๋ยให้ได้มาตรฐาน ไม่ใส่ในปริมาณมากเกินไป เข้มข้นเกินไปนั้น ก็ยังเป็นคำแนะนำที่ถูกต้องแล้วแน่นอนครับ

ดังนั้น กล่าวโดยสรุป ผักไฮโดรโปนิกส์ ที่ปลูกอย่างเหมาะสมนั้น ไม่น่าที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพใดๆ โดยเฉพาะกับเรื่องการเป็นมะเร็งลำไส้ แต่อย่างไร ... จะเป็นอันตรายก็แต่กระเป๋าตังค์แหล่ะ เพราะมันแพงไม่ใช่เล่น 55
---------------
สนใจหนังสือ "อ๋อ! มันเป็นอย่างนี้นี่เอง" ติดต่อสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ สนพ. มติชน http://www.matichonbook.com/index.php/matichonbook/newbooks/-2997.html

🥦🥦🥦แจกผักปลอดสารพิษ สู้โควิด-19🚫🙋🙋🙋เราจะสู้ไปด้วยกัน🙋🙋🙋
26/04/2020

🥦🥦🥦แจกผักปลอดสารพิษ สู้โควิด-19🚫
🙋🙋🙋เราจะสู้ไปด้วยกัน🙋🙋🙋

📢พบกัน เสาร์ที่ 25 เม.ย. 63 นี้นะครับ🙂🙋‍♀️🙋‍♀️🙋‍♂️เราจะสู้ไปด้วยกัน🙋‍♂️🙋‍♀️
24/04/2020

📢พบกัน เสาร์ที่ 25 เม.ย. 63 นี้นะครับ🙂
🙋‍♀️🙋‍♀️🙋‍♂️เราจะสู้ไปด้วยกัน🙋‍♂️🙋‍♀️

20/04/2020
Grow local: Greater urgency to produce 30% of Singapore's nutritional needs locally by 2030With global panic buying, som...
14/04/2020

Grow local: Greater urgency to produce 30% of Singapore's nutritional needs locally by 2030

With global panic buying, some countries moving towards food protectionism and more nations going into lockdown during the coronavirus pandemic, food security has been thrust into the spotlight.

https://www.straitstimes.com/lifestyle/food/grow-local

With global panic buying, some countries moving towards food protectionism and more nations going into lockdown during the coronavirus pandemic, food security has been thrust into the spotlight.. Read more at straitstimes.com.

23/03/2020
กรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก แนะนำผัก ผลไม้ เมนูอาหารไทย สร้างภูมิให้ร่างกาย สู้ไวรัสโควิด-19https://www.thaira...
18/03/2020

กรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก แนะนำผัก ผลไม้ เมนูอาหารไทย สร้างภูมิให้ร่างกาย สู้ไวรัสโควิด-19
https://www.thairath.co.th/news/society/1797163?cx_testId=2&cx_testVariant=cx_1&cx_artPos=1

กรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก แนะนำผัก ผลไม้ เมนูอาหารไทย สร้างภูมิให้ร่างกาย สู้ไวรัสโควิด-19

20/02/2020

ถ้าจะลำบากขนาดนี้...
🥬🥬🥬ปลูกในระบบไฮโดรโพนิกส์ สิครับ

🌱🌱🌱ปลูกได้ทุกฤดูกาล มีผักกินตลอดทั้งปี🌱🌱🌱
✅ทั้งสด ✅ทั้งสะอาด ✅และปลอดภัย

ผลวิจัยใหม่ชี้ ปลูกผักแบบออร์แกนิค สร้างก๊าซเรือนกระจก มากกว่าการปลูกแบบอุตสาหกรรมผลวิจัยล่าสุดที่วิเคราะห์การปลูกพืชและ...
10/01/2020

ผลวิจัยใหม่ชี้ ปลูกผักแบบออร์แกนิค สร้างก๊าซเรือนกระจก มากกว่าการปลูกแบบอุตสาหกรรม

ผลวิจัยล่าสุดที่วิเคราะห์การปลูกพืชและเลี้ยงปศุสัตว์ในสหราชอาณาจักร พบว่าวิถีเกษตรแบบออร์แกนิค สร้างก๊าซเรือนกระจกมากกว่าการปลูกพืชแบบอุตสาหกรรม โดยสาเหตุหลักมาจากการต้องใช้พื้นที่ที่มากกว่า

งานวิจัยชิ้นใหม่ เกี่ยวกับผลกระทบของการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์แบบออร์แกนิคต่อภาวะโลกร้อน ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature Communication พบว่าจากการเก็บข้อมูลในสหราชอาณาจักร โดยรวมแล้วการทำการเกษตรแบบออร์แกนิค สร้างก๊าซเรือนกระจกมากกว่าการทำการเกษตรแบบอุตสาหกรรม โดยสาเหตุหลักเกิดจากการที่การเกษตรแบบออร์แกนิคนั้นให้ผลผลิตต่อพื้นที่น้อยกว่าการผลิตแบบอุตสาหกรรมมาก

งานวิจัยชิ้นดังกล่าวพบว่า สำหรับการเลี้ยงปศุสัตว์แล้ว การผลิตแบบออร์แกนิคสร้างมลภาวะต่อหนึ่งหน่วยผลผลิตน้อยกว่าการเลี้ยงสัตว์แบบอุตสาหกรรม 5% ในขณะที่การปลูกพืชแบบออร์แกนิคช่วยลดการปล่อยมลภาวะต่อหนึ่งหน่วยผลลิตลงถึง 20% แต่ปัญหาก็คือ วิถีแบบออร์แกนิคนั้นให้ผลผลิตต่อไร่น้อยกว่าการการเกษตรแบบอุตสาหกรรมถึง 40%

นั่นหมายความว่า หากเกษตรกรอยากจะผลิตผลผลิตให้ได้เท่าเดิม ก็จำต้องใช้พื้นที่มากขึ้น ซึ่งการถางเปิดพื้นที่เพิ่มเติมจากทุ่งหญ้าหรือป่า (ที่เก็บคาร์บอนจำนวนมากไว้) ให้กลายเป็นพื้นที่การเกษตร หมายถึงการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เก็บกักอยู่ในทุ่งหญ้าหรือป่านั้นออกสู่ชั้นบรรยากาศด้วย งานวิจัยชิ้นนี้ได้คำนวณออกมาว่า หากพื้นที่ที่ต้องการเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่งต้องมาจากการถางทุ่งหญ้าเพิ่มเติมนั้น แค่นี้การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็เพิ่มขึ้นกว่า 21% แล้ว

งานวิจัยชิ้นก่อนหน้านี้ก็เคยพบผลลัพธ์ในทิศทางเดียวกันมาแล้ว โดยงานศึกษาชิ้นหนึ่งในปี 2012 พบว่า การเกษตรแบบออร์แกนิคให้ผลผลิตต่อไร่น้อยกว่าการเกษตรแบบอุตสาหกรรม 5-34% แล้วแต่ประเภทของสินค้าเกษตร และการศึกษาอีกชิ้นในปี 2017 ได้ประเมินว่า การเปลี่ยนไปสู่การเกษตรแบบออร์แกนิคจะทำให้ต้องใช้พื้นที่เพิ่มขึ้น 16-33%

สำหรับการทำการเกษตรแบบออร์แกนิคนั้น หมายถึงการไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ไม่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ไม่ใช้พืชพันธุ์ที่มีการปรับแต่งพันธุกรรม ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นนวัตกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ทั้งสิ้น สุดท้ายแล้ววิถีเกษตรแบบออร์แกนิคจึงเลี่ยงการลดลงของผลผลิตไม่ได้ และทำให้ต้องใช้พื้นที่ในการทำการเกษตรเพิ่มขึ้น

งานวิจัยดังกล่าวนี้ยังได้ระบุด้วยว่า หากสหราชอาณาจักรอยากจะเปลี่ยนวิถีการเกษตรไปเป็นแบบออร์แกนิคทั้งหมด ก็จะต้องใช้ที่ดินเพิ่มขึ้นมากถึง 1.5 เท่า

แน่นอนว่าเพื่อรับมือกับภาวะโลกร้อน เราคงจะต้องหาทางทำให้การสร้างก๊าซเรือนกระจกจากการเกษตรลดลง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ใช่วิถีทางที่ใช้ที่ดินเพิ่มขึ้น และไม่ทำให้ผลผลิตลดลงจนกระทบกับปากท้องผู้บริโภคด้วย ฉะนั้นเมื่อมองอย่างรอบด้านกว่าเดิมแล้ว วิถีการเพาะปลูกแบบออร์แกนิคจึงอาจจะยังไม่ใช่คำตอบของการแก้ปัญหาโลกร้อนในปัจจุบัน

https://workpointnews.com/2019/11/10/organic-farming-produce-more-greenhouse-gas1/

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พระเอกหรือตัวร้าย"ด้วยเงินเพียง 10 บาทต่อวัน คุณก็จะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อเพิ่มผลผลิตพืชพันธุ์...
23/12/2019

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พระเอกหรือตัวร้าย

"ด้วยเงินเพียง 10 บาทต่อวัน คุณก็จะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อเพิ่มผลผลิตพืชพันธุ์ในเรือนกระจกของคุณแล้ว" นี่คือ คำโฆษณาของบรรดาบริษัทผู้จัดจำหน่ายเครื่องผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วสหรัฐอเมริกาและแคนาดา "เครื่องจักรนี้สามารถผลิตคาร์บอนไดออกไซด์จำนวน 1,500 ppm ซึ่งเพียงพอที่จะเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตแบบเต็มที่ให้กับพืช ในราคาแค่ 10 บาทต่อวัน!"

เชื่อหรือไม่ว่า เครื่องผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สามารถทำให้คุณภาพของพืชดีขึ้น และยังเพิ่มผลผลิตให้กับพืชด้วย เครื่องจักรที่ว่าผลิตในประเทศสหัฐอเมริกา และทำงานโดยใช้ก๊าซโพรเพนหรือก๊าซธรรมชาติชนิดอื่นในการเปลี่ยนเชื้อเพลิงฟอสซิลให้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์

แล้วทำไมคาร์บอนไดออกไซด์ถึงสามารถเพิ่มการเจริญเติบโต เพิ่มความแข็งแรงให้กับพืชและเพิ่มผลผลิตได้ล่ะ? ตอบว่า นั่นก็เพราะ...คาร์บอนไดออกไซด์คือ สารอาหารหนึ่งที่พืชต้องการน่ะสิ!!!

แต่ความจริงที่เราได้ยินกันมาแต่อ้อนแต่ออกก็คือ คาร์บอนไดออกไซด์เป็นก๊าซพิษ ที่ทำลายโลกของเรา ถ้าเช่นนั้น การมีเครื่องจักรที่ผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาก็หมายถึง การทำลายโลก และทำลายต้นไม้แบบเต็มเหนี่ยว งั้นหรือ? แล้วทำไม ในความเป็นจริงนักวิทยาศาสตร์หลายท่านรวมถึงรัฐบาลของหลายประเทศกลับสนับสนุนให้มีการใช้เครื่องจักรผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเรือนกระจก เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและสร้างอาหารล่ะ?

ความเป็นจริงอีกด้านที่เราควรรู้ก็คือ คาร์บอนไดออกไซด์ช่วยในการเจริญเติบโตของพืชหลายช่วง ทั้งช่วงออกดอกออกผล รวมถึงช่วยเพิ่มอัตราการติดดอกของกุหลาบ, เพิ่มความแข็งแรงของก้านและขนาดของพืชดอก การเพิ่มปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ให้ถึง 1,000 ppm จะเพิ่มอัตราการสังเคราะห์แสงได้ราว 50% เลยทีเดียว

ปกติแล้ว ธรรมชาติรวมถึงสัตว์ต่างๆในมหาสมุทรต่างก็ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่อากาศกันอยู่แล้ว และพืชก็ดูดก๊าซชนิดนี้ไปใช้เพื่อเป็นสารอาหาร ถือเป็นวงจรที่เป็นปกติตามวัฏจักรธรรมชาติ เช่นเดียวกับการที่มนุษย์ใช้ออกซิเจนในการหายใจนั่นเอง เพียงแต่ในปัจจุบัน เรามีคาร์บอนไดออกไซด์ที่มนุษย์ "สังเคราะห์ขึ้น" ทั้งการเผาป่า, เผาเชื้อเพลิงฟอสซิล ทำเหมืองถ่านหิน อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ฯลฯ ซึ่งนั่นทำให้ความสมดุลทางธรรมชาติเสียไป แถมยังเพิ่มปริมาณก๊าซพิษชนิดอื่น ทั้งซัลเฟอร์และสารปรอท ไปอีก วงจรธรรมชาติที่คาร์บอนไดออกไซด์มีประโยชน์ จึงเสียไปซะงั้น

ทุกสิ่งทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ดังนั้น "ทางสายกลาง" ยังคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นี่ด้วย

https://www.rakbankerd.com/agriculture/news-view.php?id=11008&s=tblplant

20/11/2019

Hydroponics Tomatoes

by Pine Valley Produce

08/11/2019
06/11/2019

Picking and Packing

30/10/2019

กลุ่ม Young Smart Farmer Songkhla ที่ต่อยอดแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้เกษตรกรสอดคล้องกับยุคสมัย

30/10/2019

greenhouses and systems are designed for optimum performance of the crop.

THAI-PAN คือใคร?ทำไมให้แต่ข้อมูลเชิงลบต่อภาคการเกษตรไทยมาโดยตลอดทำไมไม่ตรวจสอบ ผัก ผลไม้ หรือพืชผลชนิดต่าง ๆ ที่นำเข้าจา...
27/10/2019

THAI-PAN คือใคร?
ทำไมให้แต่ข้อมูลเชิงลบต่อภาคการเกษตรไทยมาโดยตลอด

ทำไมไม่ตรวจสอบ ผัก ผลไม้ หรือพืชผลชนิดต่าง ๆ ที่นำเข้าจากต่างประเทศบ้าง?

“Thai-PAN มีความประสงค์ดีหรือมีเจตนาร้ายต่อเกษตรกรไทยกันแน่”



**********************************************************************************



ข้อเท็จจริง

เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thailand Pesticide Alert Network, Thai-PAN) ได้รับเงินสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดำเนินงานร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) มูลนิธิชีววิถี กระทรวงสาธารณสุข คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ในการดำเนินการวิจัยและหาข้อมูลเกี่ยวกับสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น การสุ่มตัวอย่างผักผลไม้ในตลาดมาตรวจหาการปนเปื้อนของสารฯ การตรวจเลือดผู้บริโภค การประเมินพิษของสารต่อมนุษย์และสรุปข้อมูลทั้งที่ได้จากผลงานวิจัย และการตรวจเอกสาร และรายงาน โดยจัดประชุมประจำปี และออกสื่อ โดยใช้กลยุทธ์ทำให้สังคมแตกตื่น ด้วยการใช้ข้อมูลเชิงลบของสารฯ แต่ละชนิดออกสื่อในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้มีการยกเลิกใช้สารฯ นั้น ๆ



สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย ได้ทำหน้าที่เป็นองค์กรวิชาชีพด้านการเกษตร จดทะเบียนก่อตั้งสมาคมเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2527 ได้พิจารณาเห็นว่า จำเป็นต้องออกมาให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงตามหลักวิชาการในการใช้ปัจจัยการผลิต และผลกระทบที่จะเกิดต่อพี่น้องเกษตรกร โดยไม่จำเป็นจะต้องได้รับการสนับสนุนจาก สสส. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณจากภาษีบาป เหมือนกับที่ สสส. ให้การสนับสนุนกลุ่ม NGO ต่าง ๆ โดยเฉพาะกรณีที่องค์กรนี้เคยให้ทุนสนับสนุนแก่ รศ. ดร. ตีรณ พงศ์เมฆพัฒน์ และคณะ จากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในโครงการนโยบายสาธารณะเพื่อความปลอดภัยด้านอาหาร และเศรษฐกิจการค้าที่ยั่งยืน เมื่อปี พ.ศ. 2550 จนทำให้เป็นที่มาของร่าง พ.ร.บ. กองทุนส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน พ.ศ. ……………. ซึ่งมีความมุ่งหมายหลักคือ การเก็บภาษีนำเข้าปุ๋ยเคมี สารเคมี ป้องกันกำจัดโรคแมลงศัตรูพืช แต่สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย ได้ออกไปเป็นแกนหลักในการคัดค้าน ต่อต้าน พ.ร.บ. ดังกล่าว จนต้องยกเลิกไป เมื่อปี พ.ศ. 2550



และบัดนี้ วงจรดังกล่าว หรือกระบวนการของกลุ่มคนเหล่านี้ กำลังกลับมาใหม่และมีอิทธิพลมากยิ่งขึ้น สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย จึงจำเป็นต้องออกมาปกป้องภาคเกษตรกรรมและพี่น้องเกษตรกรไทย ซึ่งเป็นผู้ที่ด้อยโอกาสที่สุดในสังคมไทย



สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย

26 มีนาคม 2561

ทำไมให้แต่ข้อมูลเชิงลบต่อภาคการเกษตรไทยมาโดยต

18/10/2019

SuprimAir with LED toplighting at French tomato grower Le Jardin de Rabelais

30/09/2019

การเก็บเกี่ยวผักกาดหอมผ่านระบบการเพาะปลูกที่ทันสมัย

27/09/2019

Plant Factory Artificial Light

วิธีล้างผักง่ายๆ
25/09/2019

วิธีล้างผักง่ายๆ

กินเจปีนี้! กรมอนามัย แนะ กินผักต้องล้างให้สะอาด พบ ผัก 10 ชนิดมีสารเคมีตกค้างhttps://www.msn.com/th-th/lifestyle/daily-...
25/09/2019

กินเจปีนี้! กรมอนามัย แนะ กินผักต้องล้างให้สะอาด พบ ผัก 10 ชนิดมีสารเคมีตกค้าง
https://www.msn.com/th-th/lifestyle/daily-roundup/%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0-%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%94-%E0%B8%9E%E0%B8%9A-%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81-10-%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87/ar-AAHKQVg?li=AAb1Kxn&%2525253Bocid=SK2MDHP

กรมอนามัย หนุน เลิกใช้สารเคมีเกษตร 3 ชนิด เผยพบสารเคมีเกษตรกระทบต่อแม่และทารกแรกเกิด แนะ ช่วงเทศกาลกินเจ ค...

24/09/2019

Rakuten Socio Business, Inc. ซึ่งเป็น บริษัท ย่อยพิเศษของ Rakuten ได้ก่อตั้งโรงงานใหม่ที่ Ota Ward ของโตเกียว ภายในอาคารกว้างประมาณ 231 ตารางเมตรใช้หลอด LED ที่ผลิตรังสี UV แทนแสงอาทิตย์และใช้น้ำแทนดินเพื่อปลูกพืชผัก ผักเหล่านี้จัดส่งและให้บริการทุกวันในโรงอาหาร Rakuten Crimson House ความคิดริเริ่มนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้อุปทานที่มั่นคงของผักมีคุณค่าทางโภชนาการสูงเช่นเดียวกับการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานรูปแบบใหม่

21/09/2019
13/09/2019
13/09/2019
06/09/2019

ที่อยู่

39/45 หมู่บ้านซื่อตรง28 ถ. นวมินทร143 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม
Bangkok
10230

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 17:00
พุธ 09:00 - 17:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00
เสาร์ 09:00 - 17:00
อาทิตย์ 09:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+66851587489

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ สวนผักบ้านตั๊กผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง สวนผักบ้านตั๊ก:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์


ฟาร์มในเมือง อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด